สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

หนองในเทียม และ หนองในแท้ แตกต่างกันอย่างไร

บทความนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาดูข้อแตกต่างระหว่าง หนองในเทียม และ หนองในแท้ แบบเข้าใจง่าย กันค่ะ จะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันอย่างไร และจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ เลยค่ะ หนองในเทียม และ หนองในแท้ แตกต่างกันอย่างไร หนองในเทียม และ หนองในแท้มีข้อแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ สาเหตุ หนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า คลามัยเดีย ทราโคมาทิส (Chlamydia trachomatis) หนองในแท้ (Gonorrhoea) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhea) ระยะการฟักตัว หนองในเทียม มีระยะการฟักตัวค่อนข้างนาน โดยส่วนใหญ่มักมีระยะการฟักตัวมากกว่า 1-3 สัปดาห์ หนองในแท้ มีระยะการฟักตัวค่อนข้างสั้น โดยส่วนใหญ่มักมีระยะการฟักตัวภายใน 1-5 วัน อาการของโรคหนองใน อาการโรคหนองในเทียมในเพศชาย ในระยะแรก ๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกคันที่บริเวณท่อปัสสาวะ และมีน้ำสีใส ๆ หรือขุ่น ๆ ไหลออกมาจากปลายองคชาต อาการโรคหนองในแท้ในเพศชาย […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

ท่าร่วมรัก สำหรับคนปวดหลัง ท่าไหนที่ปลอดภัย

ท่าร่วมรัก สำหรับผู้มีอาการปวดหลัง ทั้งผู้ที่เพิ่งเป็นและผู้ที่ปวดหลังเรื้อรัง เป็นท่าที่ต้องคำนึงถึงการใช้หลังให้น้อยที่สุดหรือหลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักไปยังช่วงหลัง ทั้งนี้ ท่าร่วมรักสำหรับฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ปวดหลังนั้นแตกต่างกันไป ควรศึกษาถึงท่าร่วมรักและพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพนี้ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพและปัญหาครอบครัวที่อาจเกิดตามมา ท่าร่วมรัก สำหรับฝ่ายชายที่มีอาการปวดหลัง ท่าเข้าทางด้านหลังแบบที่ 1 ท่านี้เป็นรูปแบบหนึ่งของท่าร่วมรักแบบเข้าทางด้านหลัง หรือท่าสุนัข ขณะมีเพศสัมพันธ์กันในท่านี้ ฝ่ายหญิงต้องใช้ข้อศอกทั้ง 2 ข้างกางออกแล้วท้าวไว้บนที่นอน เพื่อรองรับร่างกายส่วนบนเอาไว้ ท่านี้เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง ท่าเข้าทางด้านหลังแบบที่ 2 อีกหนึ่งรูปแบบของท่าเข้าทางด้านหลัง หรือท่าสุนัข ความแตกต่างของท่านี้กับท่าสุนัขแบบที่ 1 คือ ฝ่ายหญิงจะเปลี่ยนจากใช้ข้อศอก มาเป็นใช้ 2 มือดันที่นอนแทน งานวิจัยชี้ว่า ท่านี้ช่วยลดการกดทับบริเวณกระดูกสันหลัง ของฝ่ายชายที่มีปัญหาปวดหลังส่วนล่าง ท่ามิชชันนารี 1 ท่ามิชชันนารี 1 หรือท่าผู้ชายอยู่ด้านบน ในท่านี้ ฝ่ายชายจะใช้แขนทั้ง 2 ข้างพยุงร่างกายท่อนบนของตัวเองเอาไว้ ในขณะที่ฝ่ายหญิงค่อย ๆ ขยับสะโพกและเข่า เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาที่กระดูกสันหลัง เพราะไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บที่เกิดจากการเคลื่อนไหว ท่ามิชชันนารี 2 ท่านี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของท่าผู้ชายอยู่ข้างบน แต่ความแตกต่างของท่านี้กับท่ามิชชันนารี 1 คือ ฝ่ายชายเปลี่ยนจากใช้แขนพยุงลำตัว มาเป็นใช้ข้อศอกทั้ง 2 ข้างพยุงลำตัวแทน ฝ่ายหญิงอาจต้องขยับสะโพกและหัวเข่ามากขึ้น ท่านี้อาจไม่เหมาะกับฝ่ายชายที่รู้สึกเจ็บเมื่อกระดูกสันหลังเคลื่อนไปด้านหน้า แต่เป็นท่าที่ช่วยได้มาก สำหรับผู้ที่มีปัญหาการงอหลัง ท่าตะแคงข้าง เป็นอีกท่าของการร่วมรักแบบเข้าทางด้านหลังในท่าตะแคงข้าง (Spooning หรือ […]


สุขภาพทางเพศ

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สาเหตุ อาการ และการรักษา

ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นอาการที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเติบโตภายนอกมดลูก และยังสลายตัวหลายเป็นเลือดในระหว่างมีประจำเดือน แต่ถูกกักไว้ทำให้เกิดอาการอักเสบภายใน ส่งผลให้มีอาการปวดอุ้งเชิงกรานในช่วงมีประจำเดือน มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดหลัง อ่อนเพลีย และอาจส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ดังนั้น จึงควรพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาในทันที [embed-health-tool-ovulation] คำจำกัดความ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คืออะไร ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นภาวะที่สามารถมีได้ เมื่ออยู่ในช่วงที่สามารถมีบุตรได้ หากมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้อเยื่อที่ปกติจะอยู่ในมดลูก จะไปเติบโตภายนอกมดลูก และเข้าไปยังท่อนำไข่ เยื่อบุมดลูกที่อยู่ผิดที่นี้ยังคงทำหน้าที่เหมือนเนื้อเยื่อมดลูกปกติ ซึ่งจะสลายตัวและกลายเป็นเลือดในระหว่างที่มีประจำเดือน อย่างไรก็ดี เนื่องจากเนื้อเยื่อดังกล่าวเจริญเติบโตนอกมดลูก เลือดจึงไม่สามารถไหลออกจากร่างกาย และถูกกักไว้ ก่อให้เกิดอาการเลือดออกภายในและอาการอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดอาการอื่นๆ ตามมาอีกหลายประการ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มักเกี่ยวข้องกับท่อนำไข่ รังไข่ ลำไส้ หรือเนื้อเยื่อบริเวณเชิงกราน เนื้อเยื่อโดยรอบอาจมีอาการระคายเคือง และมีอาการปวด ก่อให้เกิดเนื้อเยื่อแผลเป็นหรือถุงน้ำ ที่ส่งผลให้ตั้งครรภ์ได้ยาก ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ พบได้บ่อยเพียงใด เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มักพบได้มากในผู้หญิงในช่วงอายุ 30 และ 40 แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยในทุกช่วงอายุ สามารถรับมือได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการของ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ได้แก่ ปวดกระดูกเชิงกรานในระหว่างรอบเดือน ซึ่งมีอาการกว่าปกติมาก และมีอาการมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป มีอาการปวดบริเวณหลังด้านล่างและช่องท้อง มีอาการปวดในระหว่างการขับถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ ในระหว่างรอบเดือน มีเลือดออกมาก อาจมีประจำเดือนหนักโดยมีเลือดออกมาก หรืออาจมีเลือดออกมากในระหว่างรอบเดือน มีเลือดปนในปัสสาวะหรืออุจจาระ […]


สุขภาพทางเพศ

Hypogonadism คือ อะไร อาการ สาเหตุ และการรักษา

ฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Hypogonadism) เป็นอาการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ได้มากเพียงพอ ซึ่งฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการเติบโตและพัฒนาของเพศชายขณะที่อยู่ในวัยรุ่น หรือมีความสามารถในการผลิตอสุจิได้ต่ำ หรือทั้ง 2 อาการ โดยฮอร์โมนเพศชายต่ำอาจเกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หรืออาจเกิดขึ้นภายหลังก็ได้เช่นกัน [embed-health-tool-heart-rate] คำจำกัดความ Hypogonadism คือ อะไร Hypogonadism คือ อาการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนได้มากเพียงพอ ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการเติบโตและพัฒนาของเพศชายขณะที่อยู่ในวัยรุ่น หรือมีความสามารถในการผลิตอสุจิได้ต่ำ หรือทั้ง 2 อาการ ฮอร์โมนเพศชายต่ำอาจเกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หรืออาจเกิดขึ้นในภายหลังก็ได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฮอร์โมนเพศชายต่ำอาจเกิดจากการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อ โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุ และช่วงเวลาของการเกิดภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ซึ่งภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำบางประเภทอาจรักษาได้ด้วยการบำบัดทดแทนฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน Hypogonadism พบได้บ่อยได้แค่ไหน ฮอร์โมนเพศชายต่ำอาจเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกช่วงอายุ แต่อาการฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนต่ำนั้นมักจะพบมากในผู้ชายสูงอายุ มากกว่า 60% ของผู้ชายที่อายุมากกว่า 65 ปีนั้น มีปริมาณของฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนกว่าระดับปกติของผู้ชายที่อายุ 30-35 ปี อาการ อาการของ Hypogonadism การขาดฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนอาจทำให้เกิดอาการได้มากมาย โดยอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ อายุขณะที่มีอาการ ระดับของการขาดฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน อาการเกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้ว หากฮอร์โมนเพศชายต่ำ เกิดขึ้นกับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ช่วงต้นที่ยังไม่แตกหนุ่มอย่างเต็มตัว อาจทำให้ดูเด็กกว่าอายุจริง มีองคชาตขนาดเล็ก มีหนวดน้อย เสียงไม่แตกหนุ่ม และสร้างมวลกล้ามเนื้อได้ยาก แม้จะออกกำลังกาย แต่ถ้าฮอร์โมนเพศชายต่ำเกิดขึ้นกับผู้ที่เริ่มแตกหนุ่มอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้ การพัฒนาทางเพศไม่สมบูรณ์ ขนาดของอัณฑะลดลง […]


สุขภาพทางเพศ

เพิ่มฮอร์โมนเพศชาย ด้วยการออกกำลังกาย

ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นฮอร์โมนเพศหลักในผู้ชายที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ การรักษากล้ามเนื้อ และสุขภาพของผู้ชาย เช่น การเพิ่มพลังทางเพศ ช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ให้ดีขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายบางประเภทอาจช่วย เพิ่มฮอร์โมนเพศชาย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ เพิ่มฮอร์โมนเพศชาย ด้วยการออกกำลังกาย การที่ผู้ชายมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำอาจทำให้เกิดปัญหา ดังนี้ โรคกระดูกพรุน ความต้องการทางเพศลดลง มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญ เนื่องจากโรคอ้วนและโรคเบาหวาน โดยระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนอาจเปลี่ยนไปตามธรรมชาติตลอดทั้งวัน และลดลงอย่างช้า ๆ ตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายแบบฝืนแรงต้านทาน (Resistance exercise) เช่น วิดพื้น อาจช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายด้วยท่าสควอท และการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ก็อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนได้เช่นกัน ซึ่งการออกกำลังกายที่อาจช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย อาจมีดังนี้ ออกกำลังกายแบบฝืนแรงต้านทาน (Resistance exercise) การยกน้ำหนัก หรือการออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ (Strength Training) อาจช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ โดยการออกกำกายแบบฝืนแรงต้านอาจทำได้ ดังนี้ ใช้กล้ามเนื้อมากขึ้น อาจลองออกกำลังกายแบบที่ใช้ร่างกายทุกส่วน (Full-body Workout) อาจส่งผลต่อฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนมากกว่าการออกกำลังกายเฉพาะส่วน เนื่องจากได้ใช้กล้ามเนื้อหลายมัดในร่างกาย เพิ่มน้ำหนัก แทนการยกน้ำหนักที่เบาเท่าเดิม แต่ยกหลายครั้ง ใช้เวลาพักน้อยลง ในการพักระหว่างออกกำลังกาย ออกกำลังกายด้วยท่าสควอท การสควอท 4 เซต เซตละ […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

STD (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) ไม่ต้องมีเซ็กส์ก็เสี่ยงติดได้

STD (Sexually transmitted diseases) หรือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อระหว่างบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่งผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แต่ทั้งนี้ แม้เพียงแค่การกอด จูบ หรือการเล้าโลม รวมทั้งการใช้นิ้วหรือการทำออรัลเซ็กส์ โดยที่ไม่ได้สอดใส่อวัยวะเพศ หรือพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันก็อาจทำให้เสี่ยงติดโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน ความเสี่ยงในการเป็น STD แม้ว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะหมายถึงโรคที่ติดต่อผ่านกันเนื่องจากการมีเซ็กส์ แต่ทั้งนี้ แม้ว่าจะใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคและป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ แต่การสัมผัสกันทางร่างกายก็สามารถเสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ รวมทั้งโอกาสเสี่ยงในด้านอื่น ๆ ดังนี้ ผ่านการจูบ การจูบเป็นการแสดงความรักรูปแบบหนึ่ง แต่น้ำลายสามารถเป็นตัวนำในการแพร่เชื้อ “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” บางประเภทได้ เช่น โรคเริม HIV ที่สามารถแพร่จากแผลได้ หรืออาจจะติดต่อกันได้ผ่านผิวหนัง ดังนั้น หากมีแผลบริเวณริมฝีปาก อาจต้องระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการจูบ รวมทั้งก่อนและหลังจูบควรทำความสะอาดช่องปาก อาจด้วยการแปรงฟันหรือใช้น้ำยาบ้วนปากทุกครั้ง ผ่านการทำออรัลเซ็กส์ คู่รักบางคู่อาจเลือกการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สอดใส่ แต่ใช้ลิ้นในการสำเร็จความใคร่หรือที่เรียกว่าออรัลเซ็กส์ และอาจคิดว่าสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ แต่โรคทางเพศสัมพันธ์บางประเภทอย่างโรคเริม โรคหนองใน HIV ก็สามารถติดต่อได้ผ่านแผลบนผิวหนัง และเชื้ออาจลุกลามผ่านช่องคอกลายเป็นโรคผิวหนังผุพอง หรือมะเร็งในช่องคอหรือกล่องเสียง (laryngeal cancer) รวมทั้งซิฟิลิสก็สามารถติดได้ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยโดยไม่จำเป็นต้องสอดใส่ ผ่านผิวสัมผัส การกอดหรือการสัมผัสผิวอาจเสี่ยงน้อยในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ก็สามารถส่งผ่านเชื้อโรค อย่างโรคเริม และมะเร็งปากมดลูกได้ ซึ่งแนวโน้มของการติดเชื้อผ่านผิวหนังนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างทั้งสภาพผิวและแผลทางผิวหนัง ผ่านการปนเปื้อนในอาหาร โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างไวรัสตับอักเสบ เอ สามารถติดต่อได้ผ่านอาหารที่รับประทานเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจจติดมาจากห้องน้ำ หรือการล้างมือไม่สะอาด […]


สุขภาพทางเพศ

ผู้ชาย อารมณ์แปรปรวน เกิดจากอะไร

เทสโทสเตอโรน เป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่อลักษณะต่างๆ ของผู้ชาย เช่น เสียง กล้ามเนื้อ ขนบนใบหน้า ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง รักษาความแข็งแรงของกระดูก ช่วยการทำงานของสมอง รวมถึงยังอาจส่งผลต่ออารมณ์และสภาวะทางจิตใจได้อีกด้วย เมื่อภาวะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำก็อาจส่งผลให้ ผู้ชาย อารมณ์แปรปรวน ได้ ดังนั้น การรู้ถึงสาเหตุของอารมณ์แปรปรวน อาจช่วยให้รับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ ผู้ชาย อารมณ์แปรปรวน เกิดจากอะไร อารมณ์แปรปรวนอาจเป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้ชาย โดยทั่วไป อาจทำให้มีอาการหงุดหงิด อารมณ์เสียคล้ายกับผู้หญิง แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า อารมณ์แปรปรวนในผู้ชายมักมีลักษณะเด่นที่อารมณ์เศร้า และการปลีกตัวจากผู้คน ซึ่งอาจทำให้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอาการซึมเศร้าโดยทั่วไป แทนที่จะเป็นปัญหาของฮอร์โมนที่ลดลง นอกจากนี้ ความเครียดยังอาจทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ เมื่อ ผู้ชาย อารมณ์แปรปรวน ควรทำอย่างไร เมื่อผู้ชายอารมณ์แปรปรวนและมีปัญหาฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ อาจจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้ จัดการความเครียด ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำอาจมีความเชื่อมโยงกับความเครียด ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ดังนั้น การจัดการกับความเครียดด้วยกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ เช่น เล่นดนตรี ฟังเพลง ออกกำลังกาย อาจช่วยทำให้ความเครียดลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนกลับมาปกติได้ ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนก็อาจส่งผลทำให้เกิดโรคอ้วน และอาจทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนได้ ดังนั้น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ […]


สุขภาพทางเพศ

วงจรฮอร์โมนเพศชาย แตกต่างกันอย่างไรในแต่ละช่วงเวลา

วงจรฮอร์โมนเพศชาย อาจมีความแตกต่างจากวงจรฮอร์โมนเพศหญิงเป็นอย่างมาก คือ แทนที่จะมีรอบวงจร 1 เดือนเหมือนผู้หญิง แต่วงจรฮอร์โมนเพศชายจะขึ้น ๆ ลง ๆ แตกต่างกันไปใน 24 ชั่วโมงหรือในทุกวัน นอกจากนี้ วงจรฮอร์โมนเพศชายยังแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของชีวิตอีกด้วย ระดับฮอร์โมนแค่ไหนที่ถือว่าปกติ ระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ของผู้ชายอาจแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการทำงานของไทรอยด์ ระดับโปรตีน อายุ ช่วงเวลาในแต่ละวัน และแม้แต่การตรวจตัวอย่างเลือดของแต่ละแล็บ ซึ่งเป็นวิธีการตรวจวัดเทสโทสเตอโรนที่ใช้กันโดยทั่วไป ก็อาจทำให้ระดับของเทสโทสเตอโรนออกมาแตกต่างกันได้ โดยปกติแล้ว ระดับเทสโทสเตอโรน จะวัดด้วยหน่วยนาโนแกรมต่อเดซิลิตร (ng/dl) และโดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เช่น Endocrine Societyและ The American Urological Association ของสหรัฐฯ ถือว่าระดับเทสโทสเตอโรนที่ปกติ อยู่ในช่วงระหว่าง 300-1,000 ng/dL ความแตกต่างของฮอร์โมนในแต่ละช่วงวัย ความสำคัญของเทสโทสเตอโรนของผู้ชาย เริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในมดลูก โดยเทสโทสเตอโรนจำเป็นต่อพัฒนาการของระบบสืบพันธุ์ในผู้ชาย และยังส่งผลต่อการทำงานของสมองซีกซ้ายและขวา แต่ระดับเทสโทสเตอโรนก็จะลดลงในช่วงแคบ ๆ เพื่อรักษาความแข็งแรงของสมอง เพราะระดับเทสโทสเตอโรนที่สูงเกินไปในตัวอ่อน อาจเชื่อมโยงกับการเป็นออทิซึ่มของเด็ก หลังจากนั้น ระดับเทสโทสเตอโรนจะสูงสุดในระหว่างวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นในเด็กผู้ชาย สัญญาณแรกทางร่างกายของเทสโทสเตอโรน หรือแอนโดรเจนในร่างกาย คือ ในช่วงแตกเนื้อหนุ่ม เสียงจะเปลี่ยนไป […]


สุขภาพทางเพศ

ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ คืออะไร และส่งผลต่อผู้ชายอย่างไร

ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Male Hypogonadism) เป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชายได้ไม่เพียงพ ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของผู้ชายในช่วงวัยแรกรุ่น รวมถึงยังอาจทำให้ปริมาณอสุจิไม่เพียงพอ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้ ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ คืออะไร ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ คือ ภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชายได้ไม่เพียงพ ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของผู้ชายในช่วงวัยแรกรุ่น รวมถึงยังอาจทำให้ปริมาณอสุจิไม่เพียงพอ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้ ภาวะนี้อาจเกิดได้ตั้งแต่ยังเป็นทารกในครรภ์ หรืออาจเกิดขึ้นภายหลังก็ได้เช่นกัน โดยภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำอาจเกิดจากการบาดเจ็บ หรือการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำบางประเภทอาจรักษาได้ด้วยการใช้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนทดแทน ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ เกิดจากอะไร สำหรับสาเหตุของภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำแบบปฐมภูมิ (Primary Hypogonadism) เป็นภาวะที่เกิดกับลูกอัณฑะโดยตรง ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้ กลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ (Klinefelter Syndrome) ภาวะทางพันธุกรรมที่ผู้ชายเกิดมาพร้อมกับโครโมโซม X ที่มากกว่าปกติ ทำให้พัฒนาการของอัณฑะไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ไม่สามารถผลิตเทสทอสเทอโรนได้ ภาวะลูกอัณฑะไม่ลงถุงตั้งแต่ก่อนคลอด ลูกอัณฑะจะถูกสร้างขึ้นในช่องท้อง และปกติจะเลื่อนลงมาอยู่ที่ถุงอัณฑะ แต่บางทีอัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ไม่เลื่อนตัวลงมาในตอนเกิด ภาวะนี้มักจะหายไปได้เองภายใน 2-3 ปีแรก โดยไม่ต้องรักษา แต่ถ้าภาวะนี้ไม่หายไปในช่วงวัยเด็ก ก็อาจนำไปสู่การทำงานผิดปกติของอัณฑะและการสร้างเทสโทสเตอโรน อัณฑะอักเสบจากเชื้อคางทูม ถ้าคางทูมทำให้เกิดการอักเสบที่อัณฑะนอกเหนือจากต่อมน้ำลาย ในช่วงวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อลูกอัณฑะ ส่งผลต่อการทำงานของอัณฑะและการสร้างเทสโทสเตอโรน ภาวะเหล็กเกิน อาจทำให้การทำงานของลูกอัณฑะล้มเหลว […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

จูบ มีประโยชน์อย่างไร และมีความเสี่ยงอย่างไรต่อสุขภาพ

จูบ เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่อาจมีความหมายแตกต่างกันออกไปในแต่ละวัฒนธรรม แต่มักจะรับรู้โดยทั่วไปว่า การจูบเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งที่สามารถส่งผลต่ออารมณ์ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตได้ จูบ ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร เมื่อจูบกับคนรัก สมองจะหลั่งสารเคมีแตกต่างกันขึ้นอยู่กับบริบท โดย ดร.เฮเลน ฟิชเชอร์ ศาสตราจารย์วิชามานุษยวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยรัทเจอร์ส ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลว่า การจูบขึ้นอยู่กับบริบท โดยอาจแบ่งเป็น 3 ขั้น ได้แก่ ความต้องการทางเพศ (Lust) เป็นความปรารถนาทางเพศกับอีกฝ่าย ถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ความรักโรแมนติก (Romantic Love) ความรู้สึกงงงวย รู้สึกสบายใจ รู้สึกกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อกำลังมีความรักครั้งใหม่ เกิดขึ้นจากสารโดพามีน และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) ความผูกพัน (Attachment) ความรู้สึกปลอดภัยที่อาจพบได้ในความสัมพันธ์ระยะยาว โดยมีฮอร์โมนออกซิโทซินเป็นปัจจัยที่ทำให้รู้สึกสงบสุขและปลอดภัย การจูบจึงอาจให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าในบริบทนั้นมีรู้สึกอย่างไร และสารเคมีในสมองชนิดใดหลั่งออกมา ประโยชน์สุขภาพของการจูบ 1. อาจเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข การจูบสามารถกระตุ้นให้สมองหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข ได้แก่ ฮอร์โมนออกซิโทซิน โดพามีน (Dopamine) และเซโรโทนิน (Serotonin) ที่จะทำให้รู้สึกดี รู้สึกร่าเริง และกระตุ้นให้เกิดความรักและความผูกพัน นอกจากนี้ ยังช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนเครียดอีกด้วย 2. อาจช่วยสร้างความสัมพันธ์ ออกซิโทซิน (Oxytocin) […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

10 เทคนิคช่วยให้การมีเซ็กส์ดีขึ้น

การมีเซ็กส์เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งช่วยทำให้รู้สึกดี ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความสุข อีกทั้งยังช่วยบรรเทาความเครียด ดังนั้น หากอยากให้การมีเซ็กส์ดีขึ้น จึงควรศึกษาเทคนิคต่าง ๆ เช่น การเล้าโลม การใช้อุปกรณ์ช่วย การเปลี่ยนสถานที่ เพื่อช่วยสร้างสรรค์ให้ประสบการณ์การมีเซ็กส์เป็นที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น [embed-health-tool-ovulation] เทคนิคที่ช่วยให้การมีเซ็กส์ดีขึ้นกว่าเดิม 1. รู้ความต้องการของตัวเองและคนรัก การสำรวจออนไลน์ในปี 2016 ที่ได้ทำการสำรวจผู้ชายและผู้หญิงจำนวน 1,200 คน ที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี ผลการสำรวจพบว่าผู้ชายและผู้หญิงมีความคาดหวังในเรื่องทางเพศแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งความคาดหวังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพูดคุยกับคนรัก โดยควรรู้ความต้องการของตัวเองว่าชอบมีเซ็กส์แบบใด นอกจากนี้ อาจถามคนรักด้วยว่า อีกฝ่ายมีความต้องการอะไรในเรื่องเซ็กส์ และมีอะไรที่อยากเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นบ้าง 2. รักษาการสัมผัส แม้ว่าจะเหนื่อย เครียด หรืออารมณ์ไม่ดี การกอดและการจูบกับคนรักยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ทางด้านร่างกายและอารมณ์ 3. ใช้เจลหล่อลื่น ผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนอาจเกิดภาวะช่องคลอดแห้ง ซึ่งการใช้เจลหล่อลื่นจะช่วยหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ แต่ถ้าการใช้เจลหล่อลื่นไม่ได้ผล ควรปรึกษาคุณหมอ 4. ลองเปลี่ยนท่าทาง การใช้ท่าต่างๆ เวลามีเพศสัมพันธ์นอกจากนะเพิ่มความน่าสนใจแล้ว ยังอาจช่วยแก้ปัญหาในเรื่องทางเพศด้วย ตัวอย่างเช่น การกระตุ้นจุดจี-สปอต (G-spot) จะเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในท่าที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงทางด้านหลัง ซึ่งจะส่งผลให้ฝ่ายหญิงสำเร็จความใคร่ได้ในที่สุด 5. ผ่อนคลายอารมณ์ ควรทำกิจกรรมบางอย่างที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ เช่น เล่นเกม หรือกินอาหารเย็นร่วมกัน นอกจากนี้การออกกำลังกายก็ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์ได้เช่นกัน 6. ใช้เซ็กส์ทอย ของเล่นเซ็กส์เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ฝ่ายหญิงสามารถเรียนรู้การตอบสนองทางเพศได้ และสามารถแสดงความต้องการให้ฝ่ายชายรู้ว่าชอบแบบไหน 7. การช่วยตัวเอง นอกจากการใช้ของเล่นเซ็กส์แล้ว การช่วยตัวเองหรือใช้คนรักช่วยก็ถือเป็นวิธีหนึ่งในการกระตุ้นอารมณ์ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน