backup og meta

ท้องนอกมดลูก ปัจจัยเสี่ยง อาการ และการรักษา

ท้องนอกมดลูก ปัจจัยเสี่ยง อาการ และการรักษา

โดยปกติแล้วการตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นหลังจากที่ไข่ผสมกับอสุจิ (การปฏิสนธิ) และตัวอ่อนฝังตัวเข้ากับผนังโพรงมดลูก แต่บางกรณี อาจเกิดภาวะที่เรียกว่า ท้องนอกมดลูก ซึ่งเป็นภาวะที่ตัวอ่อนไปฝังตัวอยู่ในบริเวณอื่นที่ไม่ใช่มดลูก เช่น ท่อนำไข่ รังไข่ บริเวณช่องท้องหรือส่วนล่างปากมดลูก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์ได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

[embed-health-tool-bmi]

ท้องนอกมดลูก อันตรายต่อแม่และทารกอย่างไร

การท้องนอกมดลูกนั้น ตัวอ่อนไม่สามารถเจริญเติบโตและมีชีวิตรอดจนกระทั่งคลอดออกมาได้ และขณะที่ตัวอ่อนกำลังเติบโตอยู่นอกมดลูกก็มักทำให้หญิงตั้งครรภ์มีภาวะเลือดออกรุนแรง จากการที่อวัยวะที่มีการไปฝังตัวของตัวอ่อนแตกออก ส่งผลอันตรายต่อทั้งหญิงตั้งครรภ์และเด็ก หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยหรือมีการดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสม

ปัจจัยเสี่ยง ท้องนอกมดลูก

ผู้ที่มีภาวะต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการท้องนอกมดลูกได้

  • เคยท้องนอกมดลูกมาก่อน 

ผู้หญิงที่เคยท้องนอกมดลูกมาก่อน อาจเสี่ยงเกิดภาวะนี้ได้อีกครั้งเมื่อท้องถัดไปประมาณ 10-15%

  • เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อ

การติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน หนองในเทียม ทำให้ท่อนำไข่หรืออวัยวะใกล้เคียงอักเสบ เกิดพังผืดในท่อนำไข่ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการท้องนอกมดลูกได้อีกด้วย

  • เคยรับการรักษาภาวะมีบุตรยาก

มีงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่มีการปฏิสนธินอกร่างกาย หรือมีการทำเด็กหลอดแก้ว หรือใช้วิธีที่คล้ายกันในการรักษาภาวะมีบุตรยาก เสี่ยงเกิดการท้องนอกมดลูก และอาจกล่าวได้ว่า ภาวะมีบุตรยากก็เพิ่มความเสี่ยงในการท้องนอกมดลูกได้เช่นกัน โดยเฉพาะในรายที่ทำกรณีใส่ตัวอ่อนระยะแรกไปที่บริเวณท่อนำไข่ แต่ ณ ปัจจุบันก็แทบไม่มีการใช้เทคนิคนี้แล้ว

  • การผ่าตัดท่อนำไข่

การผ่าตัดเพื่อรักษาและแก้ไขท่อนำไข่ที่ปิดหรือได้รับความเสียหาย  เพิ่มความเสี่ยงในการท้องนอกมดลูกได้

  • การคุมกำเนิดต่าง ๆ 

โอกาสในการตั้งครรภ์ของผู้ที่ใส่ห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine device)  หรือ IUD นั้นเป็นไปได้ยาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้าหากตั้งครรภ์ขณะที่มีการใส่ห่วงคุมกำเนิดอยู่ด้วย อาจทำให้เสี่ยงท้องนอกมดลูกได้ และนอกจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีใส่ห่วงคุมกำเนิดแล้ว การคุมกำเนิดแบบถาวรหรือการทำหมันด้วยการผ่าตัดผูกท่อนำไข่ ก็ทำให้เสี่ยงท้องนอกมดลูกได้เช่นกัน หากท้องหลังจากใช้วิธีคุมกำเนิดเหล่านี้ไปแล้ว

นอกจากนี้ การท้องนอกมดลูกยังอาจเกิดจากปัจจัยเหล่านี้ได้ด้วย

  • โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ เพราะการติดเชื้ออาจไปทำลายท่อนำไข่ มดลูก หรือส่วนอื่น ๆ ของกระดูกเชิงกรานได้
  • ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นภาวะที่เซลล์โพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ อาจไปเติบโตที่รังไข่ อุ้งเชิงกราน หรือกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้เกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกรานตามมาได้
  • รอยแผลเป็นในเชิงกราน รอยแผลดังกล่าวอาจมาจากการผ่าตัดครั้งก่อน
  • การสูบบุหรี่เป็นประจำ ทำให้เสี่ยงท้องนอกมดลูกได้ ยิ่งสูบบุหรี่มากเท่าไหร่ ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น จึงควรเลิกสูบบุหรี่ก่อนจะมีการตั้งครรภ์

สัญญาณที่บ่งบอกว่า ท้องนอกมดลูก

ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของการตั้งครรภ์ หลายคนอาจไม่ทราบว่าตัวเองกำลังตั้งท้องอยู่ จึงไม่ทราบด้วยว่า ภาวะที่เกิดขึ้นเป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติหรือไม่ แต่หากมีอาการต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณของภาวะท้องนอกมดลูกได้

  • มีเลือดออกทางช่องคลอด
  • รู้สึกปวดที่กระดูกเชิงกราน
  • เป็นตะคริวที่ช่องท้องอย่างรุนแรง
  • มีอาการปวดท้องน้อย หรือร่างกายซีกใดซีกหนึ่ง
  • เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย
  • มีอาการปวดไหล่ คอ และลำไส้ใหญ่

อาการที่เป็นสัญญาณแรก ๆ ของภาวะท้องนอกมดลูก คือ อาการปวดบริเวณเชิงกราน และการมีเลือดออกที่ช่องคลอด ขณะที่เลือดไหลอาจรู้สึกปวดท้อง หรือปวดที่เชิงกราน และอาจตามมาด้วยอาการปวดบริเวณไหล่ หรือคอ

ในกรณีที่ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วยังคงเจริญเติบโตอยู่ที่บริเวณท่อนำไข่ อาจทำให้เสี่ยงท่อนำไข่แตก และมีเลือดออกในช่องท้องเป็นจำนวนมาก อาการดังกล่าวเป็นอันตรายต่อชีวิต หากรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เป็นลม และปวดท้องอย่างรุนแรงจนทนไม่ไหว อาจเป็นสัญญาณว่าท่อน้ำไข่แตก ควรรีบไปพบคุณหมอทันที

วิธีรักษาภาวะท้องนอกมดลูก

แพทย์อาจพิจารณาให้ยุติการตั้งครรภ์และนำตัวอ่อนออก เพื่อรักษาชีวิตและสุขภาพของคุณแม่ โดยอาจให้ยายับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ แต่หากมีข้อห้ามในการให้ยา ภาวะท่อนำไข่แตก หรือมีสภาวะเลือดออกมากจนเกินไป อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ

ในขณะตั้งครรภ์ หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบคุณหมอทันที

  • มีอาการปวดท้องหรือปวดเชิงกรานอย่างรุนแรง
  • มีเลือดออกที่ช่องคลอดมากผิดปกติ
  • วิงเวียนศีรษะ เป็นลม

หากผู้ที่เคยมีภาวะท้องนอกมดลูกอยากตั้งครรภ์อีกครั้ง ควรปรึกษาคุณหมอถึงระยะเวลาที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้สำเร็จ ไม่ทำให้ทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Ectopic pregnancy. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/ectopic-pregnancy/symptoms-causes/syc-20372088. Accessed on February 7, 2020.

Ectopic (Extrauterine) Pregnancy. https://www.webmd.com/baby/pregnancy-ectopic-pregnancy#1. Accessed on February 7, 2020.

Ectopic Pregnancy. https://americanpregnancy.org/pregnancy-complications/ectopic-pregnancy/. Accessed on February 7, 2020.

Ectopic Pregnancy: Signs, Symptoms & Treatment. https://www.livescience.com/51711-ectopic-pregnancy.html. Accessed on February 7, 2020.

Ectopic pregnancy. https://www.nhs.uk/conditions/ectopic-pregnancy/. Accessed January 31, 2022.

เวอร์ชันปัจจุบัน

14/07/2023

เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงรัชตภา นาเวศภูติกร

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

คนท้องนอนไม่หลับ อาการในแต่ละไตรมาสของการตั้งครรภ์

มีเพศสัมพันธ์ ลึกแค่ไหนถึงท้อง


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงรัชตภา นาเวศภูติกร

สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์


เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 14/07/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา