การดูแลและทำความสะอาดผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะสำคัญที่ช่วยปกป้องเราจากฝุ่นละอองและสิ่งแปลกปลอมอันตรายต่าง ๆ ภายนอก การดูแลและทำความสะอาดผิว จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรละเลย มาเรียนรู้เทคนิคเกี่ยวกับ การดูแลและทำความสะอาดผิว พร้อมกันกับ Hello คุณหมอ สิคะ

เรื่องเด่นประจำหมวด

การดูแลและทำความสะอาดผิว

ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ดีต่อผิวหน้าจริงหรือไม่?

หลายคนเชื่อว่าการ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับผิวหน้าที่สุด เพราะน้ำเปล่าเป็นสารธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีเจือปน มีความอ่อนโยน เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย และผิวผู้ที่เป็นสิว หลายคนจึงเชื่อว่าการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวเหมาะสมที่สุดสำหรับผิวหน้า แต่ความเชื่อนี้จะจริงหรือเท็จประการใด บทความนี้ Hello คุณหมอ มีคำตอบให้คุณค่ะ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ดีต่อผิวหน้าจริงหรือไม่? การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า อาจไม่ได้เหมาะสมสำหรับผิวหน้าเสมอไป เพราะตลอดทั้งวันเราเจอทั้งมลภาวะต่าง ๆ และฝุ่นละออง ยิ่งคุณผู้หญิงที่แต่งหน้าด้วยล่ะก็ การใช้น้ำเปล่าทำความสะอาดผิวหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถดูดสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางค์บนผิวหน้าออกได้อย่างสะอาดหมดจรด และอาจเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขนอีกด้วย ดังนั้นอาจต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าควบคู่ด้วย แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อผิวหน้า และเหมาะสมกับลักษณะของผิวหน้าคุณ อย่างไรก็ตาม ผิวหน้าของแต่ละคนมีปัญหาแตกต่างกัน การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจเหมาะสำหรับบางคน ทั้งนี้ทั้งนั้นให้คุณลองสังเกตใบหน้าของตนเองว่าหากทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว เหมาะกับผิวหน้าของคุณหรือไม่ หากไม่เหมาะสมให้ปรับเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อความสมดุลของผิว 5 คุณประโยชน์จากการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า น้ำเปล่า มีประโยชน์ที่ดีต่อผิวหน้ามากกว่าที่คุณคิด โดย 5 คุณประโยชน์จากการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า มีดังต่อไปนี้ สะดวกและง่ายต่อการทำความสะอาดผิวหน้า  ลดการเสียดสีกับผิวหน้า ช่วยลดการระคายเคืองกับบริเวณผิวหนัง ปลอดภัยต่อผิวหน้า เพราะมีน้ำมีความอ่อนโยนปราศจากสารเคมี เกิดการระคายเคืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า  ลดความเสี่ยงในการลอกคราบน้ำมันตามธรรมชาติของผิว ช่วยปกป้องเกราะป้องกันผิว ไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขั้นตอนง่าย ๆ ในการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ในตอนเช้าให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าสะอาด และซับหน้าด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ซับเบา ๆ ให้แห้งที่ผิวหน้า จะช่วยลดการเสียดสีและลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง  ในช่วงตอนกลางคืน […]

สำรวจ การดูแลและทำความสะอาดผิว

การดูแลและทำความสะอาดผิว

บรรเทาอาการผิวแห้ง ด้วยวิธีธรรมชาติ ทำได้อย่างไรบ้าง

อาการผิวแห้งนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน บางคนอาจมีผิวหน้า และผิวกายแห้งมากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะหากเจออาการแห้ง อาการเย็น เป็นต้น การ บรรเทาอาการผิวแห้ง ด้วยวิธีธรรมชาติ อย่างอ่อนโยนและถูกวิธีถือจึงถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรละเลย สาเหตุที่อาจทำให้เกิด อาการผิวแห้ง ผิวหนังมีการผลิตน้ำมันออกมาตามธรรมชาติเรียกว่า ซีบัม (Sebum) และเมื่อผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปจะทำให้เกิดสิวได้ แต่อย่างไรก็ตาม น้ำมันที่ผิวผลิตออกมานั้นก็มีหน้าที่ช่วยให้ผิวหนังเกิดความชุ่มชื่น และช่วยลดการติดเชื้อที่ผิวหนัง สำหรับผู้ที่มีอาการผิวแห้งอาจเกิดจากซีบัมผลิตน้ำมันออกมาไม่เพียงพอ เมื่อผิวหนังแห้งอาจทำให้เกิดอาการคัน ผิวลอก เป็นขุย มีผื่นแดง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังแห้งนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น อากาศเย็น อากาศแห้ง ได้รับสารเคมีที่รุนแรง ล้างหน้าบ่อยเกินไป ค่าความเป็นกรด-ด่าง หรือค่า pH ของผิวไม่สมดุล โรคผิวหนัง โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ โดดแสงแดดมากเกินไป บรรเทาอาการผิวแห้ง ด้วยวิธีธรรมชาติ ให้ความชุ่มชื่นกับผิวหนัง การให้ความชุ่มชื่นกับผิวหนัง ไม่ว่าจะด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ครีมบำรุง หรือว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ถือเป็นเกราะป้องกันของผิวหนัง ช่วยในการกักเก็บน้ำ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวได้ เช่น เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ น้ำมันมะพร้าว เชียบัตเตอร์ ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่อ่อนโยน การใช้สบู่ที่มีน้ำหอม สีและสารเคมีอื่น ๆ อาจทำให้ผิวระคายเคืองและแห้งได้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ และพลาสติก ใช้ข้าวโอ๊ตผสมสำหรับอาบน้ำ ข้าวโอ๊ต นอกจากใช้สำหรับการรับประทานแล้ว […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

การผลัดเซลล์ผิว คืออะไร ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนผลัดเซลล์ผิว

การผลัดเซลล์ผิว คือ การนำสารเคมีมาทาบริเวณที่ต้องการผลัดเซลล์ผิว จากนั้นจึงทำการลอกออก เพื่อขจัดผิวหนังชั้นบนสุด การผลัดเซลล์ผิวต้องทำโดยคุณหมอเท่านั้น และอาจต้องทำหลายครั้งกว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม การผลัดเซลล์ผิวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแดง ตกสะเก็ด มีอาการแดง เกิดรอยแผลเป็น ดังนั้น การรู้ถึงวิธีการผลัดเซลล์ผิวและข้อควรระวังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ [embed-health-tool-bmr] การผลัดเซลล์ผิว คืออะไร การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peel) เป็นกระบวนการที่ใช้สารละลายเคมีกับผิวหนัง เพื่อขจัดผิวหนังชั้นบนสุด โดยผิวที่ถูกทำลายไปจะสร้างขึ้นมาใหม่จากชั้นลึกของหนังกำพร้าและจากผิวหนังชั้นตื้น ซึ่งผิวหนังที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะกลับมาเรียบเนียนขึ้น อย่างไรก็ตาม การผลัดเซลล์ผิวอาจทำได้ในระดับความลึกของชั้นผิวที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ระดับตื้นไปจนถึงระดับลึก ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการผลักเซลล์ผิวระดับตื้น นอกจากนี้ การผลัดเซลล์ผิวอาจต้องทำมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ระดับความลึกของ การผลัดเซลล์ผิว การผลัดเซลล์ผิวเป็นการนำสารเคมีมาใช้ในการผลัดเซลล์ผิวหนังออก โดยการผลัดเซลล์ผิวอาจขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยการผลัดเซลล์ผิวอาจมีความลึกอยู่ 3 ระดับ ดังนี้ การผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุด (Light Chemical Peel) เป็นการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกของผิวหนังชั้นหนังกำพร้า ใช้เพื่อรักษาริ้วรอย สิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ และความแห้งกร้าน ซึ่งอาจต้องทำการผลัดเซลล์ผิวทุก 2-5 สัปดาห์ การผลัดเซลล์ผิวในระดับกลาง หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Medium Chemical Peel) […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

โทนเนอร์ ประโยชน์ และวิธีเลือกให้เหมาะสมกับผิวหน้า

โทนเนอร์ คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าประเภทหนึ่ง ที่นิยมใช้หลังจากล้างหน้าหรือก่อนลงเซรั่มบำรุงผิว เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมของสภาพผิว ขจัดน้ำมันส่วนเกิน สิ่งสกปรก และอาจช่วยปรับความสมดุลของค่าความเป็นกรด-ด่าง ของใบหน้าได้ แต่การเลือกโทนเนอร์ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้านี้ โทนเนอร์ (Toner) คืออะไร โทนเนอร์ (Toner) คือ สกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าอีกขั้นตอนหนึ่ง ที่นิยมใช้หลังจากการล้างหน้า หรือก่อนการลงครีมบำรุงผิวต่าง ๆ โดยการลูบไล้โทนเนอร์ให้ทั่วใบหน้า ตามแนวรูขุมขน ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์ส่วนใหญ่อาจสามารถดูดซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยปรับสภาพผิว และรองรับการบำรุงผิวและการใช้สกินแคร์อื่น ๆ เพิ่มเติม Dr. Jaliman แพทย์ผิวหนังชื่อดัง ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกด้านผิวหนังโรงเรียนแพทย์บัณฑิตเอกชน Icahn ในนครนิวยอร์ก ได้ระบุไว้ว่า การใช้โทนเนอร์ที่ดีมีประสิทธิภาพ ควรใช้ในช่วงเวลาเช้า-ก่อนนอน เพียงแค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น หากใช้บ่อยจนเกินไป อาจส่งผลทำให้ผิวหน้าแห้งตึงได้ ข้อดีของการใช้โทนเนอร์ บำรุงผิว การแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง และการเผชิญกับมลภาวะภายนอก อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นกรด-ด่างบนในหน้าได้ และอาจทำให้เกิดสิวเห่อขึ้นใหม่อยู่เสมอ การใช้โทนเนอร์อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า เพราะสารประกอบที่มีในโทนเนอร์ เช่น กรดซาลิไซลิก กรดไฮยาลูโรนิก อาจมีส่วนช่วยในการปรับค่าความเป็นกรด-ด่างให้สมดุลขึ้น นอกจากนี้ การใช้โทนเนอร์ยังอาจช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกิน สิ่งสกปรก และแบคทีเรีย ที่เกาะอยู่บนใบหน้าให้ออกไปได้ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับผู้ที่อาจล้างหน้าไม่สะอาด และยังมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บนใบหน้าอยู่มาก เลือกโทนเนอร์ […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

สบู่ ส่งผลอย่างไรต่อผิวบ้าง

สบู่ เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำมันและสารละลายด่าง ทำให้เกิดฟองลื่น ๆ ที่สามารถช่วยการทำความสะอาดและชำระล้างร่างกายให้ปราศจากเชื้อโรคได้ แต่การใช้สบู่ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวได้ เนื่องจากสบู่อาจลดสารแรงตึงผิวที่เป็นเกราะตามธรรมชาติของผิวหนัง ยิ่งโดยเฉพาะหากใช้สบู่ทำความสะอาดผิวบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่นชื้น และส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวหนังได้ [embed-health-tool-bmi] สบู่ ทำงานอย่างไร การใช้สบู่มีมาตั้งแต่สมัยยุคโบราณ โดยเริ่มจากการนำไขมันจากสัตว์ มาผสมเข้ากับขี้เถ้า และเกิดเป็นสารที่สามารถช่วยชำระล้างคราบและสิ่งสกปรกได้ ในปัจจุบันนี้สบู่จะได้จากการใช้ไขมันพืช มาทำให้เกิดปฏิกิริยากับน้ำมัน และสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ทำให้ได้สารที่สามารถละลายน้ำได้และเกิดฟอง กลายเป็นสบู่ที่เรารู้จักกันอยู่ในทุกวันนี้ หน้าที่หลักของสบู่ก็คือการกำจัดสิ่งสกปรก เช่น เหงื่อ ฝุ่น และไขมันที่เกาะอยู่บนผิวหนังให้ออกไป โดยการใช้สารลดแรงตึงผิว (surfactant) ที่สามารถละลายไขมันได้ สิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะติดอยู่บนผิวหนังนั้น จะเกาะติดอยู่กับไขมันบนผิว สบู่จะทำหน้าที่ละลายไขมันนั้น ทำให้ไขมันรวมไปจนถึงสิ่งสกปรกนั้นไม่สามารถเกาะอยู่บนชั้นผิวหนังได้ และทำให้สามารถล้างออกได้ง่ายด้วยน้ำสะอาด สารลดแรงตึงผิวนี้นอกจากจะสามารถพบได้ในสบู่ แล้ว ยังสามารถพบได้ในน้ำยาทำความสะอาด เครื่องสำอาง หรือครีมบำรุงผิวอื่น ๆ เช่น ยาสระผม โลชั่น หรือน้ำหอม เป็นต้น สบู่ ส่งผลอย่างไรกับผิว แม้ว่าการใช้สบู่ทำความสะอาดร่างกาย จะช่วยให้รู้สึกสะอาดและสดชื่น แต่อย่างไรก็ตาม สารลดแรงตึงผิวที่พบได้ในสบู่บางชนิด อาจส่งผลกระทบต่อผิวได้เช่นกัน สารลดแรงตึงผิวในสบู่นั้นจะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วออกไป แต่สารลดแรงตึงผิวนั้นก็อาจผูกเข้ากับเซลล์โปรตีนของผิวชั้นนอก และทำให้เซลล์เหล่านี้มีน้ำมากเกินไปและเกิดอาการบวม ทำให้ส่วนประกอบอื่น ๆ […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

สูตรพอกหน้าจากฟักทอง ช่วยบำรุงสุขภาพผิว

ฟักทอง เป็นพืชผลที่มักนำมาใช้ทำอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น ผัดฟักทอง ฟักทองผัดไข่ ฟักทองแกงบวด อุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ฟักทองยังอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว เช่น ปกป้องผิวจากแสงแดด ลดเลือนริ้วรอย ดังนั้น สูตรพอกหน้าจากฟักทอง จึงอาจช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้กระจ่างใส และมีสุขภาพดีได้ 5 ประโยชน์ของฟักทองที่มีต่อสุขภาพผิว ฟักทอง อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. อาจช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฟักทองอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ที่อาจช่วยทำให้จุดด่างดำจางลง โดยนำฟักทองมาต้มและบดให้ละเอียด ใส่น้ำเล็กน้อยให้ออกมาคล้ายกับน้ำซุป จากนั้น ฟักทองที่ได้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมะนาว และน้ำมันวิตามินอี อย่างละ 1 ช้อนชา คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกที่ใบหน้าทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด 2. อาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี สารเบตาแคโรทีน ในฟักทอง อาจช่วยป้องกันเซลล์ผิวหนังถูกทำลายจากมลภาวะรังสียูวี และยังอาจช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนเสมอกัน นอกจากนี้ สารแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) อาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี รวมถึงอาจช่วยลดเลือนริ้วรอยและลดความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจก 3. อาจช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ฟักทองอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซี ที่อาจช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส ชะลอการเกิดริ้วรอย […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

รอยแตกลายที่ขา สาเหตุ และวิธีการรักษา

รอยแตกลายที่ขา อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการขยายออกอย่างรวดเร็วของผิวหนัง เช่น การมีน้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว การตั้งครรภ์ ส่งผลให้เกิดรอยแยกและรอยของผิวหนัง รอยแตกลายที่ขาอาจบรรเทาได้ด้วยการดูแลผิวหนังอย่างเหมาะสมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ โลชั่น รวมไปถึงสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยบำรุงผิวหนัง รอยแตกลายที่ขา เกิดขึ้นได้อย่างไร? รอยแตกลาย (stretch marks) สามารถเกิดขึ้นได้ตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่จะพบบ่อยที่สุดคือ บริเวณหน้าท้อง หน้าอก สะโพก บั้นท้าย รวมถึงบริเวณของขาด้วยเช่นกัน สาเหตุหลักของ การเกิดรอยแตกลาย คือ การที่ผิวหนังถูกยืดออกอย่างกะทันหัน จึงทำให้เกิดรอยแยกเป็นเส้นยาว และมีสีผิวตามร่องรอยที่เปลี่ยนไป บางรายอาจมี สีแดง สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม ตามแต่เซลล์ผิวของแต่ละบุคคล ส่วนมากผู้ที่จะมีรอยแตกลายนี้เกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และมีความเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ที่อาจเกิดจากการสะสมไขมันจนทำให้ผิวหนังชั้นนอกเกิดนูนขึ้น จนนำไปสู่รอยแตกลายนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดรอยแตกที่ลายขา นอกจากข้างต้นแล้ว สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ 90% มักมีรอยแตกรอยบริเวณหน้าท้อง และขาอีกด้วย นั่นอาจเป็นเพราะทารกที่อยู่ในครรภ์มีการเจริญเติบโตตลอดเวลาจนทำให้หน้าท้องยื่นออกมามากขึ้น ในบางรายอาจมีอาการขาเท้า เท้าบวม จนเกิดเป็นรอยแตกขึ้นตามผิวหนัง ทำเอาช่วงนั้นคุณแม่ทั้งหลายควรได้รับการบำรุงอย่างมาก โดยอาจใช้เป็นโลชั่น มอยส์เจอไรเซอร์ หรือยา ตามที่แพทย์และเภสัชกรแนะนำ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ การรักษารอยแตกลายที่ขาด้วยสมุนไพร ว่านหางจระเข้ คุณสมบัติที่ทุกคนคุ้นเคยถึงความชุ่มชื้นที่สามารถนำมาบำรุงได้ทั่วทั้งร่างกาย รวมทั้งการลดรอยแตกลายให้ดูจางลงด้วยเช่นกัน โดยการใช้เจลว่างหางนี้ ให้นำเมือกที่ผ่านการทำความสะอาดแล้วจากต้นสด ๆ มาทาบริเวณรอยแตกลายและทิ้งไว้ประมาณ 20-30 […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

7 วิธีลบ รอยจูบ รอยจ้ำ ให้หายไปอย่างรวดเร็ว

รอยจูบ รอยจ้ำ หรือรอยช้ำ อาจเกิดขึ้นจากการจูบที่รุนแรงเกินไป จนส่งผลให้หลอดเลือดฝอยในบริเวณนั้นแตก และเกิดเป็นรอยช้ำบนผิวหนัง โดยปกติมักไม่ทำให้เกิดอันตรายใด ๆ และสามารถจางหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน แต่วิธีการดูแลผิวบางอย่าง เช่น การประคบผิว การทาครีม การใช้ว่านหางจระเข้ อาจสามารถช่วยเร่งให้รอยจูบจางหายไวขึ้นได้ [embed-health-tool-bmr] รอยจูบ รอยจ้ำ รอยดูด เกิดขึ้นได้อย่างไร การจูบหรือดูดที่ผิวหนังแรง ๆ อาจทำให้หลอดเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนังแตก จนเลือดในหลอดเลือดไหลเข้าสู่ชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และเกิดเป็นรอยช้ำ รอยจ้ำ หรือที่มักเรียกกันว่า รอยจูบ รอยดูด ได้ โดยรอยจูบหรือรอยดูดส่วนใหญ่จะมีสีออกชมพู แดง หรือม่วง ๆ คล้ายกับห้อเลือด และอาจมีอาการกดเจ็บได้ในช่วงแรก แต่พอผ่านไปสักพักก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนสีไปเป็นสีเขียวและสีเหลือง หรือสีน้ำตาลจาง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด รอยจูบ รอยจ้ำ ส่วนใหญ่มักจะหายไปได้เองภายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่สภาพผิวและอายุด้วย ผู้ที่มีอายุมาก อาจทำให้สภาพผิวเสื่อมโทรม เหี่ยวย่น และและสูญเสียชั้นไขมันบางส่วนที่ทำหน้าที่เสมือนเกราะกันกระแทกของผิวหนังไป จึงทำให้มีโอกาสเกิดรอยจูบง่าย และอาจใช้เวลานานกว่าที่รอยจูบจะหายไปเมื่อเทียบกับผู้ที่อายุน้อยกว่า นอกจากนี้ ผู้หญิงก็อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยฟกช้ำ […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

4 คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับวิธี ดูแลผิว

การ ดูแลผิว มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับลักษณะผิวของตนเอง ล้างหน้าให้สะอาดหลังจากที่กิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก รวมไปถึงการเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินที่ช่วยในเรื่องของสุขภาพผิว ซึ่งการดูแลผิวอาจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับหลาย ๆ คน เนื่องจาก ผิวที่ดีอาจช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง รวมถึงอาจเป็นสิ่งที่ช่วยบ่งบอกถึงสุขภาพได้ด้วย 4 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธี ดูแลผิว คำถามที่ 1 วิธีจำกัดการสร้างน้ำมันของผิวหนังทำได้อย่างไร เพื่อควบคุมการสร้างน้ำมันบนใบหน้า จึงควรล้างหน้าหลายครั้งจนเกินไปในระหว่างวัน การล้างหน้า 2 ครั้ง/วัน ถือเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับการทำความสะอาดสิ่งสกปรกหลังจากทำงานมาตลอดทั้งวัน การล้างหน้ามากเกินไปอาจส่งผลให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น เพื่อคงความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ซึ่งอาจทำให้ผิวยิ่งมันขึ้นไปอีก นอกจากนี้ เพื่อการล้างหน้าอย่างเหมาะสมอาจจำเป็นต้องให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างคงที่ การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวมันมีความสำคัญเท่ากับการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแห้ง นอกจากนี้ ผิวพรรณไม่เพียงแต่ต้องการความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องได้รับน้ำทุกวัน ผิวพรรณที่ได้รับน้ำจะมีสุขภาพดีเสมอ และสามารถปกป้องตนเองจากปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดความเสื่อมของผิวหนัง ประเด็นสำคัญที่ผู้ที่มีผิวมันควรพิจารณาก็คือ จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบของปิโตรเลียม หรือส่วนประกอบพื้นฐานที่เป็นน้ำมัน เนื่องจากส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณ์ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ คำถามที่ 2 อาหารอะไรบ้างที่ช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น นอกจากฮอร์โมนต่าง ๆ และปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว อาหารก็มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพผิว และอาหารบางอย่างก็ดีต่อสุขภาพผิวเป็นพิเศษ เช่น ปลา มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 นอกจากนี้ เนื้อปลายังอาจช่วยรักษาการอักเสบของผิวหนังได้อีกด้วย หอยนางรม […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

วิธีทำให้กลิ่นตัวหอมตลอดทั้งวัน เพื่อลดกลิ่นตัว

กลิ่นตัวอาจเกิดจากความผิดปกติของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในร่างกายบริเวณที่มีเหงื่อออก เมื่อเหงื่อออกแบคทีเรียจะไปสลายโปรตีนบางชนิดในเหงื่อให้กลายเป็นกรด ดังนั้น กลิ่นตัวจึงอาจมาจากกระบวนการที่แบคทีเรียทำลายเหงื่อ โดยบริเวณที่มักทำให้เกิดกลิ่นตัว ได้แก่ รักแร้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง ดังนั้น วิธีทำให้กลิ่นตัวหอมตลอดทั้งวัน จึงอาจช่วยลดกลิ่นตัวและช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อีกด้วย เหงื่อกับกลิ่นตัว กลิ่นตัว มักเกิดจากการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง เมื่อปริมาณของเหงื่อสะสมมากขึ้นก็จะมีกลิ่นตัวตามมา นั่นทำให้หลายคนเข้าใจว่าการมีเหงื่อออกจะทำให้มีกลิ่นตัว แต่ความเป็นจริงแล้ว เหงื่อไม่มีกลิ่น แต่กลิ่นตัวอาจเกิดจากความผิดปกติของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในร่างกายบริเวณที่มีเหงื่อออก เพราะแบคทีเรียมักจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น เช่น รักแร้ เมื่อเหงื่อออกแบคทีเรียจะไปสลายโปรตีนบางชนิดในเหงื่อให้กลายเป็นกรด ดังนั้น กลิ่นตัวจึงมาจากกระบวนการที่แบคทีเรียทำลายเหงื่อ วิธีทำให้กลิ่นตัวหอมตลอดทั้งวัน สำหรับวิธีที่อาจช่วยระงับกลิ่นตัวด้วยตัวเอง อาจทำได้ดังนี้ สร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยโลชั่นหรือครีมบำรุงผิว หลังอาบน้ำเสร็จอาจทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวที่มีกลิ่นหอมทันทีขณะที่ตัวยังชื้น เพื่อความชุ่มชื้นให้กับผิว ทั้งยังทำให้กลิ่นหอมของเนื้อโลชั่นและเนื้อครีมติดผิวได้นานขึ้น หากอยากให้หอมมากขึ้นไปอีก ควรเลือกโลชั่นและครีมบำรุงผิวที่มีกลิ่นเดียวกับน้ำหอมที่ชอบ จะทำให้กลิ่นติดทนนาน และหอมอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ควรเลือกโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองผิวหนัง อาบน้ำทำความสะอาดในจุดที่ถูกต้อง การทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ทั้งยังต้องอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ร่ายกายมีเหงื่อออกจนเกิดปัญหากลิ่นตัวตามมา แต่ปัญหากลิ่นตัวอาจไม่ได้มีแค่เหงื่อออกเท่านั้น การรับประทานอาหารบางชนิดก็อาจทำให้มีกลิ่นตัวได้เช่นกัน ดังนั้น วิธีที่อาจช่วยแก้ปัญหานี้ คือ การอาบน้ำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการทำความสะอาดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีเหงื่อออกตลอดเวลา เช่น รัแร้ ขาหนีบ หน้าขา ข้อพับ ก้น เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีต่อมเหงื่อ การอาบน้ำสามารถทำได้บ่อยตามความต้องการ […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

กากชา กับประโยชน์ดี ๆ ที่ทำให้ผิวสวย

กากชา เป็นส่วนที่เหลือจากการต้มน้ำชาเพื่อใช้ดื่ม ซึ่งบางคนอาจทิ้งไปเพราะไม่รู้ถึงประโยชน์ของกากชา อย่างไรก็ตาม กากชาอาจนำมาใช้ให้เพื่อช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวสวย ทั้งยังทำให้ผิวดูสุขภาพดีน่าสัมผัส เนื่องจากสารคาเฟอีนที่อยู่ในกากชาอาจมีฤทธิ์ช่วยลดการบวมของหลอดเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังได้ นอกจากนี้ สารแทนนินที่อยู่ในชาก็สามารถช่วยลดอาการบวมได้ด้วยเช่นกัน [embed-health-tool-bmi] กากชา มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร อาจช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาและลดอาการตาบวม รอยคล้ำใต้ดวงตาเกิดจากการที่หลอดเลือดดำบริเวณใต้ดวงตาขยายใหญ่ขึ้น จนทำให้มองเห็นเป็นรอยคล้ำสีดำได้ง่ายขึ้น การประคบถุงชาไว้ที่บริเวณดวงตาอาจช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาและอาการตาบวมได้ เนื่องจากสารคาเฟอีนที่อยู่ในกากชาอาจมีฤทธิ์ช่วยลดการบวมของหลอดเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังได้ นอกจากนี้ สารแทนนินที่อยู่ในชายังอาจช่วยลดอาการบวมได้ด้วยเช่นกัน จึงทำให้ดวงตามีรอยคล้ำลดลง และดวงตามีอาการบวมน้อยลงได้ อาจช่วยลดอาการแสบร้อนจากแดดเผา แสงแดดที่รุนแรงของประเทศไทย มักแผดเผาและทำร้ายผิวอยู่เสมอ ทำให้ผิวเกิดอาการแสบร้อนและมีจุดด่างดำ โดยสารแทนนินที่อยู่ในใบชาอาจช่วยจัดการปัญหาอาการแสบร้อนจากผิวไหม้ และอาการจุดด่างดำเหล่านี้ได้ เพียงแค่ใช้กากชาทำการประคบในบริเวณที่โดยแดดเผาประมาณ 30 นาที อาจช่วยใช้เป็นโทนเนอร์ทำความสะอาดใบหน้า กากชาเหลือ ๆ อาจนำมาใช้เป็นโทนเนอร์ได้ เพียงแค่เช็ดหน้าด้วยถุงชา จากนั้นเช็ดหน้าให้สะอาดอีกครั้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด ซึ่งกากชาอาจจมีคุณสมบัติในการช่วยกระชับรูขุมขน ทั้งยังอาจช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า ช่วยชะล้างสิ่งสกปรก และอาจทำให้ใบหน้าสะอาดมากยิ่งขึ้น อาจช่วยใช้เป็นสครับขัดผิว กากชาอาจนำมาใช้ขัดผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว กำจัดขี้ไคล ทำให้ผิวนุ่มขึ้น ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เพียงแค่นำกากชาไปล้างให้สะอาดและตากให้แห้ง จากนั้นนำมาขัดผิวตามปกติ หลังจากที่ขัดผิวด้วยกากชาแล้ว ควรทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว อาจช่วยจัดการกับน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า กากของชามะลิอุดมไปด้วยน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อผิว มีคุณสมบัติต้านเชื้อจุลินทรีย์ ทั้งยังช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินที่อยู่บนผิวได้อีกด้วย นำกากชามะลิมาทาในบริเวณที่อาจจะเกิดสิว และบริเวณผิวที่มัน อาจช่วยลดการเกิดสิว ลดความมัน และช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิวให้กลับมาเป็นปกติอีกด้วย อาจช่วยต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยอันควร สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในกากชา โดยเฉพาะชาเขียวอาจช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่กำลังเสื่อมโทรมให้กลับมาดีขึ้น โดยการปกป้องและซ่อมแซมเซลล์ผิวเหล่านี้ นอกจากนี้ วิตามินบี 12 […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน