ปัญหาผิวแตกลาย อาจเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังมีการขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงขณะการตั้งครรภ์ ทำให้ผิวหนังเกิดรอยแตกลาย เป็นริ้ว ดูไม่สวยงาม อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิวแตกลายอาจรักษาและป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพผิวตามวิธีที่ถูกต้อง เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]
วิธีรักษา ปัญหาผิวแตกลาย
วิธีรักษาผิวแตกลาย มีด้วยกันหลายวิธี อาจเลือกปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
ใช้ครีมบำรุง
ไม่มีครีมหรือน้ำมันไหนที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถป้องกันปัญหาผิวแตกลายได้ อย่างไรก็ตามการรักษาผิวให้นุ่มอาจมีผลในการลดความเสี่ยงต่อปัญหาผิวแตกลายในบางคน โดยมอยเจอร์ไรเซอร์มักช่วยลดอาการคันที่เกิดขึ้นเมื่อผิวแห้ง สำหับครีมและน้ำมันที่อาจช่วยป้องกันรอยแตกลายได้
การนวด
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผิวมีสุขภาพดีและมีโอกาสแตกลายได้น้อยลง ก็คือ การนวด เนื่องจากการนวดผิวนั้นจะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด ซึ่งทำให้ลดโอกาสในการเกิดปัญหาผิวแตกลายนั่นเอง
ใช้เรตินอยด์ (Retinoid)
เตรทติโนอิน (Tretinoin) หรือ เรตินเอ (Retin-A) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ซึ่งเอาไว้ใช้สำหรับรักษาสิวหรือต่อต้านริ้วรอย แต่มีส่วนประกอบที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อใช้แล้วรอยแตกลายจางลง โดยไปกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจน ซึ่งช่วยรักษารอยแผลเป็นและรอยแตกลาย แต่เรตินอยด์นั้นไม่ปลอดภัยหากใช้ในระหว่างที่ตั้งครรภ์หรือขณะให้นมบุตร เรตินอยด์ทำงานได้ที่ที่สุดเมื่อใช้ตอนที่รอยแตกลายยังคงเป็นสีแดง หรือกำลังอักเสบอยู่นั่นเอง แต่เมื่อไหร่ที่รอยแตกลายกลายเป็นสีขาวแล้วจะรักษาได้ยากขึ้น
รักษาด้วยเลเซอร์
ปัญหาผิวแตกลายนั้นเป็นปัญหาที่ไม่สามารถรักษาได้หายอย่างสมบูรณ์ เป้าหมายของการรักษาคือการปรับปรุงลักษณะและสภาพผิวให้ดีขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การรักษาด้วยเลเซอร์จะทำให้หลอดเลือดแดงทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยในการลดสีของรอยแตกลาย และปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนั้นการรักษาด้วยเครื่อง Fraxel CO2 และ Microneedling จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอิลาสติน (Elastin) ใต้ผิวหนัง
ใช้กรดไกลโคลิก (Glycolic)
ครีมที่มีส่วนประกอบของกรดไกลโคลิกเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ใช้สำหรับรักษาปัญหาผิวแตกลาย แต่การรักษาเหล่านี้มักจะมีราคาแพง ทั้งยังไม่สามารถป้องกันการเกิดรอยแตกลายที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ได้อีกด้วย
วิธีป้องกันปัญหาผิวแตกลาย
รอยแตกลายมักจะปรากฏบริเวณ หน้าท้อง หน้าอก สะโพก ก้น และต้นขา เป็นต้น นอกจากนั้น คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ก็มักจะพบกับปัญหาผิวแตกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ทุกคนสามารถรักษาและป้องกันปัญหานี้ได้ ดังนี้
ควบคุมน้ำหนัก
วิธีป้องกันปัญหาผิวแตกลายไม่ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ก็คือ การรักษาน้ำหนักตัว รอยแตกลายสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อผิวยืดออกจากกันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจสังเกตเห็นรอยแตกลายหลังจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วด้วย
บางคนอาจจะมีรอยแตกลายในช่วงการเติบโต เช่น ในช่วงวัยแรกรุ่น หรืออย่างนักเพาะกาย จะสังเกตเห็นรอยแตกลายได้หลังจากที่พวกเขาออกกำลังกายหรือใช้สเตียรอยด์ การควบคุมการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ด้วยการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและออกกำลังกาย เพื่อควบคุมน้ำหนัก แต่ถ้าสังเกตเห็นว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาจจะต้องไปพบคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุ
รับประทานอาหารเสริมวิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดีมีความสำคัญต่อสุขภาพผิว โดยส่วนใหญ่ร่างกายมักจะได้รับวิตามินดีจากแสงแดด แต่การได้รับแสงแดดมากเกินไปก็อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง ทั้งนี้ การรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินดี นับว่าปลอดภัยในการรับวิตามินดีเข้าสู่ร่างกาย
รักษาความชุ่มชื้น
การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและนุ่มนวล ลดโอกาสเสี่ยงเกิดรอยแตกลายได้ โดยผู้ชายควรดื่มน้ำวันละ 3 ลิตร และผู้หญิงควรดื่มน้ำสะอาดาวันละ 2 ลิตร สำหรับการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (Caffeine) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาผิวแตกลายได้ ดังนั้น ควรปรับการดื่มน้ำให้สมดุล ด้วยการดื่มชา เครื่องดื่มสมุนไพร และของเหลวที่ไม่มีคาเฟอีนอื่น ๆ
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์
หญิงมีครรภ์ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 11-15 กิโลกรัม ในระหว่างตั้งครรภ์สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตามเกณฑ์อยู่แล้ว สำหรับผู้หญิงที่น้ำหนักเกินก่อนตั้งครรภ์ควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 7-11 กิโลกรัมในขณะที่ตั้งครรภ์ ส่วนผู้หญิงที่มีน้ำหนักน้อยควรเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้นถึง 18 กิโลกรัมในระหว่างที่ตั้งครรภ์ ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ควรปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับน้ำหนักที่ควรจะเพิ่มในระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อสุขภาพพื้นฐานที่อาจส่งผลในช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์ รวมทั้งป้องกัน ปัญหาผิวแตกลาย
รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ
ปัญหาผิวแตกลาย อาจเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายขาดสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามิน การรับประทานอาหารบางชนิดอาจช่วยเสริมสุขภาพผิวได้ ซึ่งอาหารที่ควรรับประทานควรอุดมไปด้วยสารอาหารเหล่านี้
การเลือกอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน ควรเลือกอาหารให้หลากหลายในมื้ออาหาร เช่น ขนมปังโฮลวีต ผลเบอร์รี่ต่าง ๆ เซึ่งจะทำให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนมากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ อาหารที่อุดมด้วย คอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น ทั้งยังช่วยลดการปรากฏของริ้วรอย และอาจช่วย ป้องกันปัญหาผิวแตกลายได้ด้วย โดยวิตามินซีเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับการสร้างคอลลาเจน พบมากได้ในผักและผลไม้ไม่ว่าจะเป็นผลไม้รสเปรี้ยว อย่าง ส้ม และมะนาว