น้ำส้มสายชูเป็นเครื่องปรุงประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหาร และเพิ่มรสชาติให้แก่อาหารประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารจีน หรือแม้แต่อาหารยุโรป อีกทั้งยังสามารถใช้เพื่อทำความสะอาดเครื่องใช้อื่นๆ ภายในครัวเรือนได้อีกด้วย แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า น้ำส้มสายชู นั้นให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่เราคิด ประโยชน์ต่อสุขภาพที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง หาคำตอบได้จากบทความนี้
[embed-health-tool-bmi]
น้ำส้มสายชู คืออะไรกันแน่
น้ำส้มสายชู (Vinegar) คือของเหลวสีใส ที่ได้จากกระบวนการหมัก โดยปกติแล้วน้ำส้มสายชูปกติที่เรารับประทาน จะมีความเป็นกรดอยู่ที่ 4-8% ในขณะที่น้ำส้มสายชูที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อราหรือทำความสะอาด อาจจะมีความเป็นกรดมากถึง 20% องค์ประกอบหลักของน้ำส้มสายชูคือ กรดอะซิติก (Acetic acid) แต่ก็อาจจะพบกรดอื่น ๆ ได้เช่นกัน
ในอดีต น้ำส้มสายชูจะได้จากการหมักอาหารประเภทต่าง ๆ เช่น มันฝรั่ง กากน้ำตาล หรือเวย์ (Whey) ที่ได้จากนม ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุดิบชนิดไหน สามารถพบได้มากในเขตนั้น แต่ในปัจจุบัน น้ำส้มสายชูส่วนใหญ่มักจะได้มาจากการหมักเอทานอล (ethanol) โดยการเติมส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น ยีสต์ หรือฟอสเฟต เพื่อช่วยกระตุ้นกระบวนการหมัก เนื่องจากในเมทานอล (Methanol) นั้นแทบจะไม่มีสารอาหารอื่น ๆ อยู่เลย
ประโยชน์สุขภาพของน้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูนั้นเป็นวัตถุดิบที่มีคุณค่าทางสารอาหารน้อยและมีแคลอรี่ต่ำ โดยปกติน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ จะให้พลังงานแค่เพียง 2-15 กิโลแคลอรี่เท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีทั้งโซเดียมและน้ำตาล ยกเว้นน้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ ที่อาจจะมีการเติมน้ำตาลในระหว่างกระบวนการหมัก
น้ำส้มสายชูนั้นนอกจากจะนำมาใช้เพื่อประกอบอาหารแล้ว ยังมีการนำมาใช้เพื่อการถนอมอาหาร ทำความสะอาด ป้องกันการติดเชื้อ และยังอาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพต่าง ๆ ดังนี้
ฆ่าเชื้อโรค
เนื่องจากน้ำส้มสายชูนั้นมีความเป็นกรด และมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ เช่น เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา จึงได้รับความนิยมในการนำมาใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อราที่เล็บ โรคหูด หรือการติดเชื้อบนผิวหนัง นอกจากนี้ ยังมีการใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำผึ้ง และรับประทานเพื่อช่วยรักษาอาการติดเชื้อในลำคอ และช่วยบรรเทาอาการไออีกด้วย
ควบคุมน้ำตาลในเลือด
มีงานวิจัยที่พบว่า การรับประทานน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ก่อนการรับประทานอาหาร สามารถช่วยลดระดับความเข้มข้นของอินซูลิน (Insulin) และระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากรับประทานอาหารไปได้อย่างมาก ดังนั้นจึงสามารถช่วยควบควบอาการ และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้
ควบคุมน้ำหนัก
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า การรับประทานน้ำส้มสายชูในอาหาร อาจสามารถช่วยน้ำให้เรารู้สึกอิ่มได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงอาจสามารถช่วยลดปริมาณการรับประทานอาหาร และจำกัดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการควบคุมน้ำหนัก
ข้อควรระวังในการใช้น้ำส้มสายชู
แม้ว่าน้ำส้มสายชูนั้นสามารถใช้เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ แต่อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่พบว่า น้ำส้มสายชูทั่วไปที่เราใช้เพื่อรับประทาน หรือประกอบอาหาร อาจจะมีความเป็นกรดไม่มากพอ ที่จะช่วยกำจัดและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อย่าง เชื้ออีโคไล (Escherichia coli) ดังนั้น หากต้องการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอย่างจริงจัง ควรเลือกใช้เป็นน้ำส้มสายชูที่มีความเข้มข้นสูง หรือเลือกใช้เป็นน้ำยาทำความสะอาดไปเลย อาจจะให้ผลดีกว่า
นอกจากนี้ การรับประทานน้ำส้มสายชูมากเกินไป ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะอาจทำให้เกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น แสบร้อนกลางอก หรืออาหารไม่ย่อย กรดที่อยู่ในน้ำส้มสายชูยังสามารถกัดกร่อนชั้นเคลือบฟัน และทำให้ฟันผุได้ง่ายขึ้นอีกด้วย