สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

ไขข้อสงสัย เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร

เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก ทั้ง 2 โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? คุณเคยสงสัยหรือไม่? วันนี้เราจะมาหาคำตอบถึงความเกี่ยวข้องกันของ เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เพื่อให้คุณผู้หญิงทุกคนได้ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วหาคำตอบความเกี่ยวข้องของเชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูกได้ในบทความนี้ HPV คือกลุ่มของเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 ชนิด บางชนิดแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางช่องปาก โดยจะแบ่งออกเป็นกล่มที่มีความเสี่ยงต่ำกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่บางชนิดอาจทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือลำคอได้ HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้หลายประเภทหนึ่งในนั้น คือ มะเร็งปากมดลูก เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร มะเร็งปากมดลูกในสตรีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ฮิวแมนแพพพิลโลมาไวรัส (Human papillomavirus : HPV) ซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 200 ชนิด เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายในระหว่างมีเพศสัมพันธ์และการทำกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ  เช่น การสัมผัสทางผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เชื้อ HPV อย่างน้อย 15 ชนิด มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่ HPV16 และ HPV18 จะเป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด โดยเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้จะเข้าไปหยุดการทำงานของเซลล์ ซึ่งส่งผลให้เซลล์สืบพันธ์มีความผิดปกติแบบควบคุมไม่ได้ นำไปสู่การเจริญเติบโตของเนื้องอกมะเร็ง ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอชพีวีพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก ชนิดของเชื้อ […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

8 สิ่งที่ควรทำหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อสุขอนามัยที่ดี

สิ่งที่ควรทำหลังมีเพศสัมพันธ์ เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะหากมีเซ็กส์เสร็จแล้วไม่ทำความสะอาดร่างกายและบริเวณอวัยวะเพศ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อหรืออาจเกิดปัญหาสุภาพ เช่น ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เชื้อแบคทีเรีย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ [embed-health-tool-ovulation] 8 สิ่งที่ควรทำหลังมีเพศสัมพันธ์ สำหรับสิ่งที่ควรทำหลังมีเพศสัมพันธ์อาจมีดังนี้ 1. ทำความสะอาดร่างกาย การล้างมือและทำความสะอาดร่างกายเป็นสิ่งที่ควรทำทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย ทั้งยังอาจมีช่วยล้างสารหล่อลื่นหรือ น้ำอสุจิ ที่อาจตกค้างอยู่บริเวณอวัยวะเพศ นอกจากนี้ ผู้ชายควรทำความสะอาดอวัยวะเพศให้ดี โดยเฉพาะบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ส่วนผู้หญิงควรทำความบริเวณอวัยวะเพศภายนอกด้วยสะอาดด้วยน้ำและสบู่ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะนอกจากจะเป็นการทำลายสมดุลค่ากรดด่าง และแบคทีเรียจำเป็นในช่องคลอด อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่มดลูกและอวัยะสืบพันธ์ุได้ 2. เข้าห้องน้ำ การปัสสาวะหลังการมีเพศสัมพันธ์ อาจช่วยปกป้องการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ เพราะการปัสสาวะอาจช่วยกำจัดของเหลวที่ตกค้างอยู่ในช่องคลอด รวมถึงเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องรีบไปปัสสาวะทันทีหลังเสร็จภารกิจ แต่ควรรอจนกระทั่งปวดปัสสาวะ 3. อย่าใช้น้ำหอมหรือทาโลชั่นบริเวณอวัยวพเพศ หลังการทำความสะอาดร่างกาย บางคนอาจอยากเพิ่มความสดชื่นด้วยการทาโลชั่นหรือใช้น้ำหอม แต่ไม่ควรทาโลชั่นที่มีกลิ่นหอมหรือใช้น้ำหอมบริเวณอวัยะเพศ เพราะอาจทำให้ผิวบริเวณอวัยวะเพศระคายเคือง และอาจเกิดการติดเชื้อ 4. บ้วนปาก ควรบ้วนปากหลังจากทำออรัลเซ็กส์ เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของแบคทีเรีย เช่น เชื้อโกโนเรีย (Gonorrhea) คลามีเดีย (Chlamydia) นอกจากนี้สิ่งที่ควรระวังอย่างยิ่ง คือ หากมีแผลในปากไม่ควรทำออรัลเซ็กส์ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อเอชไอวี 5. ทำความสะอาดเซ็กส์ทอย หากมีการใช้สารหล่อลื่นหรือเซ็กซ์ทอยขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรทำความสะอาดเซ็กส์ทอยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และป้องกันไม่ให้เชื้อโรคสะสมอยู่บนเซ็กซ์ทอย เพราะอาจทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียได้หากเอามาใช้ในครั้งต่อไป 6. เปลี่ยนกางเกงชั้นใน ไม่ควรใส่กางเกงในตัวเดิม เพราะกางเกงชั้นในอาจเปื้อนเหงื่อไคล […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

เซ็กส์ผู้สูงวัย สำคัญอย่างไร

เซ็กส์ผู้สูงวัย อาจแตกต่างไปจากเซ็กส์ในสมัยหนุ่มสาว เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ปัญหาที่เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศต่าง ๆ มักเกิดขึ้นตามมาด้วย เช่น ช่องคลอดแห้ง อวัยวะเพศไม่แข็งตัว และปัญหาสุขภาพอื่นๆ อย่างข้ออักเสบ อีกทั้งยังอาจคิดว่าการมีเซ็กส์ไม่สำคัญอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การมีเซ็กส์ในช่วงวัยสูงอายุอาจมีประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพร่างกายและความสัมพันธ์ระหว่างคนรัก ดังนั้น จึงไม่ควรมองข้ามความสำคัญของเซ็กส์ผู้สูงวัย ความสำคัญของเซ็กส์ผู้สูงวัย การมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่กิจกรรมที่สงวนไว้สำหรับวัยรุ่นเท่านั้น ช่วงวัยที่ถือว่าสูงอายุเริ่มต้นขึ้นในช่วงวัย 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ได้วางแผนชีวิตตัวเองมาอย่างดีแล้ว ก็มักจะอยู่ในจุดที่ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิต ความสำเร็จดังกล่าว อาจหมายถึงการมีอิสระทางการเงินและการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งมักจะบรรลุเป้าหมายเมื่อก้าวเข้าสู่วัย 50 ปีขึ้นไป ดังนั้น เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะคิดว่า ชีวิตทางเพศที่ดีขึ้นนั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักสูงอายุ ที่ไม่จำเป็นต้องกังวลในการทำมาหากิน หรือการเลี้ยงดูลูก นอกเหนือจากปัจจัยที่ว่ามานี้แล้ว ผู้สูงอายุมักมีโอกาสในการเกิดโรคต่างๆ สูง การมีเพศสัมพันธ์จะช่วยทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งหมายความว่า การมีเพศสัมพันธ์ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ดีขึ้น การหลั่งสารฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน (Endorphin) และอ็อกซิโทซิน (Oxytocin) ที่เกิดขึ้นในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ยังสามารถช่วยลดอาการปวดข้อต่อ ที่มักเป็นปัญหาสุขภาพทั่วไปของผู้สูงอายุได้อีกด้วย เหตุผลสุดท้ายว่า ทำไมความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักสูงวัยจึงดีกว่าเดิม ก็คือการสื่อสารระหว่างกันของสามีภรรยา หลังจากที่ใช้เวลาร่วมครึ่งชีวิตในการครองคู่มาด้วยกัน คู่รักสูงวัยจะได้เรียนรู้ที่จะสื่อสารทำความเข้าใจกันได้ดีกว่าคู่รักในช่วงวัยอื่นๆ และพวกเขาอดทนและเข้าใจในความผิดพลาดของกันและกันได้ มากกว่า และก็อย่างที่ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ การสื่อสารที่ดีเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ความสัมพันธ์นั้นยั่งยืน สิ่งที่ทำให้เซ็กส์ผู้สูงวัยดีขึ้น แม้ว่าความสัมพันธ์ทางเพศของผู้สูงอายุจะเปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับช่วงที่อายุยังน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าเพศสัมพันธ์จะเป็นสิ่งแปลกหน้าของคู่รักสูงวัย […]


การคุมกำเนิด

ห่วงคุมกำเนิด ประโยชน์ และความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ควรรู้

ห่วงคุมกำเนิด หรือ ห่วงอนามัย เป็นหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของห่วงคุมกำเนิดอาจขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ ทำความรู้จักกับ ห่วงคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิดคืออะไร ห่วงคุมกำเนิด หรือห่วงอนามัย หรือห่วงอนามัยคุมกำเนิด (Intrauterine Device: IUD) เป็นเครื่องมือชิ้นเล็ก ๆ สำหรับสอดเข้าไปใสโพรงมดลูกผ่านอุปกรณ์สอด จากนั้นห่วงคุมกำเนิดจะปล่อยสารออกฤทธิ์ เช่น ทองแดง ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมา เพื่อเปลี่ยนเส้นทางของอสุจิที่เคลื่อนเข้าสู่ไข่ หรือเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ไข่ฝังตัวที่ผนังมดลูก เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ห่วงคุมกำเนิดถือเป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับผู้หญิง ห่วงคุมกำเนิดสามารถใช้งานได้นาน และผู้หญิงสามารถตั้งครรภ์ได้ทันทีที่เอาห่วงออก โดยทั่วไปห่วงคุมกำเนิดแบ่งเป็นสองชนิด ได้แก่ ห่วงคุมกำเนิดแบบเคลือบทองแดง มีหลายรูปแบบ เช่น ทรงคล้ายตัวอักษรตัวที (T) ทรงคล้ายตัวอักษรตัววาย (Y) ทรงคล้ายตัวอักษรตัวยู (U) ซึ่งจะปล่อยทองแดงออกมา 40-50 ไมโครกรัม/วัน ในช่วงแรก จากนั้นจะค่อย ๆ ปล่อยทองแดงน้อยลงเรื่อย ๆ เพื่อให้สามารถคุมกำเนิดได้ตลอดอายุการใช้งาน ห่วงคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน ซึ่งจะปล่อยฮอร์โมนเลโวนอร์เจสเตรล ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่เลียนแบบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเข้าสู่มดลูกอย่างช้า ๆ ระยะเวลาการใช้งานอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณตัวยาที่ปล่อยออกมา ประโยชน์ของการใช้ห่วงคุมกำเนิด ประโยชน์หรือข้อดีของห่วงคุมกำเนิด อาจมีดังนี้ เป็นวิธีการคุมกำเนิดในระยะยาว ที่สามารถใช้งานได้ 3-10 ปี […]


การคุมกำเนิด

คุมกำเนิด วิธีการและการเลือกคุมกำเนิดอย่างเหมาะสม

วิธี คุมกำเนิด แบ่งเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่ วิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราว เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิด และวิธีคุมกำเนิดแบบถาวร อย่างการทำหมันชายและหญิง อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ชนิด ประโยชน์ และผลข้างเคียงของวิธีคุมกำเนิดแต่ละชนิด อาจช่วยให้เลือกวิธีคุมกำเนิดได้อย่างเหมาะสม และเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด [embed-health-tool-ovulation] วิธี คุมกำเนิด มีอะไรบ้าง วิธีคุมกำเนิด แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ 1. การคุมกำเนิดชั่วคราว เช่น การฝังยาคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิด การใช้ห่วงอนามัย ทั้งแบบทองแดงและแบบฮอร์โมน การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด การใส่วงแหวนสอดช่องคลอดคุมกำเนิด (Vaginal ring) การคุมกำเนิดโดยใช้สิ่งกีดขวาง เช่น ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง ไดอะแฟรมหรือแผ่นครอบปากมดลูก วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ เช่น การนับวันไข่ตก การนับประจำเดือน 2. การคุมกำเนิดถาวร ได้แก่ การทำหมันชาย การทำหมันหญิง การคุมกำเนิดส่วนใหญ่จะไปหยุดยั้งการตกไข่ และทำให้ของเหลวหรือมูกที่บริเวณปากมดลูกเหนียวข้นและหนาขึ้น เป็นการปิดกั้นไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไปได้ คุมกำเนิด ควรเลือกอย่างไรให้เหมาะสม การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีคุมกำเนิดแต่ละวิธี ทั้งรูปแบบการทำงาน […]


การคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิดแบบฝัง ขั้นตอน และความเสี่ยง

ยาคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นทางเลือกในการคุมกำเนิดโดยไม่ต้องกินยาคุมและให้ผลได้ในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบลืมกินยาคุมกำเนิดแบบธรรมดา และสามารถนำออกได้หากต้องการกลับมามีบุตร แต่ทั้งนี้อาจมีผลข้างเคียงที่จำเป็นต้องระวัง ยาคุมกำเนิดแบบฝัง คืออะไร ยาคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นการนำอุปกรณ์รูปทรงคล้ายลวดเส้นเล็ก ๆ ขนาดก้านไม้ขีดที่ทำจากพลาสติกฝังบริเวณใต้ท้องแขน เพื่อทำหน้าที่ปล่อยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในปริมาณต่ำเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ผนังมดลูกหนาขึ้น เมือกปากมดลูกข้น และระงับการตกไข่ ซึ่งยาคุมกำเนิดแบบฝังสามารถใช้ได้ในระยะยาวประมาณ 3 ปีก่อนนำออกมาเปลี่ยนเป็นแท่งใหม่ ขั้นตอนการฝังยาคุม คุณหมอมักให้นอนแล้วหงายท้องแขนขึ้น อาจมีการฉีดยาชาเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บขณะฝัง หลังจากนั้น จึงฝังแท่งยาคุมใต้ท้องแขนแล้วพันผ้าไว้รอบแขนไว้เพื่อให้ยาคุมติดแน่นและไม่เคลื่อนออกประมาณ 48 ชั่วโมงจึงถอดออก และต้องระวังไม่ให้โดนน้ำ รวมใช้เวลาในการฝังยาคุม 5-20 นาที  หลังจากขั้นตอนฝังยาคุมเสร็จสิ้นอาจรู้สึกปวดเหมือนผึ้งต่อย หรือมีอาการฟกช้ำ บวมแดง หากอาการเหล่านี้แย่ลงพร้อมมีก้อนแข็งบริเวณเต้านม เลือดออกทางช่องคลอด น่องขาบวม ผิวเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง ควรแจ้งให้คุณหมอทราบทันทีแล้วเข้ารับการตรวจ หาวิธีแก้ไขเพื่อความปลอดภัย ยาคุมกำเนิดแบบฝังไม่เหมาะกับใคร ยาคุมกำเนิดแบบฝังอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน คอเลสเตอรอลสูง โรคลมชัก ภาวะซึมเศร้า ลิ่มเลือด มะเร็งบางชนิด โรคตับ ไมเกรน โรคไต ปัญหาของถุงน้ำดี และความดันโลหิตสูงรวมถึงผู้ที่กำลังใช้ยาหรือรับประทานสมุนไพรบางชนิดเพราะอาจทำให้ยาคุมกำเนิดแบบฝังไปทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ ข้อดีของการคุมกำเนิดแบบฝัง คุมกำเนิดได้ค่อนข้างนานประมาณ 3 ปี มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง 99 เปอร์เซ็นต์ ไม่เป็นอุปสรรคในการมีเพศสัมพันธ์ ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน และลดปริมาณประจำเดือน สามารถให้นมบุตรแม้จะฝังยาคุมกำเนิดอยู่ก็ตาม นำออกได้ง่ายหากต้องการมีบุตร […]


สุขภาพทางเพศ

กินขมิ้น ช่วยแก้อาการประจำเดือนได้จริงเหรอ

กินขมิ้น เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนที่หลายคนอาจไม่รู้ เนื่องจากขมิ้นมีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยบรรเทาอาการอักเสบที่เกิดขึ้นจากกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome หรือ PMS) รวมถึงอาจช่วยบรรเทาอาการอื่น ๆ ขณะมีประจำเดือน เช่น ท้องอืด ซึมเศร้า ได้อีกด้วย [embed-health-tool-ovulation] กินขมิ้น กับอาการปวดประจำเดือน เกี่ยวข้องกันอย่างไร ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการมีประจำเดือน ไม่ใช่การมีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด แต่เป็นกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ปวดหลัง ตัวบวม ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ล้วนแต่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้หญิงทั้งสิ้น แม้การมีประจำเดือนทุกเดือนของผู้หญิง จะเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกาย แต่ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ หรือทนอยู่กับอาการที่เกิดขึ้นโดยไม่ทำอะไรเลย เพราะสามารถบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือนได้ วิธีที่นิยมใช้ในการบรรเทาอาการช่วงมีประจำเดือนก็คือ การใช้ยาต้านการอักเสบชนิดปราศจากสเตียรอยด์ หรือ NSAID (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) หรือการประคบร้อนที่หน้าท้อง แต่อีกหนึ่งวิธีที่มีข้อมูลสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์มากที่สุด ก็คือ การใช้ขมิ้น นั่นเอง ขมิ้น คือเครื่องเทศสีเหลืองที่อุดมไปด้วยสารเคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoids) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ โดยสารเคอร์คูมินอยด์ที่สำคัญที่สุดและนิยมนำไปใช้ในทางเภสัชกรรมอย่างแพร่หลายก็คือ เคอร์คูมิน กินขมิ้น ช่วยอะไรได้บ้าง ขมิ้น สามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือนได้ ดังนี้ ต้านอาการปวด กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน คือ […]


โรคติดเชื้อเอชพีวี

ไวรัส HPV คืออะไร รักษาและป้องกันได้อย่างไรบ้าง?

ไวรัสเอชพีวี คืออะไร? ไวรัส HPV (Human Papillomavirus) คือ DNA ไวรัสชนิดหนึ่ง มีมากกว่า 200 สายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก่อให้เกิดโรคที่ผิวหนัง เช่น หูดตามฝ่าเท้า มีประมาณ 40 สายพันธุ์ ที่ก่อให้เกิดโรคตามอวัยวะเพศทวารหนักหรือเยื่อบุอื่น ๆ และมี 15 สายพันธุ์ที่ก่อมะเร็ง ทั้งมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งองคชาติ รวมถึงมะเร็งช่องปากและลำคอ สายพันธุ์ก่อมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดคือ สายพันธุ์ 16 เชื้อไวรัส HPV ติดต่ออย่างไร? ไวรัส HPVติอต่อทางการมีเพศสัมพันธ์ การสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศ หรือสูดควันที่มีเชื้อ HPV เข้าไปยังจมูกหรือลำคอ( Surgical smoke) การติดเชื้อ HPV เป็นภัยเงียบ เพราะจะไม่มีอาการ จะมีอาการเมื่อมีก้อนหูด หรือกลายเป็นก้อนมะเร็งแล้วเท่านั้น จึงอาจแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว แม้ว่าการติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่หายได้เองภายใน 12 เดือน แต่ถ้าติดเชื้อสายพันธุ์ก่อมะเร็งแล้วไม่หาย จะพัฒนาไปเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งและกลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุด อาการของการติดเชื้อไวรัส […]


การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

ออรัลเซ็กส์ ความเสี่ยงต่อสุขภาพที่คู่รักควรรู้

ออรัลเซ็กส์ (Oral Sex) เป็นการร่วมเพศทางปาก ที่สร้างความพึงพอใจให้คู่รักได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่ดูแลรักษาความสะอาดทั้งก่อนและหลังทำออรัลเซ็กส์ อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อหรือโรคร้ายต่าง ๆ ได้ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคซิฟิลิส เชื้อเอชไอวี ซึ่งหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเชื้อ ปากเป็นแผล หรือมีแผลที่อวัยวะเพศก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดโรคได้มากขึ้น [embed-health-tool-ovulation] ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น โรคติดเชื้อเอชพีวีที่ปาก (Oral HPV) อาจแพร่จากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งผ่านการทำออรัลเซ็กส์ โดยการใช้ปากกับทวารหนัก หรือกับอวัยวะเพศของอีกฝ่าย หรือแม้แต่การจูบแบบใช้ลิ้น (French Kissing) โดยคู่รักที่อยู่ด้วยกันมานานอาจมีแนวโน้มที่จะส่งต่อเชื้อเอชพีวีที่อวัยะเพศแก่กัน ซึ่งหมายถึงทั้ง 2 ฝ่ายต่างสามารถติดเชื้อนี้ได้ทั้งคู่ ดังนั้น ก่อนทำออรัลเซ็กส์ ควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการรับเชื้อมะเร็งในลำคอหรือปาก หรือควรมีการไปตรวจร่างกายและตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อไหร่ที่ควรหลีกเลี่ยงการออรัลเซ็กส์ สถานะร่างกาย ความเสี่ยงจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำในการออรัลเซ็กส์ หากผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการออรัลเซ็กส์ ผู้ที่ทำออรัลเซ็กส์ให้ก็อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าหากช่องปากมีแผล แต่ในทางกลับกันน้ำลายไม่ได้เป็นพาหะของเชื้อไวรัส ปริมาณเชื้อไวรัส ความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีจะเพิ่มสูงขึ้น หากผู้ติดเชื้อมีปริมาณไวรัสสูง เพราะปริมาณของไวรัสที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อให้มากขึ้นตามไปด้วย การหลั่งน้ำอสุจิ ขณะที่ทำออรัลเซ็กส์ การหลั่งน้ำอสุจิในปากจะช่วยเพิ่มความเสี่ยง เพราะถือเป็นการกระจายเชื้อไวรัสออกมา บาดแผล การมีบาดแผลไม่ว่าจะเป็นที่ปาก ทวารหนัก ช่องคลอด หรือว่าที่อวัยวะเพศ ต่างก็เป็นช่องทางในการติดเชื้อเอชไอวีได้ทั้งสิ้น […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

6 สิ่งที่ไม่ควรทำ เมื่อผู้หญิงมีเซ็กส์

นักวิจัยเผยว่า ข้อผิดพลาดบนเตียง หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับคู่รัก จนทำให้ชีวิตรักมีปัญหา เซ็กส์ไม่มีความสุข ส่วนใหญมักเป็นฝีมือฝ่ายหญิง Hello คุณหมอ จึงมีข้อผิดพลาดบนเตียง 6 ข้อ ที่ผู้หญิงชอบทำ พร้อมวิธีแก้ไข ที่จะช่วยให้เซ็กส์ของคุณสุขสมมากยิ่งขึ้น การมีเซ็กส์อย่างสุขสม เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ทั้งคู่ได้รับความสุขจากการมีเซ็กส์ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้หญิงมีเซ็กส์ ก็อาจมีความเชื่อผิด ๆ หรือสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่ ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อผู้หญิงมีเซ็กส์ จึงอาจช่วยแก้ไขปัญหาประสบการณ์มีเซ็กส์ที่ไม่ดี และทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความสุขมากขึ้นได้ [embed-health-tool-ovulation] 6 สิ่งที่ไม่ควรทำ เมื่อผู้หญิงมีเซ็กส์ 1. ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผู้หญิงส่วนใหญ่จะกังวลเรื่องการทำตัวให้สมกับเป็นผู้หญิง ไม่อยากถูกมองไม่ดี ดูเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ หรือเป็นผู้หญิงแรงๆ ไม่รักนวลสงวนตัว จึงไม่กล้าเป็นฝ่ายรุก หรือเริ่มเปิดเกมก่อน เมื่อผู้หญิงไม่เริ่มก่อนบ้าง นานวันเข้า ผู้ชายก็อาจรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนตลอด และอาจพาลคิดไปว่า ฝ่ายหญิงไม่ได้รักหรือเบื่อหน่ายตัวเองแล้ว เพราะความจริงฝ่ายชายเองก็ต้องการความสนใจจากฝ่ายหญิงเช่นกัน สำหรับคุณผู้หญิงที่ทำตัวไม่ถูก หรือกลัวว่าจะรุกหนักเกินไปจนฝ่ายชายผวา อาจจะค่อยๆ เริ่มเปิดเผยความรู้สึกหรือความต้องการให้คนรักรู้ทีละนิด หรือกำหนดโค้ดลับที่รู้กันเฉพาะทั้งสองฝ่าย หากมีความต้องการเมื่อไหร่จะได้บอกให้เขารู้แบบไม่ทำให้เคอะเขินมากเกินไป 2. กังวลกับรูปโฉมของตัวเอง การคิดว่าตัวเองจะดูเป็นอย่างไรในขณะมีเซ็กส์ นอกจากจะทำให้ไม่มีความสุขกับตัวเองแล้ว ยังอาจทำให้ไม่ถึงจุดสุดยอดได้ด้วย ไม่ต้องไปจินตนาการว่า หน้าท้องจะอวบอ้วนแค่ไหน หรือเครื่องสำอางบนใบหน้าจะเป็นอย่างไร ให้โฟกัสกับเรื่องสุขสันต์ที่ทำกำลังทำอยู่ ลองปล่อยให้ตัวได้พบกับจุดสุดยอดให้ได้ ดร. เฮเลน ฟิชเชอร์ […]


สุขภาพทางเพศ

กางเกงในชาย เกี่ยวข้องกับอสุจิอย่างไร

การออกกำลังกาย และการรับประทานที่มีประโยชน์อาจช่วยให้อสุจิมีความแข็งแรง สมบูรณ์ และพร้อมที่จะผสมไปกับไข่บริเวณท่อนำไข่ของผู้หญิง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตอสุจิ คือ กางเกงในชาย เนื่องจากลูกอัณฑะที่ทำหน้าที่ในการผลิตอสุจิอาจต้องการอุณภูมิที่เหมาะสม ดังนั้น การเลือกกางเกงในชายที่เหมาะสม อาจช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของอสุจิได้ [embed-health-tool-bmr] คุณภาพของอสุจิ มีความสำคัญอย่างไร อสุจิที่คุณภาพไม่ดีอาจเกิดพฤติกรรมและสาเหตุบางอย่าง เช่น ความผิดปกติของการทำงานของต่อมไร้ท่อ ความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ตั้งแต่กำเนิด น้ำหนักตัวที่มากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อ เช่น ติดเชื้อคางทูมลงลูกอัณฑะ โดยคุณภาพอสุจินั้นอาจส่งผลต่ออัตราการตั้งครรภ์ หากอสุจิมีคุณภาพที่ไม่มีอาจทำให้เกิดปัญหามีลูกยาก ซึ่งคุณภาพ ความเข้มข้น และปริมาณของอสุจิ อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ อายุ ค่าดัชนีมวลกาย การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคตับ โรคไต โรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันผิดปกติ การใช้ยาบางชนิด การเลือกใส่กางเกงในชาย การนั่งอยู่กับที่นานเกินไป พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาบางชนิด ซาวน่า การแช่น้ำร้อน  กางเกงในชาย เกี่ยวข้องกับอสุจิอย่างไร อุณหภูมิของลูกอัณฑะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตอสุจิที่มีคุณภาพ รวมถึงอาจช่วยผลิตอสุจิให้อยู่ในปริมาณที่เพียงพอ สาเหตุที่ลูกอัณฑะต้องยื่นออกมาจากร่างกาย เนื่องจากลูกอัณฑะควรมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย ดังนั้น […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน