ยาระบาย ใช้อย่างไรให้ถูกวิธีและปลอดภัย
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของการใช้ ยาถ่าย คือการรักษาอาการท้องผูกที่เกิดเป็นครั้งคราว หรือในกรณีที่ลองใช้วิธีอื่น ๆ ตามธรรมชาติแล้วไม่ได้ผล เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรใช้ ยาถ่าย แบบผิดจุดประสงค์ และควรใช้ ยาถ่าย ในปริมาณที่แนะนำ โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาระบายเสมอ อย่าลืมว่า การใช้ยาเพื่อการระบายต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการดื้อยา และส่งผลกระทบต่อการทำงานของลำไส้ในระยะยาวได้
ยาระบาย หรือ ยาถ่าย แต่ละประเภทก็มีวิธีใช้ต่างกัน ดังนั้น ทางที่ดีควรศึกษาวิธีใช้ที่ถูกต้องตามนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
ยาที่กระตุ้นการขับถ่ายอุจจาระ
ยาถ่าย ประเภทนี้ไม่ควรใช้ในปริมาณมากเกินกว่าที่แนะนำ และไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ยาประเภทนี้มีทั้งรูปแบบ ยาเม็ดเคลือบ และ ยาเหน็บทวารหนัก ให้เลือกใช้ สำหรับยาชนิดเม็ดเคลือบ แนะนำว่าควรรับประทานก่อนนอน เพื่อให้ลำไส้เกิดการบีบตัวในเช้าวันรุ่งขึ้น และควรกลืนยาทั้งเม็ด ไม่ควรเคี้ยว หรือแบ่งยา พร้อมกับดื่มน้ำตามมาก ๆ และไม่ควรรับประทานยาร่วมกับอาหารหรือยาบางอย่าง เช่น นม และ ยาลดกรด เพื่อไม่ให้ยาละลายเร็วเกินไป
ยาที่มีฤทธิ์เพิ่มปริมาณอุจจาระ
ยาถ่าย ประเภทนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์ จึงควรดื่มน้ำตามมาก ๆ อย่างน้อยควรดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ตามไม่ต่ำกว่า 1 แก้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟเบอร์ไปอุดกั้นในลำไส้
ยาที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม
ยาประเภทนี้ออกฤทธิ์กับอุจจาระโดยตรง คือทำให้อุจจาระอ่อนตัวลงและขับถ่ายออกมาง่ายขึ้น โดยไม่ไปกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร สตรีมีครรภ์ และเด็ก แต่ก็ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานานเช่นกัน
ยาที่มีแรงดันออสโมติก
ยาที่มีแรงดันออสโมติกมีประโยชน์กับผู้ที่มีอาการท้องผูกแบบไม่ทราบสาเหตุ เมื่อรับประทาน ยาถ่าย ประเภทนี้แล้ว ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อให้ยาทำงานเต็มประสิทธิภาพ
ยาที่หล่อลื่นอุจจาระ
ควรใช้ยานี้หลังจากรับประทานอาหารไปแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะยานี้อาจไปรบกวนระบบการย่อยและการดูดซึมสารอาหารหรือวิตามินได้ และมักแนะนำให้กินก่อนนอนเพื่อความสะดวก เนื่องจากยาใช้เวลาออกฤทธิ์ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย