กล้วย สุดยอดผลไม้ยอดนิยมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน กล้วยเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายแขนง โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกิน ที่เป็นได้ทั้งวัตถุดิบในอาหารคาว และอาหารหวาน อีกทั้งการรับประทานกล้วยสุกแบบทั้งลูกก็ยังได้ทั้งความอร่อย และคุณค่าทางสารอาหารแบบเต็มเปี่ยมด้วย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มีใครหลายคนที่ไม่สามารถรับประทานกล้วยได้เลย เนื่องจากมีอาการของ โรคแพ้กล้วย แล้วโรคแพ้กล้วยที่ว่านี้คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร มาหาคำตอบกันได้ กับบทความนี้จาก Hello คุณหมอ
โรคแพ้กล้วยคืออะไร
โรคแพ้กล้วย หรืออาการแพ้กล้วย ฟังดูแปลก แต่มีอยู่จริง โดยอาการแพ้กล้วยนั้นเป็นผลมาจากโปรตีนชนิดที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ซึ่งพบในกล้วย และโปรตีนดังกล่าวยังเป็นโปรตีนชนิดเดียวกันกับที่พบในถั่ว หรือผลไม้อื่น ๆ ที่สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งคุณอาจเคยได้ยินในชื่อ อาการแพ้ถั่ว หรือโรคแพ้แอปเปิ้ล กันมาบ้าง สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรง สามารถที่จะแสดงอาการออกมาเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่รับประทนกล้วยเข้าไป ในขณะที่บางรายอาจมีอาการแพ้แค่เพียงชั่วคราว และทุเลาลงได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือครึ่งชั่วโมง
สาเหตุของอาการแพ้กล้วยมาจากอะไร
แน่นอนว่าอาการแพ้กล้วยนั้น สาเหตุหลักและสาเหตุเดียวก็คือมาจากการรับประทานกล้วย แต่ที่มากกว่าการรับประทานกล้วยนั่นก็คือ การแพ้โปรตีน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า อาการแพ้โปรตีนลาเท็กซ์ หรือแพ้โปรตีนในน้ำยาง (Latex food syndrome) และกล้วยเป็นผลไม้ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของผลไม้ที่มีโปรตีนสำหรับก่อภูมิแพ้ดังกล่าว เช่นเดียวกับ กีวี แอปเปิ้ล และอะโวคาโด ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้โปรตีนลาเท็กซ์ หรือแพ้โปรตีนในผลไม้ชนิดอื่น ๆ ต่างก็มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการแพ้กล้วยได้เช่นกัน
อาการของ โรคแพ้กล้วย เป็นอย่างไร
อาการแพ้สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ทันทีหลังจากที่รับประทานกล้วยเข้าไป แต่กับบางรายอาจใช้เวลาสักพักจึงจะมีอาการ ซึ่งการแสดงอาการก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลด้วย อย่างไรก็ตาม อาการแพ้กล้วย มีดังต่อไปนี้
- มีอาการคันบริเวณริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ
- เป็นลมพิษ
- ตาบวม
- คันที่ดวงตา
- ตาแดง
- มีอาการจาม และน้ำมูกไหล
- หายใจถี่รัว
- ปวดท้อง
- อาเจียน
- ท้องเสีย
และสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้โปรตีนในน้ำยาง อาการแพ้กล้วยอาจทวีความรุนแรงได้มากขึ้นกว่าอาการปกติ ได้แก่
- ลมพิษและมีอาการคัน
- ผิวเป็นผื่นแดง
- หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดังฮืดฮาด
- คอบวม
- เสียงแหบ
- ความดันโลหิตลดลง
- เกิดอาการช็อค
- เวียนศีรษะ
- อาเจียน
- ท้องเสีย
การป้องกันอาการแพ้กล้วย
การรักษาที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ระวัง และหลีกเลี่ยงการรับประทานกล้วย รวมถึงอาหารที่มีส่วนผสมของกล้วย และผลไม้ประเภทอื่น ๆ เช่น กีวี หรืออะโวคาโด เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีโปรตีนก่อภูมิแพ้ชนิดเดียวกันกับที่พบในกล้วย อย่างไรก็ตาม สามารถที่จะระมัดระวังได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยเข้ารับการทดสอบอาการแพ้ ตรวจหาค่าความแพ้ต่อโปรตีน เพื่อที่จะสามารถระมัดระวังและรับมือกับอาการแพ้ที่จะเกิดขึ้นได้ และอีกข้อสำคัญสำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ คือ ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้ชนิดใดก็ตาม ควรแจ้งต่อคนรอบข้างให้รับทราบถึงอาการป่วยของตนเอง เพื่อที่ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น จะได้สามารถรับมือได้ถูกต้องและทันเวลา
เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ
สามารถไปพบคุณหมอได้ในสองกรณีคือ กรณีที่หนึ่ง ไปพบคุณหมอ เพื่อเข้ารับการทดสอบอาการแพ้ เป็นการป้องกันตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ให้สามารถที่จะหลีกเลี่ยงและดูแลตนเองให้ห่างไกลจากอาการแพ้ชนิดนั้น ๆ และอีกหนึ่งกรณีคือ เมื่อมีอาการแพ้หลังจากรับประทานกล้วยเข้าไป โดยอาการนั้นไม่ทุเลาลง และทวีความรุนแรงมากขึ้น ควรรีบพาผู้ป่วยไปพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจและรับการรักษาโดยทันที
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmr]