backup og meta

ไมโทเทน (Mitotane)

ข้อบ่งใช้

ยา ไมโทเทน ใช้สำหรับ

ยา ไมโทเทน (Mitotane) ใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งที่ต่อมหมวกไต ทำงานโดยชะลอการเติบโตหรือฆ่าเซลล์ต่อมหมวกไตและลดปริมาณของฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไต

วิธีการใช้ยา ไมโทเทน

รับประทานยาไมโทเทนพร้อมกับอาหารหรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติ คือ วันละ 3 หรือ 4 ครั้ง ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา

ควรใช้ยานี้เป็นประจำ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน อย่าเพิ่มขนาดยา ใช้ยาบ่อยกว่า หรือใช้นานกว่าที่แพทย์กำหนด เพราะไม่ได้ช่วยให้อาการของคุณหายไวขึ้นและความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจะเพิ่มขึ้น

ควรเรียนรู้วิธีการเก็บรักษา และกำจัดยาและบรรจุภัณฑ์ของยานี้อย่างปลอดภัย

เนื่องจากยานี้สามารถซึมผ่านผิวหนังและปอด และอาจทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังจะตั้งครรภ์ไม่ควรถือยานี้หรือสูดดมฝุ่นละอองจากยา

การเก็บรักษายา ไมโทเทน

ยาไมโทเทนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไมโทเทนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยา หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาไมโทเทนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไมโทเทน

ก่อนใช้ยานี้แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยานี้ หรือหากคุณมีอาการแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ ได้ โปรดสอบถามเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคตับ

ยานี้อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกัญชาอาจทำให้อาการง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว จนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรค

ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบ เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ

เนื่องจากยานี้สามารถซึมผ่านผิวหนังและปอด และอาจทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังจะตั้งครรภ์ไม่ควรถือยานี้ หรือสูดดมฝุ่นละอองจากยา

แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณตั้งครรภ์หรือตั้งใจที่ตั้งครรภ์ คุณไม่ควรตั้งครรภ์ขณะใช้ยาไมโทเทน ยานี้อาจทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ โปรดสอบถามแพทย์เกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดที่น่าเชื่อถือ ขณะที่กำลังใช้ยานี้และช่วงเวลาหนึ่งหลังจากหยุดใช้ยา แพทย์จะทำการตรวจเลือด เพื่อพิจารณาว่า คุณควรหยุดใช้ยาคุมกำเนิดเมื่อไหร่ โปรดปรึกษาเรื่องความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยากับแพทย์

ยานี้สามารถส่งผ่านน้ำนมแม่ และอาจทำอันตรายต่อทารก ไม่แนะนำการให้นมบุตรขณะที่กำลังใช้ยานี้และช่วงเวลาหนึ่งหลังจากหยุดใช้ยา แพทย์จะทำการตรวจเลือด เพื่อพิจารณาว่าคุณควรเริ่มให้นมบุตรได้เมื่อไหร่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา

ยาไมโทเทนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยา ไมโทเทน

อาจเกิดอาการวิงเวียน ง่วงซึม คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง เบื่ออาหาร หรืออาการอ่อนแรง แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือแย่ลง

เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการวิงเวียนและเวียนศีรษะ ควรลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอนอย่างช้าๆ

โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ

แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วหรือผิดปกติ มีการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ เช่น ซึมเศร้า สับสน การมองเห็นเปลี่ยนแปลง เช่น มองเห็นไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน สีผิวเปลี่ยน หมดสติ มีรอยช้ำหรือเลือดออกได้ง่าย ปัสสาวะเป็นเลือด มีสัญญาณของอาการซีสต์ที่รังไข่ (ovarian cyst) เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติ มีอาการปวดที่กระดูกเชิงกราน

ยาไมโทเทนมักทำให้เกิดอาการผดผื่นเล็กน้อยที่ไม่รุนแรง แต่คุณอาจไม่สามารถแยกแยะระหว่างผดผื่นที่เป็นสัญญาณของอาการแพ้ที่รุนแรง จึงควรรับการรักษาในทันที หากคุณเกิดผดผื่นขณะใช้ยา

การแพ้ยาที่รุนแรงนี้ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) เวียนหัวขั้นรุนแรง หายใจติดขัด

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยานี้สามารถเพิ่มการกำจัดยาอื่นๆ ออกจากร่างกายและส่งผลกระทบต่อการทำงานของยาเหล่านั้นได้ ตัวอย่างของยาเหล่านั้นมีดังนี้

  • นาลเดเมดีน (naldemedine)
  • ราโนลาซีน (ranolazine)
  • ยาบางชนิดที่ใช้เพื่อรักษาโรคตับอักเสบซี (hepatitis C) เช่น อะซูนาพรีเวียร์ (asunaprevir) ดาคลาทาเวียร์ (daclatasvir) ออมบิทาสเวียร์ (ombitasvir) พาริทาพรีเวียร์ (paritaprevir) ริโทนาเวียร์ (ritonavir) และอื่นๆ

แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกร หากคุณกำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม รวมถึง

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • กัญชา
  • ยาต้านฮีสตามีน (antihistamines) เช่น เซทิริซีน (cetirizine) ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine)
  • ยานอนหลับหรือยาสำหรับอาการวิตกกังวล เช่น อัลปราโซแลม (alprazolam) ไดอะซีแพม (diazepam) โซลพิเดม (zolpidem)
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น คาริโซโพรดอล (carisoprodol) ไซโคลเบนซาพรีน (cyclobenzaprine)
  • ยาแก้ปวดแบบเสพติด (narcotic pain relievers) เช่นโคเดอีน (codeine) ไฮโดรโคโดน (hydrocodone)

อ่านฉลากยาทั้งหมดที่คุณใช้ (เช่น ยาแก้ไอแก้หวัด) เนื่องจากยาเหล่านี้อาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม สอบถามเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาเหล่านี้อย่างปลอดภัย

ยาไมโทเทนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาไมโทเทนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาไมโทเทนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาไมโทเทนสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งที่ต่อมหมวกไตชั้นนอก (Adrenal Cortical Carcinoma)

  • ขนาดยาเริ่มต้น 2 ถึง 6 กรัม แบ่งรับประทานวันละ 3 ถึง 4 ครั้ง
  • ขนาดยาปกติ 9 ถึง 10 กรัม แบ่งรับประทานวันละ 3 ถึง 4 ครั้ง
  • ขนาดยาสูงสุด อาจเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 16 กรัม แบ่งรับประทานวันละ 3 ถึง 4 ครั้ง หากทนได้ ขนาดยาสูงสุดที่มีการวิจัยคือ 18 ถึง 19 กรัม ต่อวัน
  • ระยะเวลาการรักษา ควรรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นประโยชน์ทางการแพทย์

คำแนะนำ

  • ค่อยๆ เพิ่มขนาดยาในแต่ละวัน
  • ควรทำการรักษาในโรงพยาบาลจนกว่าจะได้รับขนาดยาที่คงตัว
  • ข้อมูลสนับสนุนว่าการรักษาอย่างต่อเนื่องที่ขนาดยาสูงสุด คือ วิธีที่ดีที่สุด ดังนั้นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาเป็นระยะ (เริ่มต้นการรักษาอีกครั้ง เมื่อมีอาการที่รุนแรงเกิดขึ้นอีก) มักจะไม่มีการตอบสนองต่อการรักษาชุดที่ 3 หรือ 4

การใช้งาน เพื่อรักษาโรคมะเร็งที่ต่อมหมวกไตชั้นนอกที่ผ่าตัดไม่ได้ (inoperable) ทั้งชนิดที่ทำงานอยู่และไม่ทำงาน

การปรับขนาดยาสำหรับตับ

ผุ้ป่วยโรคตับควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

การปรับขนาดยา

ผลข้างเคียงรุนแรงที่เกิดขึ้นขณะการรักษา

ลดขนาดยาลงไปจนกระทั่งได้ขนาดยาที่ทนได้สูงสุด หากผู้ป่วยสามารถทนขนาดยาที่สูงกว่าได้ และมีการตอบสนองทางการการแพทย์ที่ดีขึ้น อาจเพิ่มขนาดยา จนกระทั่งมีการแทรกแซงของอาการที่ไม่พึงประสงค์

การฟอกไต

ไม่มีข้อมูล แต่ยานี้ไม่น่าจะสามารถฟอกได้ เนื่องจากไลโปฟิลิกตามธรรมชาติ (lipophilic)

คำแนะนำอื่นๆ

คำแนะนำการใช้ยา

  • ไม่ควรบดยาเม็ด
  • หากสัมผัสกับยาที่บดหรือหัก ควรล้างบริเวณที่สัมผัสทันที

การเก็บรักษา

  • สารเป็นพิษต่อเซลล์ (cytotoxic agents) ควรจัดการและกำจัดด้วยขั้นตอนที่ปลอดภัย
  • ควรสวมถุงมือป้องกันขณะที่ถือยานี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการที่ยาจะสัมผัสถูกผิวหนัง

ทั่วไป

  • ประโยชน์หรือประสิทธิภาพทางการแพทย์นั้น อาจมีทั้งการรักษาระดับสถานะทางการแพทย์ การชะลอการเติบโตของแผลที่ลุกลาม การลดมวลของเนื้องอก ลดอาการปวด อาการอ่อนแรง หรืออาการอะนอเร็กเซีย (anorexia) ลดสัญญาณและอาการของการผลิตสเตียรอยด์มากเกินไป
  • หากไม่พบประโยชน์ทางการแพทย์ภายใน 3 เดือนหลังจากรักษาด้วยขนาดยาที่ทนได้สูงสุด (MTD) ควรพิจารณาว่าเป็นกรณีล้มเหลว แต่ 10% ของผู้ป่วย แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองที่สามารถวัดได้หลังจากใช้ยาที่ขนาดยาที่ทนได้สูงสุด นานมากกว่า 3 เดือน
  • การวินิจฉัยพบตั้งแต่ช่วงแรก และการเริ่มต้นการรักษาอย่างรวดเร็วนั้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการตอบสนองการการแพทย์ในทางบวก
  • ไม่มีการพิสูจน์ยาแก้พิษสำหรับการใช้ยานี้เกินขนาด จำเป็นต้องมีการตรวจสอบความเป็นพิษในระยะยาวเนื่องจากยานี้มีครึ่งชีวิตที่ยาว

การเฝ้าระวัง

  • ต่อมไร้ท่อ สัญญาณและอาการของภาวะขาดต่อมหมวกไต (adrenal insufficiency) คอร์ติซอลอิสระ (free cortisol) และระดับของคอร์ติโคโทรปิน (corticotropin) หรือเอซีทีเอช (ACTH) (หากจำเป็นต้องทำการรักษาทดแทนสเตียรอยด์)
  • เลือด การตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด (ขณะการรักษา)
  • ตับ: ตรวจสอบสมรรถภาพของตับ (เป็นระยะ โดยเฉพาะขณะช่วงเดือนแรกของการรักษาหรือการเพิ่มขนาดยา)
  • ระบบประสาท ารตรวจประเมินทางพฤติกรรมและระบบประสาท (เว้นช่วงเป็นประจำ โดยเฉพาะเพื่อระดับของพลาสม่าของยานี้เกิน 20 มก./ลิตร)
  • ความเป็นพิษ ระดับของพลาสม่าของยา (ระหว่างการรักษาเพื่อหลีกเลี่ยงระดับความเป็นพิษ หลังจากหยุดการรักษา และควรหยุดใช้ยาคุมกำเนิดเมื่อไหร่)

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

  • ติดต่อแพทย์หากมีไข้ การติดเชื้อ การผ่าตัด หรือมีอาการปวดขณะใช้ยานี้ เนื่องจากอาจต้องรับประทานยาสเตียรอยด์เพิ่มเพื่อช่วยให้ร่างกายรับมือกับความเครียดเหล่านี้ได้
  • ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดที่สามารถใช้ได้ระหว่างการรักษาและระยะเวลาในการใช้ยาคุมกำเนิดหลังจากหยุดใช้ยานี้
  • ควรค่อยๆ ลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอนอย่างช้าๆ และควรระมัดระวังขณะเดินขึ้นบันไดเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการวิงเวียนหรือหมดสติขณะที่กำลังใช้ยานี้
  • หากร่างกายของคุณสัมผัสกับยาที่แตกหรือบดละเอียด ควรล้างบริเวณนั้นในทันทีและติดต่อกับแพทย์
  • คุณไม่ควรรับประทานยาเกินหรือรับประทานยาสำหรับ 2 ครั้งภายในคราวเดียว ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการจัดการเมื่อลืมใช้ยา
  • ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่นง่วงซึมและสับสนซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมบางอย่าง หลีกเลี่ยงการขับรถหรือใช้เครื่องจักรจนกว่าคุณจะทราบว่ายานี้ส่งผลกระทบกับคุณอย่างไร
  • ผู้ดูแลควรสวมถุงมือป้องกันเมื่อถือยานี้
  • ผู้ตั้งครรภ์ไม่ควรจับหรือสัมผัสกับยานี้

ขนาดยาไมโทเทนสำหรับเด็ก

ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาเม็ดสำหรับรับประทาน

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

[embed-health-tool-bmi]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Mitotane Tablet. https://www.webmd.com/drugs/2/drug-1550/mitotane-oral/details. Accessed March 22, 2018.

Mitotane Dosage. https://www.drugs.com/dosage/mitotane.html. Accessed March 22, 2018.

Chemotherapy for Adrenal Cancer. https://www.cancer.org/cancer/adrenal-cancer/treating/chemotherapy.html

 

เวอร์ชันปัจจุบัน

11/05/2020

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ

อัปเดตโดย: Nattavara Pasathan


บทความที่เกี่ยวข้อง

6 วิธีรับมือ อาการอ่อนเพลียจากการรักษามะเร็ง

น้ำตาล เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคมะเร็งจริงหรือ


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา