เมื่อปี ค.ศ. 2011 ประเทศที่มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่มากที่สุดในโลก 3 อันดับคือ อินเดีย 83% บราซิล 16% และอินโดนีเซีย 9% โดยจากข้อมูลพบว่า ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี จะพบโรคเรื้อนได้มากที่สุดในช่วงอายุ 10-14 ปี อีกทั้งยังมีกรณีที่เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ติดโรคเรื้อนอีกด้วย
แม้โรคเรื้อนจะพบได้มากในกลุ่มผู้ใหญ่ แต่กลับมีความอันตรายกว่ามากหากเกิดขึ้นกับเด็ก เนื่องจากเมื่อ เด็กเป็นโรคเรื้อน อาการอาจจะสังเกตเห็นได้ยากกว่าผู้ใหญ่ กว่าจะรู้ตัวก็อาจเกิดการแพร่กระจายของโรคอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการควบคุม อีกทั้งอาการของโรคอาจรุนแรง จนส่งผลกระทบต่อร่างกายแบบไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ โดยเฉพาะกับเด็ก ที่พัฒนาการของร่างกายอาจยังไม่เจริญเต็มที่ การติดโรคเรื้อนโดยไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้พัฒนาการของร่างกายเด็กมีปัญหา และอาจทำให้พิการได้
สัญญาณที่บอกว่าลูกของคุณอาจจะเป็นโรคเรื้อน
คุณสามารถสังเกตสัญญาณว่า เด็กเป็นโรคเรื้อน ได้ ดังนี้
- ผิวบางจุดมีสีซีดลง เป็นด่าง
- มีตุ่มหรือก้อนบนผิวหนัง
- ผิวแห้งและหนาขึ้น
- เกิดแผลตามตัว
- เด็กเป็นโรคเรื้อน จะมีประสาทสัมผัสการรับรู้ความรู้สึกลดลง และไม่รู้สึกเจ็บแผล
- ขนคิ้วและขนตาร่วง
- มีอาการชาบนผิวหนัง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- การมองเห็นมีปัญหา
- เส้นประสาทใต้ผิวหนังขยายใหญ่ขึ้น
- เลือดกำเดาไหล
- แน่นจมูก หายใจลำบาก
สัญญาณของ โรคเรื้อนในเด็ก เหล่านี้อาจจะสังเกตได้ยาก และหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่อาการดังต่อไปนี้
- อัมพาต
- ตาบอด
- เสียโฉม
- แผลเรื้อรัง ไม่ยอมหาย
- ปวดประสาท
- แสบร้อนบนผิวหนัง
เด็กเป็นโรคเรื้อน จะรักษาได้อย่างไร
แม้ว่า โรคเรื้อนในเด็ก จะสังเกตได้ค่อนข้างยาก และทำให้มีโอกาสรักษาได้ช้ากว่าปกติ แต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยปกติแล้ว แพทย์จะรักษาโรคเรื้อนในเด็กด้วยยาปฏิชีวนะ 2-3 ชนิดในเวลาเดียวกัน และอาจต้องใช้เวลานานหลายปี กว่าที่อาการของโรคเรื้อนจะหายไปจนหมด
ยาปฏิชีวนะที่แพทย์ใช้ อาจจะดังต่อไปนี้