สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

หนองในเทียม และ หนองในแท้ แตกต่างกันอย่างไร

บทความนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาดูข้อแตกต่างระหว่าง หนองในเทียม และ หนองในแท้ แบบเข้าใจง่าย กันค่ะ จะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันอย่างไร และจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ เลยค่ะ หนองในเทียม และ หนองในแท้ แตกต่างกันอย่างไร หนองในเทียม และ หนองในแท้มีข้อแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ สาเหตุ หนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า คลามัยเดีย ทราโคมาทิส (Chlamydia trachomatis) หนองในแท้ (Gonorrhoea) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhea) ระยะการฟักตัว หนองในเทียม มีระยะการฟักตัวค่อนข้างนาน โดยส่วนใหญ่มักมีระยะการฟักตัวมากกว่า 1-3 สัปดาห์ หนองในแท้ มีระยะการฟักตัวค่อนข้างสั้น โดยส่วนใหญ่มักมีระยะการฟักตัวภายใน 1-5 วัน อาการของโรคหนองใน อาการโรคหนองในเทียมในเพศชาย ในระยะแรก ๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกคันที่บริเวณท่อปัสสาวะ และมีน้ำสีใส ๆ หรือขุ่น ๆ ไหลออกมาจากปลายองคชาต อาการโรคหนองในแท้ในเพศชาย […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

หนองในแท้

หนองใน หรือหนองในแท้ อาการ สาเหตุ วิธีรักษา

หนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhoeae) หรือโกโนคอกคัส (gonococcus) โรคนี้สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนได้ คำจำกัดความหนองใน คืออะไร หนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhoeae) หรือโกโนคอกคัส (gonococcus) หนองใน สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนได้ง่ายผ่านช่องทางดังตัวอย่างต่อไปนี้ การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ปาก หรือทวารหนักโดยไม่สวมถุงยางอนามัย การใช้อุปกรณ์ช่วยตัวเองหรือเซ็กส์ทอยร่วมกับผู้อื่น โดยไม่ล้างอุปกรณ์ให้สะอาด หรือหุ้มด้วยถุงยางอนามัยก่อนใช้งาน หนองในพบได้บ่อยเพียงใด หนองในพบได้บ่อยมาก มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหนองในมีโอกาสถ่ายทอดเชื้อหนองในไปสู่ลูกได้ระหว่างการคลอดบุตร อาการอาการของหนองใน อาการที่พบได้บ่อยของโรคหนองใน ได้แก่ มีสารคัดหลั่งสีเขียวหรือเหลืองไหลออกจากช่องคลอดหรือองคชาต ปวดเมื่อปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยขึ้น ปลายองคชาต หรืออัณฑะบวมหรือแดง เจ็บคอไม่หาย (ติดเชื้อที่ปาก) ประจำเดือนมามาก หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย เจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เจ็บแปลบบริเวณท้องส่วนล่างหรือท้องน้อย ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบคุณหมอทันที เจ็บปวดขณะปัสสาวะ หรืออุจจาระ มีของเหลวไหลออกจากช่องคลอดมากผิดปกติ มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด คันบริเวณทวารหนัก ปวดที่บริเวณรูทวารหนัก สาเหตุสาเหตุโรคหนองใน โรคหนองในเกิดจากเชื้อแบคทีเรียไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhoeae) หรือโกโนคอกคัส (gonococcus) โรคนี้สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนได้อย่างได้ง่ายผ่านช่องทางดังต่อไปนี้ การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ปาก หรือทวารหนักโดยไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน การใช้อุปกรณ์ช่วยตัวเองหรือเซ็กส์ทอยร่วมกับผู้อื่น โดยไม่ล้างอุปกรณ์นั้นให้สะอาด หรือหุ้มด้วยถุงยางอนามัยก่อนใช้งาน ปัจจัยเสี่ยงปัจจัยเสี่ยงของโรคหนองใน ปัจจัยเสี่ยงโรคหนองในมีด้วยกันหลายประการ แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก โดยไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงในการติดโรคอาจเพิ่มขึ้น หากมีคู่นอนคนใหม่ หรือมีคู่นอนหลายคน หรือหากมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์   การวินิจฉัยและการรักษาโรคข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การวินิจฉัยโรคหนองใน คุณหมออาจวินิจฉัยโรคหนองในได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ การซักประวัติทางการแพทย์ และลักษณะอาการที่เกิดขึ้น การทดสอบตัวอย่างสารคัดหลั่งที่ไหลออกมา การทดสอบตัวอย่างปัสสาวะ การรักษาโรคหนองใน ส่วนใหญ่แล้ว คุณหมอจะรักษาโรคหนองในด้วยการฉีดยาปฏิชีวนะและให้รับประทานยาปฏิชีวนะ ควรเข้าพบคุณหมออีกครั้งหลังเข้ารับการรักษา 1-2 […]


สุขภาพทางเพศ

ท้องอืดก่อนเป็นเมน รับมือได้อย่างไร

ท้องอืดก่อนเป็นเมน เป็นหนึ่งในอาการที่ผู้หญิงหลายคนอาจต้องเผชิญ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง และไม่สบายตัว รวมถึงยังอาจทำให้รู้สึกไม่มีความมั่นในตัวเอง ดังนั้น จึงควรเรียนรู้วิธีรับมือกับอาการ ท้องอืดก่อนเป็นเมน เพื่อช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากยิ่งขึ้น [embed-health-tool-ovulation] วิธีรับมือกับอาการ ท้องอืดก่อนเป็นเมน อาการท้องอืดก่อนเป็นเมน อาจรับมือได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ ช่วงมีประจำเดือน ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอกับที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดยทั่วไปคือ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะการดื่มน้ำเปล่าจะช่วยให้ไตทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการบวมน้ำ ที่นำไปสู่อาการท้องอืดตอนมีประจำเดือนได้ ขับปัสสาวะลดอาการ ท้องอืดตอนมีประจำเดือน ยาขับปัสสาวะหรืออาหารที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะจะช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำปัสสาวะได้มากขึ้น ร่างกายจึงสามารถกำจัดของเหลวส่วนเกินออกไปได้ ไม่เกิดอาการบวมน้ำ และอาการท้องอืด แต่หากสาวๆ คนไหนไม่กล้ากินยาขับปัสสาวะ เพราะกลัวเกิดผลข้างเคียง เช่น หน้ามืด อ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำ อาจลองกินพืชผักผลไม้ที่มีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ เช่น แอสพารากัส สัปปะรด แตงกวา ขิง กระเทียม ก็ได้ ลดโซเดียม อาหารรสเค็ม โซเดียม คือเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย สามารถพบได้ในอาหาร และเครื่องปรุงต่างๆ มากมาย เช่น ในเกลือ น้ำปลา อาหารกระป๋อง ขนมขบเคี้ยว ทำหน้าที่ควบคุมช่วยของเหลวในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ หากบริโภคโซเดียมมากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะบวมน้ำ และมีอาการท้องอืด สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากท้องอืดช่วงมีประจำเดือนจึงควรลดโซเดียมและอาหารเค็ม […]


สุขภาพทางเพศ

ประจำเดือนมาช้า เกิดจากสาเหตุอะไร

โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้หญิงมักจะมีประจำเดือนภายในรอบ 28 วัน แต่บางคนอาจมาเร็วมาช้าแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม หากมีอาการ ประจำเดือนมาช้า อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ความเครียด ยาคุมกำเนิด ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ซึ่งควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาตามความเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีลักษณะเป็นอย่างไร ผู้หญิงทุกคนมีรอบประจำเดือนแตกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้หญิงจะมีประจำเดือนทุก ๆ 28 วัน และช่วงที่ประจำเดือนมา คือ จะมาประมาณ 2-8 วัน และประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจหมายถึง เกิดการเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลาระหว่างการมีประจำเดือนแต่ละครั้ง เช่น ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ เลือดประจำเดือนมาน้อย หรือมามากกว่าปกติ จำนวนวันที่มีประจำเดือนแตกต่างกันมาก สาเหตุที่ทำให้ ประจำเดือนมาช้า กว่าปกติ สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ หรือประจำเดือนผิดปกติ มีดังต่อไปนี้ ความเครียด ความเครียดสามารถทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง และหากเครียดสะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย หรือน้ำหนักขึ้นและลงกะทันหัน ซึ่งล้วนส่งผลต่อรอบประจำเดือนทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าคุณคิดว่าความเครียด เป็นเหตุให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ ก็ควรหาวิธีคลายเครียด ด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์บางอย่าง เช่น ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น เข้านอนให้เร็วขึ้น การกินผิดปกติ ผู้หญิงที่มีปัญหาการกินผิดปกติ เช่น กินมากผิดปกติ โดยเฉพาะโรคบูลิเมีย (Bulimia) ที่ผู้ป่วยจะกินอาหารเข้าไปมากในช่วงเวลาสั้น […]


การคุมกำเนิด

ฟองน้ำคุมกำเนิด คืออะไร และมีวิธีใช้งานอย่างไร

ฟองน้ำคุมกำเนิด (Contraceptive Sponge) เป็นหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิด ที่ป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปในมดลูก โดยฟองน้ำคุมกำเนิดทำมาจากวัสดุคือ โฟมโพลียูรีเทน (Polyurethane) จะมีรูปร่างคล้ายโดนัท และมีลักษณะนุ่ม นอกจากนี้ ฟองน้ำคุมกำเนิดยังมียาฆ่าอสุจิเพื่อยับยั้งหรือฆ่าเซลล์อสุจิด้วย เพื่อช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ฟองน้ำคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้นจึงควรใช้คู่กับถุงยางอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์ [embed-health-tool-ovulation] การทำงานของฟองน้ำคุมกำเนิด อันดับแรก ผู้หญิงต้องทำให้ฟองน้ำชุ่มด้วยน้ำ จากนั้นใส่ฟองน้ำคุมกำเนิดเข้าไปในช่องคลอด โดยควรใส่ให้ลึกที่สุดจนถึงบริเวณปากมดลูก ซึ่งฟองน้ำคุมกำเนิดเป็นอุปกรณ์ ที่คุมกำเนิดได้เนื่องจาก มีสารฆ่าเซลล์อสุจิ เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง โดยคุณสามารถมีเพศสัมพันธ์ในเวลาดังกล่าว โดยไม่ต้องการยาฆ่าเซลล์อสุจิเพิ่ม ออกแบบมาเพื่อขัดขวาง และดูดซึมอสุจิ ก่อนที่อสุจิจะเข้าสู่บริเวณปากมดลูก ซึ่งเป็นส่วนเชื่อมต่อระหว่างมดลูกกับช่องคลอด ทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้น ระหว่างอสุจิและปากมดลูก ความเสี่ยงของฟองน้ำคุมกำเนิด ประสิทธิภาพของฟองน้ำคุมกำเนิด คือจากผู้หญิง 100 คนที่ใช้ฟองน้ำคุมกำเนิด พบว่า 9-11 คนตั้งครรภ์ภายในปีแรก และสำหรับความเสี่ยงคือ ฟองน้ำคุมกำเนิดไม่สามารถช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ นอกจากนี้ฟองน้ำและยาฆ่าอสุจิ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้ ช่องคลอดแห้ง หรือระคายเคือง เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือติดเชื้อในช่องคลอด เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ กลุ่มอาการท็อกซิกช็อก (Toxic shock syndrome) วิธีใช้ฟองน้ำคุมกำเนิด ก่อนใช้ฟองน้ำคุมกำเนิด ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

ร้องไห้หลังมีเซ็กส์ เป็นเพราะอะไร จัดการได้อย่างไร

ร้องไห้หลังมีเซ็กส์ อาจเกิดขึ้นได้จากหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความเจ็บปวด ความวิตกกังวล ความสับสน รู้สึกอายหรือรู้สึกผิด ซึ่งการทราบสาเหตุที่ทำให้ร้องไห้หลังมีเซ็กส์ อาจช่วยให้หาวิธีรับมือหรือแก้ไขสาเหตุดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม และส่งผลให้มีประสบการณ์ทางเพศที่ดีขึ้นได้ [embed-health-tool-ovulation] ร้องไห้หลังมีเซ็กส์ เกิดจากสาเหตุใด อาการร้องไห้หลังมีเซ็กส์อาจเกิดจากสาเหตุ ดังนี้ ความสุข การร้องได้ไม่ได้เกิดจากอารมณ์ที่เลวร้ายเท่านั้น แต่เมื่อมีอารมณ์แห่งความปิติยินดีก็ทำให้เสียน้ำตาได้เช่นกัน ดังนั้น การร้องไห้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์หรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยอาจเกิดจากความรู้สึกต่าง ๆ เช่น รัก ดีใจที่ได้เจอเซ็กส์ที่ดีตามที่คาดหวัง ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เกินกว่าจะรับไหม เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำใหตัวเองรู้สึกสับสน จนบางครั้งมันมากกว่าที่เกินจะรับไหว ไม่ว่าจะเป็นขณะที่กำลังแสดงบทบาทสมมติขณะมีเพศสัมพันธ์หรือมีเซ็กส์ที่มีความแฟนตาซีอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน จนทำให้เกิดอารมณ์ตึงเครียด และมีอารมณ์ไม่คงที่ บางครั้งความรู้สึกก็อยู่ในจุดที่กลัว แล้วก็กลับพุ่งขึ้นมาในจุดที่มีความสุข ก่อนที่จะดิ่งกลับลงมาอีกครั้ง เมื่ออารมณ์ไม่คงที่อาจทำให้น้ำตาไหลออกมาด้วยความตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ความคาดหวังและตั้งตารอเซ็กส์ที่ยอดเยี่ยม สร้างความสุขและรู้สึกดี แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนอง ก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด และไม่เป็นไปตามที่หวังไว้จนผิดหวัง ก็อาจทำให้เครียดจนร้องไห้ออกมาได้เช่นกัน การตอบสนองทางชีวภาพ จากการประมาณการที่ได้ ผู้หญิงร้อยละ 32-46 ที่เคยมีอาการซึมเศร้าหลังจบคอนเสิร์ต (Post-Concert Depression หรือ PCD) ซึ่งเป็นภาวะที่สารแห่งความสุข อย่างสารเซโรโทนิน (Serotonin) โดพามีน (Dopamine) เอนดอร์ฟิน (Endorphin) และ ออกซิโทซิน (Oxytocin) หลั่งออกมา ขณะที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้มีความสุขมาก ๆ และเมื่อเหตุการณ์นั้นจบลงอย่างกะทันหัน […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

เซ็กส์บำบัด คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

เซ็กส์บำบัด หรือการบำบัดทางเพศ เป็นวิธีแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพทางเพศและความสัมพันธ์วิธีหนึ่ง ที่อาจช่วยให้ชีวิตคู่และชีวิตทางเพศดีและน่าพึงพอใจขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับเซ็กส์บำบัดในเบื้องต้น อาจเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทราบได้ว่า การบำบัดนี้เหมาะสมกับปัญหาที่พบหรือไม่ เมื่อไหร่ที่ควรเข้ารับการบำบัด เป็นต้น เซ็กส์บำบัด (Sex Therapy) คืออะไร เซ็กส์บำบัด หรือการบำบัดทางเพศ เป็นการบำบัดด้วยการพูดคุย ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คู่ที่มีปัญหาเรื่องเพศและความสัมพันธ์ สามารถแก้ปัญหาทั้งทางร่างกายและทางอารมณ์ จนส่งผลให้มีเซ็กส์ที่ดีและน่าพึงพอใจ สามารถสื่อสารกันได้เข้าใจมากขึ้น ใกล้ชิด ผูกพันกันมากขึ้น และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้ ซึ่งปัญหาสุขภาพทางเพศที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความสัมพันธ์จนต้องเข้ารับบำบัดที่พบบ่อย ได้แก่ ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เซ็กส์บำบัดมีด้วยกันหลายประเภท ที่ใช้กันส่วนใหญ่อาจเป็นเซ็กส์บำบัดด้วยการพูดคุย โดยการบำบัดนี้อาจจะต้องเข้าทำการบำบัดทั้งแบบคู่ และแบบเดี่ยว แต่นักบำบัดจะไม่ฟังหรือรับข้อมูลจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะการรับทราบข้อมมูลเพียงฝ่ายเดียว อาจไม่ได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน จนส่งผลทำให้ไม่ได้เกิดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง โดยทั่วไปแล้ว นักบำบัดอาจวิเคราะห์ว่าคู่รักที่เข้ารับการบำบัดมีวิธีการพูดคุยหรือสื่อสารกันอย่างไรบ้าง รวมถึงอาจซักถามด้วยว่า ทั้งคู่มีประสบการณ์ในเรื่องเพศอย่างไร หรือมีความรู้ในเรื่องเพศมากน้อยเพียงใด หากพบว่าจุดไหนอาจสร้างปัญหาต่อชีวิตรักหรือความสัมพันธ์ได้ นักบำบัดอาจแนะนำวิธีสื่อสารหรือให้ข้อมูลเรื่องเพศที่อาจส่งผลดีต่อสุขภาพทางเพศและความสัมพันธ์มากขึ้น บางคู่อาจได้แบบทดสอบกลับไปทำที่บ้าน แล้วอาจนำมาคุยกับนักบำบัดในครั้งต่อไป เพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงหรือความก้าวหน้าในการเข้ารับเซ็กส์บำบัด นอกจากนี้ อาจมีการบำบัดด้วยวิธีการที่เรียกว่า Sensate focus ซึ่งเป็นพฤติกรรมบำบัดรูปแบบหนึ่งที่อาจช่วยพัฒนาความใกล้ชิด ความผูกพัน และการสื่อสารระหว่างคู่รักได้ วิธีนี้จะเน้นที่การสัมผัสและการถูกสัมผัส โดยอาจเริ่มจากการสัมผัสร่างกายส่วนอื่นที่ไม่ใช่อวัยวะเพศ ก่อนจะสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศหรือหน้าอก เพิ่มการลูบไล้ด้วยโลชั่น หรือการกอดจูบ ก่อนจะมีเซ็กส์แบบเน้นที่อารมณ์หรือความรู้สึกร่วม เพื่อสำรวจว่า […]


สุขภาพทางเพศ

เอสโตรเจนสูง ในผู้ชาย เป็นเพราะอะไร สังเกตได้ยังไงบ้าง

แม้เอสโตรเจนจะได้ชื่อว่าเป็นฮอร์โมนเพศหญิง แต่ก็มีความสำคัญกับเพศชายไม่น้อย ผู้ชายที่มีเอสโตรเจน และเทสโทสเตอโรนสมดุลกัน ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะสามารถทำงานได้ง่ายเต็มประสิทธิภาพ แต่หากฮอร์โมนเพศเสียสมดุล หรือการที่ผู้ชายมี เอสโตรเจนสูง เกินไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายด้าน ตั้งแต่ภาวะอารมณ์แปรปรวน น้ำหนักขึ้น อวัยวะไม่แข็งตัว ไปจนถึงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก [embed-health-tool-bmr] เอสโตรเจนสำคัญกับผู้ชายอย่างไร ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำหน้าที่สำคัญและอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ชายในหลายด้าน เช่น ช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน ช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง มีผลกับการทำงานของสมองและอารมณ์ต่าง ๆ ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ส่งผลต่อสุขภาพผิวหนัง และสุขภาพทางเพศ หากระดับเอสโตรเจนของผู้ชายอยู่ในระดับปกติ สมดุลกับระดับของเทอโทสเตอโรน ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป สุขภาพของผู้ชายก็จะสมบูรณ์แข็งแรง สาเหตุที่ทำให้ผู้ชายมีเอสโตรเจนสูง สำหรับสาเหตุที่อาจทำให้ผู้ชายมีเอสโตรเจนสูง มีดังนี้ อายุที่มากขึ้น ความแก่ชรา หรืออายุที่มากขึ้น อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกายของผู้ชายค่อย ๆ ลดลง ในขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนกลับสูงขึ้นเรื่อย ๆ เอนไซม์อะโรมาเทส เอนไซม์อะโรมาเทส (Aromatase) เป็นเอนไซม์ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมาเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยปกติแล้วจะเพิ่มสูงขึ้นตามอายุ แต่หากมีพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ไม่ออกกำลังกายจนมีไขมันสะสม กินอาหารแปรรูปบ่อย ๆ เครียดง่ายหรือเครียดเรื้อรัง ก็อาจทำให้ระดับเอนไซม์อะโรมาเทสในร่างกายสูงขึ้นไปอีก ไขมันสะสมในร่างกาย หากไม่ค่อยออกกำลังกายจนมีไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไขมันบริเวณหน้าท้อง รอบเอว ก็อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายยิ่งสูงขึ้น เนื่องจากเซลล์ไขมันมีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน ฮอร์โมนสิ่งแวดล้อม ฮอรโมนสิ่งแวดล้อม บางครั้งเรียกว่า ซีโนเอสโตรเจน (Xenoestrogen) หรือสารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ […]


สุขภาพทางเพศ

แต๊บ น้องชายกับสิ่งที่ควรรู้ เพื่อความปลอดภัย

แต๊บ (Taping) เป็นวิธีการพับซ่อนอวัยวะเพศชายไว้ด้านหลังหรือระหว่างขาหนีบ ส่วนใหญ่แล้วการแต๊บจะทำเมื่อต้องการที่จะแต่งหญิงให้แนบเนียน อย่างไรก็ตาม การแต๊บอาจทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก ดังนั้น ควรลองทำอยู่ที่บ้านก่อนสัก 2-3 ครั้ง เพื่อให้เกิดความเคยชิน หากรู้สึกเจ็บควรหยุดทันที และไม่แนะนำให้ทำต่อ แต๊บ มีวิธีอย่างไร การแต๊บอาจจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก แต่ว่าไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด สิ่งสำคัญในระหว่างที่แต๊บ คือ ควรพยายามไม่ให้อวัยวะเพศเคลื่อนไหว แต่หากรู้สึกไม่สบาย ควรหยุดแล้วค่อยกลับมาทำใหม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะแต๊บออกไปข้างนอกควรลองทำอยู่ที่บ้านก่อนสัก 2-3 ครั้งเพื่อให้เกิดความเคยชิน หากรู้สึกเจ็บควรหยุดทันที และไม่แนะนำให้ทำต่อ สำหรับวิธีการแต็บอาจทำได้ ดังนี้ หาช่องว่างบริเวณขาหนีบ และค่อย ๆ พับอวัยวะเพศและถุงอัณฑะเข้าไปอย่างช้า ๆ และนุ่มนวล หลังจากนั้นค่อย ๆ ดึงอวัยวะเพศที่ระหว่างขา สอดเข้าไปที่ทางทวาร เสร็จแล้วก็แปะด้วยเทปกาว สิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำ เมื่อต้องแต๊บ สำหรับสิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อต้องแต๊บ อาจมีดังนี้ สิ่งที่ควรทำ เลือกใช้สปอร์ตเทป เพราะสปอร์ตเทปออกแบบมาเพื่อใช้กับร่างกายและผิวหนังโดยเฉพาะ เมื่อใช้สปอร์ตเทปในการแต๊บอาจช่วยทำให้ความอึดอัดและไม่สบายตัวลดลง ลอกสปอร์ตเทปออกขณะอาบน้ำ เพราะจะช่วยให้ลอกออกได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสปอร์ตเทปออกแบบมาเพื่อให้ติดทนกับผิวหนัง หากดึงออกขณะแห้งจะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก โกนขนบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อลดความเจ็บขณะดึงเทปที่แปะอยู่ออก รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ และพยายามทำให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อของผิวหนังและการเกิดอาการคัน สิ่งที่ไม่ควรทำ ไม่ควรแปะเทปเป็นระยะเวลานาน […]


การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

แผ่นยางอนามัย ใช้แล้วออรัลเซ็กส์ปลอดภัยขึ้นจริงหรือ

แผ่นยางอนามัย ส่วนใหญ่ผลิตจากจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน ปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นเครื่องป้องกันการติดเชื้อและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ระหว่างปากกับอวัยวะเพศหญิงหรือทวารหนักตอนออรัลเซ็กส์ อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับถุงยางอนามัย จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อโรคจากการทำออรัลเซ็กส์ได้ แผ่นยางอนามัย คืออะไร แผ่นยางอนามัย (Dental Dam หรือ Rubber Dam) คือ แผ่นยางรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัสแผ่นบาง ๆ  ส่วนใหญ่ผลิตจากจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน (PU) เริ่มแรกแผ่นยางอนามัยถูกพัฒนาขึ้นสำหรับใช้งานด้านทันตกรรม ช่วยป้องกันการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย แต่ปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นเครื่องป้องกันการติดเชื้อและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ระหว่างปากกับอวัยวะเพศหญิงหรือทวารหนักตอนออรัลเซ็กส์ ใช้แผ่นยางอนามัยแล้วออรัลเซ็กส์ปลอดภัยขึ้นจริงไหม แผ่นยางอนามัยอาจลดความเสี่ยงได้ใกล้เคียงกับถุงยางอนามัย ช่วยปกป้องปากไม่ให้สัมผัสกับอวัยวะเพศหญิง หรือทวารหนักโดยตรง จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อโรคจากการทำออรัลเซ็กส์ได้ เช่น หนองในเทียม (Chlamydia) หนองในแท้ (Gonorrhea) ซิฟิลิส (Syphilis) เชื้อเอชไอวี (HIV) เชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli) การใช้แผ่นยางอนามัยให้ปลอดภัย สำหรับวิธีการใช้แผ่นยางอนามัยให้ปลอดภัยอาจทำได้ดังนี้ ใช้แผ่นยางอนามัยที่ทำจากยางพาราหรือโพลียูลีเทน (Polyurethane หรือ PU) ควรเก็บรักษาในที่เย็นและแห้งสนิท ตรวจสอบวันผลิตและหมดอายุ รวมถึงอ่านวิธีใช้ที่บรรจุภัณฑ์ให้เข้าใจก่อนใช้งานจริง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผ่นยางอนามัยไม่ฉีกขาดหรือชำรุด เลือกใช้เจลหล่อลื่นสูตรน้ำหรือซิลิโคน ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เช่น เบบี้ ออยล์ ครีมทาผิว ปิโตรเลียม เจลลี่ น้ำมันทำอาหาร เพราะอาจทำให้แผ่นยางอนามัยฉีกขาดได้ หลีกเลี่ยงยาฆ่าเชื้ออสุจิ […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

อาการคันหลังมีเซ็กส์ ในผู้หญิง เกิดจากสาเหตุใด

ในบางครั้งหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงอาจเกิดอาการคันยุบยิบที่บริเวณช่องคลอด จริง ๆ แล้ว อาการคันหลังมีเซ็กส์ บริเวณช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายๆ อย่าง เช่น ผิวแห้ง เกิดอาการแพ้ บางครั้งอาจเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งทำให้เกิดอาการคันได้ อาการคันหลังจากมีเซ็กส์ เกิดได้จากอะไรบ้าง อาการ คันหลังมีเซ็กส์ ที่เกิดจากเชื้อรา อาการคันที่เกิดจากเชื้อราเป็นอาการที่พบได้บ่อย นอกจากอาการคันแล้ว ยังมีตกขาวร่วมด้วย บางคนอาจเกิดอาการบวมรอบๆ ช่องคลอด อาการติดเชื้อจากเชื้อราสามารถติดต่อกันได้ทางการมีเพศสัมพันธ์ แต่ว่า โรคเชื้อรา ไม่ใช่โรคติดต่อ ซึ่งโรคนี้พบได้ในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ผู้หญิงในกลุ่มคนท้อง คนที่มีภาวะเครียด ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เบาหวาน จะยิ่งทำให้โรคเชื้อรารุนแรงขึ้น อาการแพ้ อาการแพ้ เป็นอาการทั่วไปที่พบได้บ่อยๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการคัน และรู้สึกแสบร้อน ผู้หญิงบางคนมีอาการแพ้น้ำอสุจิ ซึ่งเป็นอาการแพ้โปรตีนบางตัวที่อยู่ในน้ำอสุจิ อาการแพ้น้ำอสุจิเป็นเรื่องที่ตรวจพบได้อยาก เพราะผู้หญิงส่วนมากไม่กล้าที่เข้าไปปรึกษาแพทย์ นอกจากอาการแพ้น้ำอสุจิแล้ว ผู้หญิงบางคนก็มีอาการแพ้ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่แพ้โปรตีนที่อยู่ใน ถุงยางอนามัย ผิวหนังแห้ง อาการคันบริเวณช่องคลอดเกิดจาก บริเวณนั้นมีน้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอ จนขาดความชุ่มชื่น ซึ่งสาเหตุของความชุ่มชื่นเกิดได้จากหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้งโดยธรรมชาติ ปัญหาเรื่องโรคผิวหนัง หรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงตั้งครรภ์ ช่วงวัยทอง นอกจากนี้การใช่สบู่ที่ไม่ให้ความชุ่มชื้นก็เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการช่องคลอดแห้งได้เช่นกัน เมื่อช่องคลอดแห้งแล้วมีเพศสัมพันธ์ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน