โรคหลอดลมอักเสบ เป็นอีกโรคหนึ่งที่สร้างปันหาร้ายแรงให้กับปอดและระบบทางเดินหายใจของคุณเป็นอย่างมาก วันนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคหลอดลมอักเสบทั้ง 2 ชนิด เพื่อที่คุณจะได้มีแนวทางในการป้องกันโรคได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
สาเหตุการเกิด โรคหลอดลมอักเสบ
โรคหลอดลมอักเสบ คือภาวะที่ส่งผลต่อปอดและทางเดินหายใจ เป็นการอักเสบของหลอดลมที่เป็นทางเดินหายใจหลักในปอด และในบางกรณีอาจเป็นโรคติดต่อได้ สาเหตุหลักที่อาจทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบอักเสบเรื้อรังหรือเฉียบพลัน อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- เกิดจากไวรัส โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหมายความว่าโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันสามารถติดต่อสู่ผู้อื่นได้
- ปัจจัยสิ่งแวดล้อม ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดการอักเสบของทางเดินหายใจ และทำให้ปอดมีแนวโน้มในการติดเชื้อมากขึ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้
- มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น ควัน
- สารเคมีร้ายแรง การสูดดมสารเคมีอาจทำให้เกิดการละคายเคืองที่ปอดและทางเดินหายใจ
- ควันบุหรี่ ทั้งผู้สูบเองและผู้ที่สูดดมควันบุหรี่มือสอง
การแพร่เชื้อ
ผู้ที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันสามารถแพร่เชื้อได้ทันทีเมื่อมีอาการ ส่วนใหญ่ผู้คนมักแพร่เชื้อกันมากที่สุดในช่วงเริ่มต้นของอาการ ไวรัส หลอดลมอักเสบ สามารถติดต่อกันได้จากคนสู่คน ซึ่งสามารถแพร่เชื้อจากการไอหรือจาม ละอองเหล่านี้จะลอยขึ้นสู่อากาศและติดต่อสู่กันได้ทางจมูก ปาก หรือทางเดินหายใจ
ประเภทของ โรคหลอดลมอักเสบ
อาการหลักของ โรคหลอดสมอักเสบ คือ อาการไอเรื้อรังและมีเสมหะจำนวนมาก เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง สามารถสังเกตได้ ดังนี้
โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเป็นการอักเสบระยะสั้นของปอดและทางเดินหายใจ มักมีอาการน้อยกว่า 3 สัปดาห์ พบมากในผู้สูงอายุ ทารก และเด็ก ซึ่งแนวโน้มการเกิดมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวหรือมีการติดเชื้อไวรัส
อาการของโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันมักมีอาการคล้ายหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ดังนี้
- อาการไอ
- ปวดหัว
- รู้สึกเหนื่อยล้า
- อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- เจ็บคอ
โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic obstructive pulmonary disease : COPD) หากมีอาการของโรคคงอยู่นานกว่า 3 สัปดาห์ ติดต่อกัน แพทย์จะทำการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังหรือไม่ โดยมักแสดงอาการ ดังนี้
- อาการไอเรื้อรังและมีเสมหะจำนวนมาก
- หายใจถี่อย่างต่อเนื่อง
- มีประวัติเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- มีประวัติสูบบุหรี่
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคปอดบวม มักเกิดขึ้นเมื่อเชื้อแพร่กระจายไปยังปอดมากขึ้น ทำให้จำนวนของเหลวภายในถุงลมขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้นด้วย ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคปอดบวม ได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- คนที่สูบบุหรี่
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคตับหรือไต
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
อย่างไรก็ตามเมื่อมีอาการ หลอดลมอักเสบ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ได้เช่นกัน
การป้องกัน
มีหลายวิธีที่จะสามารถป้องกันการเกิด หลอดลมอักเสบ ได้ ดังนี้
- การเลิกสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และสร้างความเสียหายให้กับปอด ดังนั้นคุณจึงควรเลิกสูบบุหรี่และควรหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองด้วย
- หลีกเลี่ยงมลพิษ หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เต็มไปด้วยมลพิษ เพื่อลดความเสี่ยง หลอดลมอักเสบ และโรคหอบหืด
- การสวมหน้ากาก ควรสวมหน้ากากปิดทั้งปากและจมูก เพื่อช่วยป้องกันสิ่งที่จะสร้างความระคายเคืองต่อปอด และลดการอักเสบของทางเดินหายใจ
- รับวัคซีน เพื่อป้องกันการติดเชื้อในปอด ควรรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี ควบคู่ไปกับวัคซีนป้องกันโรคปอดและโรคไอกรนเป็นประจำ
- การล้างมือ การล้างมือเป็นประจำจะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสไปสู่ผู้อื่นได้
การรักษา
การรักษาโรคหลอดลมอักเสบอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
การรักษาโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
สำหรับโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน ปกติอาการจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์ ซึ่งการรักษาที่แนะนำ ได้แก่
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- พักผ่อนมาก ๆ
- หายใจเอาไอน้ำจากฝักบัว หรือไอจากน้ำร้อน
- กินยาตามแพทย์สั่ง
- งดการสูบบุหรี่
การรักษาโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
การรักษาโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จึงมักรักษาด้วยการลดอาการแทน โดยแนะนำให้เปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งเรื่องการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกาย และแพทย์อาจสั่งยาเพื่อฟื้นฟูปอดร่วมด้วย ได้แก่
- ยาสูดพ่น เพื่อรักษาการหายใจ
- ยาสเตียรอยด์ เพื่อช่วยรักษาอาการอักเสบ
- ยาขับเสบหะ เพื่อลดจำนวนเสมหะ
- ยาขยายหลอดลม เพื่อเปิดทางเดินหายใจ