สุขภาพผิว

การปล่อยให้ผิวโดน แสงแดด เป็นเวลานานโดยที่ไม่มีการป้องกัน อาจทำให้ผิวถูกทำร้ายได้ เช่น สีผิวคล้ำขึ้น ผิวไหม้ สีผิวไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง รวมถึงทำให้ผิวแก่ก่อนวัยอันควร ดังนั้น เมื่อต้องออกนอกบ้าน ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ก่อนออกจากบ้าน 20 นาที เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง แสงแดด ทำร้ายผิวอย่างไร การเผชิญกับแสงแดดมากเกินไป โดยขาดการป้องกัน อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง และผิวแก่ก่อนวัย อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ดังนี้ ผิวคล้ำขึ้นและสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวจะเพิ่มการผลิตเม็ดสี หรือที่เรียกกว่า เมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่มีสีน้ำตาลเข้มอยู่ในผิวหนังอิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวหนังชั้นนอกสุด เมื่อเมลานินเพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้ผิวมีสีคล้ำขึ้น แต่เมลานินก็อาจมีส่วนช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด แต่หากเมลานินถูกผลิตมากเกินไปอาจทำให้ผิวดูคล้ำขึ้นหรือผิวเป็นสีแทน ในบางกรณีแสงแดดอาจทำให้การผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอ จนส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ แสงยังอาจทำให้เส้นเลือดฝอยขยายออกอย่างถาวร อาจส่งผลให้ผิวมีรอยด่าง และมีรอยแดงปรากฏขึ้น ผิวแห้ง การเผชิญกับแสงแดดอาจทำให้ผิวค่อย ๆ สูญเสียความชุ่มชื้น และน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำจนลอกเป็นขุย และอาจมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร ผิวไหม้แดด ผิวไหม้แดด (Sunburn) คือ […]

บางครั้งการเป็นสิวอาจเกี่ยวข้องกับการกินอาหาร หากรักษาสิวด้วยการใช้ยาแต้มสิวและยาต่าง ๆ แล้วสิวยังไม่ดีขึ้น การปรับพฤติกรรมการกินอาหาร หรือที่เรียกว่า ดีท็อกซ์ เช่น งดน้ำตาลและแป้งขัดสี งดผลิตภัณฑ์จากนม อาจช่วยบรรเทาสิวได้ ดีท็อกซ์ ลดสิว แก้ปัญหาผิว ควรกินอาหารอย่างไร เคล็ดลับในการกินอาหารเพื่อดีท็อกซ์ ช่วยลดปัญหาผิว เช่น สิว อาจมีดังนี้ งดน้ำตาลและแป้งขัดสี น้ำตาลและแป้งขัดสีอาจมีปริมาณของอินซูลินสูง เมื่อกินเข้าไปแล้วอาจไปกระตุ้นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิว ดังนั้น ควรพยายามงดน้ำตาลและแป้งขัดสีในทุกรูปแบบ เช่น ช็อกโกแลต ซีเรียล ขนมหวาน กราโนล่า คุกกี้ ขนมเค้ก นอกจากนี้ ควรงดดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่เพิ่มน้ำตาล และกาแฟใส่น้ำตาล งดผลิตภัณฑ์จากนม ผลิตภัณฑ์จากนมอาจทำให้ปริมาณของ IGF-1 ที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลินในกระแสเลือดมีความเข้มข้นมากขึ้น จึงอาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ดังนั้น ควรงดหรือลดผลิตภัณฑ์จากนมทุกรูปแบบเป็นเวลา 7 วัน ในระหว่างการดีท็อกซ์ผิว โดยอาจหาแหล่งทดแทนแคลเซียมได้จากผักใบเขียว ปลากระป๋อง และถั่วอัลมอนด์ นอกจากนี้ นมแต่งรส เวย์โปรตีน สมูทตี้ โปรตีนเชค ไอศกรีม โยเกิร์ต และชีส ก็อาจปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิวได้เช่นกัน กินโอเมก้าในอัตราส่วนที่เหมาะสม โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 […]

สภาพอากาศและมลภาวะ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการเกิดสิว นอกเหนือจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ประวัติครอบครัว ความเครียด ผู้ที่อยู่ในสภาพอากาศร้อนและชื้น หรืออยู่ในบริเวณที่มีมลภาวะทางอากาศสูง ก็อาจมีความเสี่ยงมากกว่าที่จะเกิดสิว การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสภาพอากาศ มลภาวะ และการเกิดสิว อาจช่วยให้สามารถป้องกันการเกิดสิวเนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ได้ [embed-health-tool-bmi] สภาพอากาศกับการเกิดสิว สภาพอากาศชื้น เมื่อสภาพแวดล้อมมีความชื้นในช่วงฤดูฝน หรือในสภาพอากาศแบบร้อนชื้น อาจมีโอกาสที่จะเกิดสิวหรือสิวมีอาการรุนแรงขึ้นได้ อาจเข้าใจว่าความชื้นทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสภาพผิวที่ดี แต่การอยู่ในสภาพอากาศที่ชื้น ทำให้เกิดเหงื่อ เมื่อเหงื่อรวมกับเซลล์ที่ตายแล้วและฝุ่น ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ความชื้นสามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกิน การผสมกันระหว่างน้ำมัน เซลล์ที่ตายแล้ว และฝุ่นทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน เมื่อเกิดการอุดตัน ทำให้เกิดสิวและชะลอกระบวนการฟื้นฟูของผิวจากการเกิดสิว ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ควรรักษาผิวให้สะอาดหลังจากที่เหงื่อออก ควรทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและน้ำอุ่น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าและร่างกายโดยเฉพาะ สภาพอากาศแห้ง สภาพอากาศแห้งร่วมกับอากาศเย็นสามารถส่งผลเสียต่อผิวได้ เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูที่อากาศแห้ง สภาพผิวจะแห้งขึ้น ทำให้ต่อมไขมันหลั่งน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อปกป้องและรักษาความชุ่มชื้นของผิว นอกจากนี้ เมื่อผิวแห้ง ผิวหนังชั้นบนอาจลอกออก เซลล์ผิวหนังจำนวนมากรวมกับน้ำมันส่วนเกินทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน จึงทำให้เกิดสิวซ้ำ ดังนั้น จึงควรรักษาความชุ่มชื้นของผิวและรักษาความสมดุลของน้ำมันและน้ำ เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นเพียงพอ เซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันส่วนเกินจะลดลง สภาพอากาศร้อน ในสภาพอากาศร้อน อาจเหงื่อออกมากขึ้นและเหงื่อสามารถทำให้เกิดสิวได้ จึงควรทำความสะอาดผิวสม่ำเสมอเพื่อลดน้ำมันส่วนเกินและเหงื่อ และอาจใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) และ เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) เพื่อช่วยป้องกันการเกิดสิวจากอากาศที่ร้อน มลภาวะกับการเกิดสิว ในงานวิจัยชิ้นหนึ่งในวารสาร […]

ผิวหน้าแก่ก่อนวัย เป็นปัญหากวนใจของใครหลายคน ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากการเผชิญกับแสงแดดมากเกินไป การสูบบุหรี่ พันธุกรรม และปัจจัยอื่น ๆ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผิวหน้าแก่ก่อนวัยหรือไม่  ที่สำคัญ สามารถป้องกันผิวหน้าแก่ก่อนวัยได้หรือไม่ ด้วยวิธีไหนได้บ้าง ผิวแต่ละช่วงวัยมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ผิวหน้าแต่ละคนมีความแตกต่างกันไปตามปัจจัยแวดล้อมและพันธุกรรม การที่จะระบุได้ว่า ผิวหน้าแก่ก่อนวัยหรือไม่นั้น อาจยากที่จะระบุหรือชี้ได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ลักษณะผิวพื้นฐานของแต่ละช่วงวัยสำหรับคนส่วนใหญ่ มีดังต่อไปนี้ ลักษณะผิวของคนอายุ 20 ปี ผิวนุ่มและเรียบเนียน ผิวเปล่งประกาย แทบจะไม่มีริ้วรอย หรือมีริ้วรอยเล็กน้อย ลักษณะผิวของคนอายุ 30 ปี ผิวจะเรียบเนียนเป็นส่วนใหญ่ และอาจมีผิวแห้งหรือเป็นขุยบางจุด ผิวเปล่งประกายน้อยลง และอาจเปลี่ยนสีเล็กน้อย เนื่องจากแสงแดด มีริ้วรอยรอบดวงตา หรือหว่างคิ้ว ลักษณะผิวของคนอายุ 40 ปี สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีจุดที่หยาบ และแห้งกร้านเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ผิวเปล่งประกายน้อยลง และอาจเปลี่ยนสีปานกลาง เนื่องจากแสงแดด มีริ้วรอยบนหน้าผาก และริ้วรอยรอบดวงตาหรือปาก แม้ในตอนที่ไม่ได้ขยับใบหน้า ลักษณะผิวของคนอายุ 50 ปี ผิวบางและผิวแห้ง และผิวหย่อนคล้อยตามแนวกราม ผิวหมองคล้ำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้อาจมีจุดที่เป็นกระผู้สูงอายุ (age spots) ริ้วรอยลึกรอบดวงตา และมีริ้วรอบจากจมูกถึงปาก รวมถึงริ้วรอยจากบริเวณมุมปากลงไป […]

มีสิวที่หลัง ถือเป็นหนึ่งในปัญหาสิวที่พบได้บ่อย รองจากสิวบนใบหน้า และทำให้หลายคนหมดความมั่นใจ ในเวลาที่ต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่โชว์แผ่นหลัง อย่างไรก็ตาม การมีสิวที่หลังสามารถป้องกันและรักษาได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาด สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และอย่ามองข้ามความสะอาดของเส้นผม [embed-health-tool-bmi] มีสิวที่หลัง เกิดจากอะไร ผิวหนังทั่วร่างกายรวมไปถึงบริเวณแผ่นหลัง จะมีต่อมไขมัน (Sebaceous Gland) ที่เชื่อมต่อกับรูขุมขน คอยหลั่งน้ำมันที่เรียกว่า ซีบัม (Sebum) หรือไขผิวหนังออกมาเพื่อช่วยให้ผิวหนังและเส้นขนชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่หากต่อมไขมันผลิตซีบัมมากเกินไป ประกอบกับมีแบคทีเรียและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอยู่บนแผ่นหลัง อาจทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดเป็นสิวชนิดต่าง ๆ เช่น สิวอักเสบ สิวหัวหนอง รวมไปถึงเป็นสิวหัวขาวที่แผ่นหลัง ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นสิวหัวดำได้เมื่อทำปฏิกิริยากับออกซิเจนนอกรูขุมขน สิวที่หลังนั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยได้แก่ กรรมพันธุ์ แม้การเกิดสิวจะไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่สภาพผิวหนังที่ทำให้เป็นสิวง่าย เช่น รูขุมขนกว้าง หน้ามัน นั้นสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ การใช้ยา ยาบางชนิด เช่น ยาต้านซึมเศร้า (antidepressants) อาจส่งผลข้างเคียงทำให้ผู้ใช้เกิดสิวได้ ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวในช่วงวัยรุ่น และสำหรับผู้หญิง ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในช่วงมีประจำเดือนหรือช่วงตั้งครรภ์ ก็สามารถทำให้เกิดเป็นสิวได้ เหงื่อ เมื่อมีเหงื่อออก โดยเฉพาะหากสวมเสื้อผ้ารัด ๆ ก็สามารถทำให้เกิดสิว หรือทำให้ปัญหาสิวที่หลังแย่ลงได้ ความเครียด แม้จะไม่ได้เป็นสาเหตุของสิวโดยตรง แต่ก็สามารถทำให้ระบบต่าง ๆ […]

ครีมกันแดด อาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ แบบเคมิคอล (Chemical) และแบบฟิสิคอล (Physical) ดังนั้น การรู้ว่าครีมกันแดดแบบเคมิคอลและแบบฟิสิคอลต่างกันอย่างไรนั้น อาจช่วยให้สามารถเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว ทั้งยังอาจช่วยครีมกันแดดช่วยป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำความรู้จักกับ ครีมกันแดด ครีมกันแดดแบบฟิสิคอลทำหน้าที่เสมือนเกราะที่ปกป้องผิวหนัง ด้วยการสะท้อนและเบี่ยงเบนทิศทางของรังสียูวี ในขณะที่ครีมกันแดดแบบเคมิคอลอาจทำหน้าที่ดูดซับรังสียูวี เป็นส่วนใหญ่ โดยตัวกรองรังสีบางชนิดอาจสามารถสลายรังสียูวีได้ ครีมกันแดดฟิสิคอลที่เป็นครีมกันแดดแบบสารอนินทรีย์ (Inorganic) ส่วนครีมกันแดดแบบเคมิคอลนั้นอาจเป็นมีทั้งแบบออร์แกนิกหรือแบบสารอินทรีย์ (Organic) ตัวกรองแสงยูวีในครีมกันแดด ตัวกรองแสงยูวี (UV Filters) ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสียูวี โดยตัวกรองยูวี คือ สารออกฤทธิ์ที่อยู่ในครีมสำหรับป้องกันแสงแดด โดยสารออกฤทธิ์สำหรับครีมกันแดดแบบฟิสิคอลนั้น ส่วนใหญ่อาจเป็นไทเทเนียม ไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) และซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ครีมกันแดดมีความเสถียร ส่วนครีมกันแดดแบบเคมิคอลอาจใช้ส่วนประกอบที่หลากหลายชนิดกว่า ได้แก่ ออกทิลคลีลีน (Octylcrylene) ออกทีน็อกซ์เซต (Octinoxate) ออกทีซาเลต (Octisalate) ออกซีเบนโซน (Oxybenzone) โฮโมซาเลต (Homosalate) เฮลิโอเพล็กซ์ (Helioplex) 4-MBC เม็กซ์โซริล เอสเอ็กซ์ และ เอ็กซ์แอล […]

ผิวแห้ง คือ ภาวะที่ผิวไม่สามารถรักษาระดับความชุ่มชื้นตามปกติไว้ได้ โดยปกติแล้ว ผิวชั้นบนจะประกอบไปด้วยน้ำประมาณ 10-30% ซึ่งเป็นระดับความชุ่มชื้นที่ถือว่าปกติ และแสดงออกด้วยอาการหลาย ๆ อย่าง เช่น สภาพผิวที่ดูแห้งและกระด้าง ขาดความยืดหยุ่น ดังนั้น พื้นฐานการดูแลสุขภาพผิวแห้ง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ [embed-health-tool-bmr] ผิวแห้ง คืออะไร ผิวแห้ง คือ ภาวะที่ผิวไม่สามารถรักษาระดับความชุ่มชื้นตามปกติไว้ได้ โดยปกติแล้ว ผิวชั้นบนจะประกอบไปด้วยน้ำประมาณ 10-30% ซึ่งเป็นระดับความชุ่มชื้นที่ถือว่าปกติ และแสดงออกด้วยอาการหลาย ๆ อย่าง เช่น สภาพผิวที่ดูแห้งและกระด้าง ขาดความยืดหยุ่น มีความรู้สึกตึง คัน เป็นขุย ลอก หรือถึงขั้นแตก ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ พันธุกรรม ความเสียหายจากแสงแดด สภาวะแวดล้อม ภูมิอากาศ สุขภาพ หรือจากหลาย ๆ ปัจจัยเหล่านี้ผสมกัน และแม้แต่คนที่มีผิวมันโดยธรรมชาติ ก็อาจเกิดภาวะผิวแห้งได้เป็นครั้งคราว จากเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ ผิวแห้งอาจเกิดขึ้นที่ส่วนใดก็ได้ของร่างกาย ปกติแล้วมักจะพบบนใบหน้า มือ แขน และขา โดยทั่วไปแล้ว การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต […]

คอลลาเจน (Collagen) จัดเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนัง เนื่องจากชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ของคนเรา มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 80% คอลลาเจนช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง ยืดหยุ่น และชุ่มชื้นอยู่เสมอ ร่างกายของเราสามารถผลิตคอลลาเจนเองได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะค่อย ๆ ผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง จนทำให้ผิวหนังอ่อนแอและเกิดปัญหาผิว เช่น ผิวหนังแห้ง เหี่ยวย่น และเกิดริ้วรอย ถึงแม้เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือหยุดกระบวนการตามธรรมชาติเหล่านี้ แต่เราก็สามารถชะลอปัญหาผิวเหล่านี้ได้ ด้วยการพยายาม เพิ่มคอลลาเจน ให้แก่ผิว ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีธรรมชาติเหล่านี้ กินผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี การกินผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ มะละกอ มะม่วง มะเขือเทศ บร็อคโคลี่ พริกหวาน กะหล่ำปลี ผักคะน้า เป็นประจำ สามารถช่วยกระตุ้นการ ผลิตคอลลาเจน ภายในร่างกายได้ นอกจากผักและผลไม้แล้ว คุณอาจเพิ่มวิตามินซีให้ร่างกายได้ด้วยอาหารเสริมวิตามินซี แต่ไม่ควรกินเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม เพราะอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ เป็นต้น กินอาหารที่มีโปรตีนสูง กรดอะมิโน คือ […]

ผิวมัน หน้ามัน เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ทำให้เครื่องสำอางหลุดร่อนได้ง่าย ยิ่งคนที่มีผิวมันมาก ๆ ในระหว่างวันต้องคอยใช้กระดาษซับความมันตลอดเวลา อาจทำให้ขาดความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม มีวิธีง่าย ๆ ในการรับมือกับหน้ามัน ผิวมันด้วยการดูแลตัวเองโดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ สาเหตุของ ผิวมัน หน้ามัน ผิวมัน หน้ามัน เป็นผลมาจากการที่ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตซีบัม (Sebum) มากเกินไป โดยซีบัมเป็นไขมันที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาให้เส้นผมเงางามและสุขภาพดี แต่การมีซีบัมมากเกินไปบนผิวหน้าจะส่งผลให้ผิวมัน รูขุมขนอุดตันและเป็นสิว นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันเพิ่มการผลิตซีบัม ได้แก่ พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สภาพอากาศที่ร้อนหรือชื้นมากเกินไป รวมถึงความเครียด ทำให้การดูแลผิวมัน หน้ามัน เป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น วิธีดูแลผิวมัน หน้ามัน ทำความสะอาดผิวหน้าให้ถูกวิธี การทำความสะอาดหน้าเป็นประจำจะช่วยลดความมันบนผิวหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน ปราศจากสารที่สร้างความระคายเคืองให้กับผิว เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ สารเคมีที่รุนแรง เนื่องจากจะไปกระตุ้นให้ผิวมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวยิ่งมันขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ไม่ควรทำความสะอาดผิวบ่อยเกินไป เพราะยิ่งกระตุ้นให้ผิวสร้างน้ำมันขึ้นมาเพื่อปกป้องผิว และทำให้ผิวกมันมากขึ้นเช่นกัน ซับหน้าอย่างอ่อนโยน หลังทำความสะอาดใบหน้า ควรซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ อย่าเช็ดถูผิวหน้ารุนแรงเกินไป เพราะหากยิ่งทำให้ผิวระคายเคืองมากเท่าใด ผิวก็จะปกป้องตัวเองด้วยการสร้างน้ำมันตามธรรมชาติมากยิ่งขึ้นเท่านั้น อย่าลืมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เชื่อกันว่า การใช้มอยส์เจอไรเซอร์จะทำให้ผิวมันมากขึ้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะถึงแม้ผิวจะผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป แต่ผิวมันก็ยังคงต้องการความชุ่มชื้นเช่นเดียวกับผิวประเภทอื่น […]

ริมฝีปากลอก เป็นอาการที่ผิวหนังบริเวณผิมสีปากแห้ง แตก และลอกออก ซึ่งอาจพบได้บ่อยในช่วงหน้าหนาวหรือช่วงที่มีอากาศเย็นและแห้ง การบรรเทาอาการริมฝีปากลอกอาจทำได้ด้วยการทาลิปมัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ดื่มน้ำ และหลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปาก เพราะอาจทำให้ริมฝีปากลอกมากกว่าเดิมได้ ริมฝีปากลอก เกิดจากอะไร สาเหตุที่อาจทำให้ริมฝีปากลอก อาจมีดังนี้ ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น ริมฝีปากจะไม่มีต่อมน้ำมัน และมักจะเป็นส่วนที่ได้สัมผัสกับอากาศมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่อากาศหนาวจัดหรือร้อนจัด ส่งผลให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย จนเป็นเหตุให้ปากแห้ง หรือริมฝีปากลอก ดื่มน้ำไม่เพียงพอ การดื่มน้ำไม่เพียงพอเป็นปัจจัยที่ส่งผลจากภายในสู่ภายนอก ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตร/วัน เนื่องจากการดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และริมฝีปากแห้งได้ ลอกริมฝีปาก เวลาริมฝีปากแห้ง หลายคนมักจะเผลอดึงหรือลอกริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการลอกผิวที่แห้งออก จะยิ่งทำให้อาการริมฝีปากแห้งแย่ลง บรรเทาอาการริมฝีปากลอก ผู้ที่มีอาการริมฝีปากลอกอาจบรรเทาได้ด้วยวิธีการดังนี้ ป้องกันริมฝีปาก ก่อนออกจากบ้านควรทาลิปมันที่มีส่วนผสมของสารกันแดด และอาจใช้ผ้าพันคอปิดปาก ในวันที่ต้องเผชิญกับอากาศหนาวจัด หรือร้อนจัด หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปาก น้ำลายจะระเหยอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ริมฝีปากแห้งมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้เลียริมฝีปาก ถ้ามีแนวโน้มว่าจะเลียริมฝีปาก ให้หลีกเลี่ยงการใช้ลิปมันที่มีรสชาติ เพราะอาจกระตุ้นให้เลียริมฝีปากบ่อยขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้น การดื่มน้ำเปล่าจะทำให้ผิวชุ่มชื้น และช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ที่เป็นเหตุให้ริมฝีปากแห้ง หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นอาการแพ้ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารระคายเคือง หรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น กลิ่นหอม สีย้อมในเครื่องสำอางและในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อย่าลอกหรือกัดริมฝีปาก ผิวบนริมฝีปากบางและละเอียดอ่อน […]