ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป เป็นเรื่องที่ทุกคนควจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งเรื่องราวที่คุณจะอ่านเรารวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

สำรวจ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Gland Cyst)

หากคุณลองสังเกตตนเองว่าเริ่มมีการเคลื่อนไหวลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง รวมทั้งเริ่มมีอาการเจ็บปวดเมื่อเผลอโดนเสียดสีบริเวณช่องคลอด ควรสำรวจอาการตนเอง และรีบเร่งทำการรักษา หรืออาจเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอโดยด่วน เพราะคุณอาจมีความเสี่ยงเป็นโรค ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Gland Cyst) หรือ โรคฝีในอวัยวะเพศ ได้ คำจำกัดความถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Gland Cyst) คืออะไร ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Gland Cyst) สามารถเรียกอีกชื่อได้ว่า โรคฝีในอวัยวะเพศ ซึ่งมักมีอยู่ในแต่ด้านของภายในช่องคลอด ที่มีหน้าที่ในการผลิตของเหลว หรือสารหล่อลื่นออกมา เพื่อป้องกัน และลดการเสียดสีของเนื้อเยื่อช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์ แต่ขณะเดียวกันในระหว่างที่ผลิตน้ำหล่อเลี้ยงออกมานี้มากเกินไป ก็อาจให้เกิดการสะสมนำไปสู่การอุดตันภายในท่อ พร้อมทั้งยังอาจนำพาแบคทีเรียต่าง ๆ อย่าง Escherichia coli (E.coli) เข้าไปภายในจนเกิดการติดเชื้อ จนคุณรู้สึกเจ็บปวดช่องคลอดอย่างมาก ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ สามารถพบบ่อยได้เพียงใด ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่อายุ 20-30 ปี นับไดว่าแทบจะเป็นอาการที่เกิดข้นได้ทุกช่วงของการเจริญเติบโตเลยทีเดียว อาการอาการของถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ หากถุงน้ำต่อมบาร์โธลินของคุณเกิดการติดเชื้อ อาจกลับกลายเป็นก้อนเนื้อที่นูนออกมาให้คุณสังเกตได้อย่างง่ายดาย และสามารถเติบโตได้ตั้งแต่ 0.2-1 นิ้ว ส่วนใหญ่แล้วหากผู้ที่อยู่ในภาวะติดเชื้อระดับต่ำ อาจไม่เผยอาการใด ๆ ออกมาให้คุณได้ทราบ แต่หากอยู่ในกรณีที่ติดเชื้อรุนแรง อาจทำให้คุณรับรู้ได้ถึงอาการที่ผิดปกติดังต่อไปนี้ รู้สึกเจ็บปวดบริเวณช่องคลอด พร้อมกับมีก้อนเนื้อ ช่องคลอดมีลักษณะเป็นสีแดง เคลื่อนไหวลำบาก เจ็บช่องคลอดในขณะมีเพศสัมพันธ์ ไข้ขึ้นสูง หนองภายในถุงน้ำต่อมบาร์โธลิน สาเหตุสาเหตุของการเกิดถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ ผู้ป่วยบางรายอาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการอุดตันของน้ำหล่อลื่นในถุงน้ำต่อมบาร์โธลิน อีกทั้งยังอาจมาจากการติดเชื้อระหว่างมีเพศสัมพันธ์ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

หุ่นทรงนาฬิกาทราย ออกกำลังกายและกินอาหารแบบไหนถึงจะดี

หุ่นของคนเรานั้นสามารถที่จะจำแนกออกมาได้หลายประเภท ซึ่งหุ่นโดยทั่วไปที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่ หุ่นทรงลูกแพร์ หุ่นทรงแอปเปิ้ล หุ่นทรงสามเหลี่ยมคว่ำ (Inverted Triangle) หุ่นทรงนาฬิกาทราย (Hourglass) และหุ่นทรงกระบอก โดยหุ่นที่แตกต่างกันนี้ ก็อาจจะต้องมีวิธีดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายที่ต่างกันเพื่อให้เหมาะสมกับรูปร่างแต่ละแบบที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับวิธีดูแลตัวเอง หากคุณเป็นคนที่มีหุ่นทรงนาฬิกาทราย [embed-health-tool-bmr] หุ่นทรงนาฬิกาทราย เป็นอย่างไร หุ่นแบบนาฬิกาทราย เป็นหุ่นที่ผสมผสานกันระหว่างหุ่นทรงสามเหลี่ยมคว่ำกับหุ่นทรงสามเหลี่ยม กล่าวคือหุ่นทรงนาฬิกาทรายจะเป็นโครงสร้างทางร่างกายที่ช่วงบนกับช่วงล่างมีขนาดเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน และมีช่วงเอวที่เล็ก จัดว่าเป็นหุ่นในฝันของใครหลายๆ คน นับได้ว่าหุ่นทรงนาฬิกาทรายเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์เพราะมีความสมส่วนกันทั้งช่วงบนและช่วงล่างอย่างลงตัว ดารา นักแสดง นางแบบ และคนดังหลายคนก็มักจะมีหุ่นทรงนาฬิกาทราย ความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนที่มี หุ่นทรงนาฬิกาทราย หุ่นแบบนาฬิกาทรายจะมีความต่างจากหุ่นประเภทอื่นๆ ในเรื่องของการเก็บไขมัน อย่างหุ่นทรงลูกแพร์ ร่างกายมักจะเก็บไขมันไปไว้ที่ส่วนล่างจึงทำให้ช่วงล่างดูใหญ่ ขณะที่หุ่นทรงแอปเปิ้ลนั้นจะมีช่วงบนและช่วงลำตัวที่ดูใหญ่ แต่ว่าสำหรับหุ่นทรงนาฬิกาทราย ซึ่งเป็นรูปร่างที่ค่อนข้างมีสัดส่วนที่สมบูรณ์ การเก็บไขมันและการเพิ่มน้ำหนักจึงค่อนข้างจะเกิดขึ้นได้ยาก อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมีน้ำหนักเกินมาตรฐานค่าเฉลี่ยก็จะมีความเสี่ยงสุขภาพตามมาได้เช่นกัน หุ่นทรงนาฬิกาทรายควรกินอาหารแบบไหน   หุ่นทรงนาฬิกาทรายนั้นถือว่าเป็นหุ่นในอุดมคติของสาวๆ หลายคน การมีช่วงบนคือบ่า ไหล่ หน้าอก และช่วงล่างคือสะโพก ต้นขา ใกล้เคียงกัน และมีเอวเล็กคอด ทำให้ดูสมส่วน ใส่อะไรก็สวยงามชวนมอง แต่ถึงอย่างนั้นคนที่มีหุ่นทรงนาฬิกาทรายก็มีข้อควรระวังในเรื่องของการกินอาหารอยู่เหมือนกัน แม้จะมีโครงสร้างที่ค่อนข้างสมส่วน แต่ก็ต้องไม่ปล่อยปละละเลยตนเอง ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แคลอรี่น้อย ไขมันต่ำ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เทคนิคการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น

หลังจากผ่านพ้นกระบวนการผ่าตัดมาแล้ว ผู้ป่วยหลายคนที่พักรักษาตัวก็อาจจะมีความสนใจและใคร่รู้ในเรื่องเกี่ยวกับ สิ่งที่ควรปฏิบัติ และเทคนิคในการดูแลตัวเอง เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากการผ่าตัด วันนี้ Hello คุณหมอ จะมานำเสนอ เทคนิคการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย ให้กลับมาแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น เทคนิคการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด ที่คุณควรปฏิบัติ ทำตามคำแนะนำของแพทย์เสมอ สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ควรทำหลังจากการผ่าตัด คือการทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด แม้ว่าในบางครั้ง คำแนะนำที่คุณได้รับ คุณอาจจะรู้สึกว่าไม่สำคัญ เช่น ห้ามอาบน้ำ หรือห้ามว่ายน้ำหลังจากการผ่าตัด เพราะคำแนะนำที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ก็มีเหตุผลสำคัญอยู่ทั้งสิ้น คำแนะนำเหล่านี้อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยให้แผลของคุณสามารถฟื้นฟูได้ดีขึ้น หรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับบาดแผลหลังการผ่าตัดได้ คอยสังเกตดูบริเวณแผลผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดแล้ว ผู้ป่วยควรคอยเฝ้าสังเกตแผลผ่าตัดอยู่เป็นประจำ เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร หรือเกิดความผิดปกติ เช่น มีหนอง สีผิวเปลี่ยน หรือแผลปริหรือไม่ เพราะการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนและการติดเชื้อหลังจากการผ่าตัดได้ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแลให้ดี อาจทำให้อาการติดเชื้อลุกลาม แล้วเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ รับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จะเป็นวิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูตัวเองให้แข็งแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังการผ่าตัด ที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้โปรตีนและสารอาหารอื่นๆ ในปริมาณมาก เพื่อช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูบริเวณบาดแผลผ่าตัด นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดมามักจะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนในช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัด เนื่องจากผลข้างเคียงของยาและการรักษา การดื่มน้ำและรับประทานอาหารบางอย่าง เช่น มะนาว หรือขิง จะสามารถช่วยลดอาการข้างเคียงเหล่านี้ได้เช่นกัน ระมัดระวังเวลาไอและจาม โดยปกตินั้น ในช่วงระหว่างการไอและการจามนั้นจะทำให้คุณต้องออกแรงเกร็งกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงในเวลาอันรวดเร็ว และหากไม่ระมัดระวังอาจทำให้แผลฉีกเปิด และมีเลือดไหล แถมยังทำให้แผลหายช้าขึ้นอีกด้วย สิ่งที่ควรทำหากคุณจะจามหรือไอหลังจากการผ่าตัด คือการกดบริเวณแผลเอาไว้ โดยอาจใช้มือ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ส่งต่อความสุขที่ดีต่อสุขภาพ ด้วยการ เลือกกระเช้าปีใหม่ ด้วยตนเอง

เมื่อเข้าสู่ช่วงปีใหม่ หลายคนต่างก็พากันเลือกซื้อกระเช้าปีใหม่ให้เป็นของขวัญมอบให้แก่กันและกัน กระเช้าปีใหม่นั้นมีมากมายหลายรูปแบบให้เลือกสรรค์ แต่ของที่อยู่ในกระเช้าปีใหม่นั้นอาจจะมีคุณภาพที่แตกต่างกัน วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนำเทคนิคการ เลือกกระเช้าปีใหม่ แบบใส่ใจต่อสุขภาพของผู้รับ ทำไมการ เลือกกระเช้าปีใหม่ จึงสำคัญ ในปัจจุบัน ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าทั้งหลายต่างก็พากันนำกระเช้าปีใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ ออกมาขายกันให้จ้าละหวั่น สินค้าที่อยู่ในกระเช้าปีใหม่นั้น มีตั้งแต่ขนม นม เนย เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ไปจนถึงยารักษาโรค สุดแท้แต่ที่เราจะจินตนาการ เรามักจะเลือกซื้อกระเช้าปีใหม่สำเร็จรูปเหล่านี้ เนื่องจากความสะดวกสบาย และความง่ายต่อการตัดสินใจ สินค้าที่อยู่ในกระเช้าปีใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นสินค้าที่มีเรารู้จักและมีชื่อเสียง ทำให้เราเกิดความสบายใจว่าเราได้ของคุณภาพดี แม้ว่าของที่อยู่ในกระเช้าปีใหม่จะเป็นของที่เรารู้จัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าของในกระเช้าปีใหม่เหล่านี้ จะเหมาะสมสำหรับผู้รับเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกระเช้าปีใหม่สำเร็จรูปนั้น มักจะเป็นผลิตภัณฑ์จำพวกขนม น้ำหวาน หรือของกินต่างๆ ที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อสุขภาพ แม้แต่กระเช้าที่ดูเหมือนว่าจะเป็นของดี มีประโยชน์ ก็อาจจะแฝงไปด้วยน้ำตาลและคอเลสเตอรอลได้หากเราอ่านฉลากสินค้าดีๆ หรือในบางกระเช้าอาจจะเป็นการนำสินค้าใกล้หมดอายุ สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ มาจับรวมๆ กันใส่ในกระเช้า กระเช้าปีใหม่ที่เต็มไปด้วยของที่ไม่มีประโยชน์เหล่านี้จะทำให้ผู้รับมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นการเลือกซื้อกระเช้าปีใหม่จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้คุณสามารถเลือกของขวัญที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเหมาะสมกับผู้รับ เป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนาดีและความใส่ใจของผู้ให้ สิ่งที่ควรทำเมื่อเลือกกระเช้าปีใหม่ ตรวจสอบสภาพของกระเช้า คุณควรเลือกซื้อกระเช้าปีใหม่ที่มีสภาพดี […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ภาวะปวดหลอน (Phantom Pain)

ภาวะปวดหลอน (Phantom Pain) เป็นอาการที่ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดหลังจากถูกตัดอวัยวะบางส่วนออกจากร่างกายเพราะคิดว่าอวัยวะที่ถูกตัดออกยังคงอยู่และสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการปวดหลอนหลังจากถูกตัดอวัยวะได้ประมาณ  1 สัปดาห์ คำจำกัดความภาวะปวดหลอน (Phantom Pain) คืออะไร ภาวะปวดหลอน (Phantom Pain) เป็นอาการที่ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดหลังจากถูกตัดอวัยวะบางส่วนออกจากร่างกายเพราะคิดว่าอวัยวะที่ถูกตัดออกยังคงอยู่และสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการปวดหลอนหลังจากถูกตัดอวัยวะได้ประมาณ  1 สัปดาห์ พบได้บ่อยเพียงใด ภาวะปวดหลอนมักขึ้นกับผู้ป่วยที่ถูกตัดอวัยวะ อาการอาการของภาวะปวดหลอน ผู้ป่วยอาการปวดหลอนจะมีอาการที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลอนหลังจากการสูญเสียอวัยวะประมาณ 1 สัปดาห์  มีอาการแสดงออก เช่น คัน ชา ตะคริว รู้สึกปวดบิด ปวดแสบ ควรไปพบหมอเมื่อใด หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุสาเหตุของภาวะปวดหลอน ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะปวดหลอน แต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจเกิดจาก ความผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลายของอวัยวะที่ถูกตัดขา ทำให้ให้บริเวณที่สูญเสียอวัยวะไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ ปัจจัยเสี่ยงภาวะปวดหลอน ปัจจัยดังต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะปวดหลอน ความเจ็บปวดก่อนการผ่าตัดอวัยวะ ก่อนที่จะทำการผ่าตัดอวัยวะ เรายังมีความทรงจำของความเจ็บปวด เมื่อผ่าตัดแล้วอาจทำให้ความทรงจำเจ็บปวดตรงนั้นยังคงอยู่ อาการปวดหลังการผ่าตัดอวัยวะ อาจเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลาย การวินิจฉัยและการรักษาข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การวินิจฉัยภาวะปวดหลอน ในเบื้องต้นแพทย์จะสอบถามประวัติและอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด เพื่อจะได้วินิจฉัยและรักษาอาการได้อย่างถูกต้อง การรักษาภาวะปวดหลอน การรักษาภาวะปวดหลอนขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยมีรายละเอียดวิธีการรักษาดังต่อไปนี้ การรักษาด้วยยา ในปัจจุบันไม่มียาที่ใช้สำหรับรักษาภาวะปวดหลอนเฉพาะ แพทย์จะจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการปวดหลอน ดังนี้ กลุ่มยาโอทีซี (Over-the-counter drugs : OTC) เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพรอกเซน (Naproxen) ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) หรืออะเซตามีโนเฟน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ต่อมน้ำลายติดเชื้อ (Salivary Gland Infection)

หากคุณลองสังเกตตนเองว่าเริ่มมีอาการเจ็บปวดบริเวณภายในช่องปาก และลำคอ หรือมีอาการต่อมรับรสเกิดการบกพร่องขณะรับประทานอาหาร ควรสำรวจอาการตนเองและรีบเร่งรักษา หรืออาจเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอโดยด่วน เพราะคุณอาจมีความเสี่ยงเป็นโรค ต่อมน้ำลายติดเชื้อ (Salivary Gland Infection) ได้ คำจำกัดความต่อมน้ำลายติดเชื้อ (Salivary Gland Infection) คืออะไร ต่อมน้ำลายติดเชื้อ (Salivary Gland Infection) สามารถเกิดได้จากแบคทีเรีย หรือไวรัสที่เข้าไปรบกวนการทำงานภายในต่อมน้ำลายของคุณ จนส่งผลให้มีการอุดตัน หรือติดเชื้อขึ้น โดยต่อมน้ำลายที่ได้รับการติดเชื้อส่วนใหญ่มีอยู่ทั้งหมด 3 คู่ด้วยกัน ดังนี้ ต่อมน้ำลายบริเวณกกหู (Parotid gland) ซึ่งเป็นต่อมน้ำลายที่ใหญ่ที่สุด ต่อมน้ำลายบริเวณขากรรไกรล่าง (Submaxillary gland) ที่อาจอยู่ด้านหลังกรามล่าง และคาง นับว่าเป็นต่อมน้ำลายที่ผลิตน้ำลายได้มากที่สุด ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น (Sublingual gland) เป็นต่อมน้ำลายที่ค่อนข้างเล็กที่สุดอยู่บริเวณใต้ลิ้น ผลิตได้ทั้งน้ำลายชนิดใส เหนียว ข้น ต่อมน้ำลายติดเชื้อ สามารถพบบ่อยได้เพียงใด ต่อมน้ำลายติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้ทุกเพศ และทุกช่วงวัยตั้งแต่ในวัยทารก วัยผู้ใหญ่ จนถึงวัยผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้ที่กำลังประสบกับภาวะโรคเรื้อรัง อาการอาการของต่อมน้ำลายติดเชื้อ สำหรับผู้ป่วยบางรายหากมีอาการบวมเล็กน้อย อาจทำให้โรคนี้สามารถหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรงนั้น อาจทำให้อาการเจ็บปวดดังต่อไปนี้ อยู่ได้นานถึง 1 สัปดาห์ หรืออาจมากกว่านั้น ตามสภาวะทางสุขภาพของแต่ละบุคคล พร้อมทั้งยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งของต่อมน้ำลายที่เกิดการติดเชื้อร่วมด้วย มีก้อนบวมบริเวณใกล้เคียงกับขากรรไกร ลำคอ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

หุ่นทรงแอปเปิ้ล ออกกำลังกายและกินอาหารแบบไหนถึงจะดี

หุ่นของคนเรานั้นสามารถที่จะจำแนกออกมาได้หลายประเภท ซึ่งหุ่นโดยทั่วไปที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่ หุ่นทรงลูกแพร์ หุ่นทรงแอปเปิ้ล หุ่นทรงสามเหลี่ยมคว่ำ (Inverted Triangle) หุ่นทรงนาฬิกาทราย (Hourglass) และหุ่นทรงกระบอก โดยหุ่นที่แตกต่างกันนี้ ก็อาจจะต้องมีวิธีดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายที่แตกต่างกันเพื่อให้เหมาะสมกับรูปร่างแต่ละแบบที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับวิธีดูแลตัวเอง หากคุณเป็นคนที่มีหุ่นทรงแอปเปิ้ล หุ่นทรงแอปเปิ้ล เป็นอย่างไร หุ่นทรงแอปเปิ้ลนั้น คือ ลักษณะร่างกายที่มีโครงร่างขนาดใหญ่ กล่าวคือ มีช่วงแขน บ่า ไหล่ ที่กว้างและใหญ่ มีเอวและสะโพกที่หนา แต่บริเวณบั้นท้ายและส่วนช่วงขากลับมีขนาดเล็กและบาง  ความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนที่มี หุ่นทรงแอปเปิ้ล ผู้ที่มีหุ่นในลักษณะนี้จะดูเป็นคนรูปร่างท้วม ค่อนไปทางอวบหรืออ้วน โดยเฉพาะช่วงกลางลำตัวที่มีขนาดใหญ่ ได้แก่ ช่วงหน้าท้อง ที่มักจะมีไขมันสะสมอยู่มาก และเนื่องจากหุ่นลักษณะนี้มีแนวโน้มของการเพิ่มน้ำหนักที่ง่าย จึงมีความเสี่ยงต่ออาการทางสุขภาพแบบเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น อาจกล่าวได้ว่าผู้ที่มีรูปร่างแบบหุ่นทรงแอปเปิ้ล จำเป็นจะต้องใส่ใจดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หุ่นทรงแอปเปิ้ลควรกินอาหารแบบไหน เนื่องจากหุ่นทรงแอปเปิ้ลนั้นมีอัตราสูงที่จะมีน้ำหนักเพิ่ม ซึ่งจะเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังอย่าง โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ดังนั้นการรับประทานอาหารสำหรับคนที่มีหุ่นทรงแอปเปิ้ล จึงควรลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่ไม่ดี เพื่อจะได้ช่วยลดไขมันที่หน้าท้องและความเสี่ยงต่อสุขภาพอื่นๆ หรืออาจใช้ไอเดียในการรับประทานอาหารดังนี้ เช่น มื้อเช้าอาจรับประทานเป็น ข้าวไข่เจียว ผักสลัด มื้อเที่ยงอาจรับประทานเป็น ไก่ย่าง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

หุ่นทรงลูกแพร์ ออกกำลังกายและกินอาหารแบบไหนถึงจะดี

หุ่นของคนเรานั้นสามารถที่จะจำแนกออกมาได้หลายประเภท ซึ่งหุ่นโดยทั่วไปที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่ หุ่นทรงลูกแพร์ หุ่นทรงแอปเปิ้ล หุ่นทรงสามเหลี่ยมคว่ำ (Inverted Triangle) หุ่นทรงนาฬิกาทราย (Hourglass) และหุ่นทรงกระบอก โดยหุ่นที่แตกต่างกันนี้ ก็อาจจะต้องมีวิธีดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายที่ต่างกันเพื่อให้เหมาะสมกับรูปร่างแต่ละแบบที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับวิธีดูแลตัวเอง หากคุณเป็นคนที่มีหุ่นทรงลูกแพร์ [embed-health-tool-bmi] หุ่นทรงลูกแพร์ เป็นอย่างไร หุ่นแบบลูกแพร์ คือ ลักษณะของหุ่นที่หากพูดตามภาษาปากก็คือช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ กล่าวคือบริเวณอก ไหล่ ต้นแขน จะมีขนาดเล็ก มีเอวที่บางหรือเล็กกว่าสะโพก แต่ส่วนของสะโพกไปจนถึงขา จะมีลักษณะผายและใหญ่ หุ่นแบบนี้จะไม่ถึงกับเรียกว่าอ้วน คนดังระดับโลกหลายคนก็มีหุ่นลักษณะแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็น เจนนิเฟอร์ โลเปซ รีฮานน่า คิม คาร์ดาเชียน ก็ล้วนแล้วแต่มีโครงสร้างทางร่างกายแบบช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ มีสะโพกใหญ่ บั้นท้ายผาย ทำให้ดูเซ็กซี่ มีเสน่ห์ และชวนมอง ความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนที่มี หุ่นทรงลูกแพร์ เนื่องจากรูปร่างทรงลูกแพร์นั้นจะมีการสะสมไขมันเอาไว้ที่บริเวณส่วนหน้าท้อง สะโพก และต้นขา ซึ่งหากไม่ดูแลหรือมีการควบคุมน้ำหนัก ก็อาจจะเสี่ยงจะเป็นโรคอ้วน ซึ่งจะนำความเสี่ยงของอาการทางสุขภาพเรื้อรังอื่นๆ ตามมา เช่น คอเลสเตอรอลสูง เบาหวาน โรคหัวใจ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เทคนิคการ กำจัดแมลงสาบ ตัวร้าย ให้หายไปจากบ้าน

เมื่อพูดถึงแมลงสาบ ไม่ว่าใครที่ได้ยินต่างก็คงต้องร้องยี๊ เจ้าแมลงหลายขาที่น่ารังเกียจเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะมีรูปร่างหน้าตาที่น่ากลัว น่าขยะแขยงแล้ว ยังสามารถนำพาเชื้อโรคร้ายมาสู่คนในบ้านได้อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะมานำเสนอเกี่ยวกับอันตรายของ แมลงสาบ และเทคนิคการป้องกันบ้าน ให้ปลอดภัยจากแมลงสาบ แมลงสาบ คืออะไร แมลงสาบ (Cockroaches) คือแมลงชนิดหนึ่งที่มีลักษณะมีหกขา มีหนวดยาว และมีปีกแมลงขนาดใหญ่ 2 ข้าง มีสีและขนาดแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีสีน้ำตาลแก่ ไปจนถึงสีดำ และมีขนาดประมาณ 1 นิ้ว วงจรชีวิตของแมลงสาบจะประกอบไปด้วย 3 ระยะ คือ ระยะไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัย เนื่องจากความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ และความไวในการแพร่พันธุ์ จึงทำให้เราสามารถพบแมลงสาบได้ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเขตร้อน ในปัจจุบันสายพันธุ์ของแมลงสาบนั้นมีมากกว่า 30 สกุล และมากกว่า 4,500 ชนิดทั่วโลก แมลงสาบ อันตรายอย่างไรต่อสุขภาพ จากข้อมูลของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection Agency ; EPA) พบว่า แมลงสาบนั้นเป็นพานะนำเชื้อแบคทีเรียที่สามารถก่อให้เกิดโรคในคนได้ และเมื่อแมลงสาบเหล่านี้ไปกินอาหารหรือวัตถุดิบประกอบอาหาร ก็อาจทำให้คนที่รับประทานอาหารต่อจากนั้นติดเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ได้ เชื้อแบคทีเรียก่อโรคในคนที่อาจพบได้ในแมลงสาบ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รู้หรือไม่ อากาศร้อน อันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่เราคิด

อากาศร้อนกับประเทศไทยนั้นดูเหมือนจะเป็นของคู่กันไปเสียแล้ว เนื่องจากประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงทำให้มีอากาศร้อนอยู่เกือบตลอดทั้งปี จนทำให้หลายคนเกิดความเคยชิน และมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีอันตรายอะไร แต่ในความจริงแล้ว อากาศร้อน อาจมาพร้อมกับปัญหาสุขภาพต่าง ๆ มากมายอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง แต่ปัญหาเหล่านี้มีอะไรบ้าง และสามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร Hello คุณหมอ จะพาคุณไปหาคำตอบได้จากบทความนี้ [embed-health-tool-heart-rate] อากาศร้อน ภัยอันตรายที่หลายคนมองข้าม ตามปกติแล้ว ร่างกายของเราจะสามารถรักษาอุณหภูมิให้อยู่ที่ประมาณ 36 – 37.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับปกติที่ร่างกายสามารถทนได้ แต่หากอยู่กลางแจ้งที่มีแดดร้อนเป็นเวลานาน อาจทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงมากเกินไป ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ยากลำบากขึ้น และเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ จากข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือน มีนาคมถึงพฤษภาคม ตั้งแต่ปีพ.ศ 2558-2562 จะมีรายงานผู้เสียชีวิตเนื่องจากอากาศร้อนเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยที่ประมาณ 38 ราย โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่มักจะมีอากาศร้อนมากที่สุด โดยอันตรายจากอากาศร้อนที่พบได้บ่อย มีดังนี้ โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) โรคลมแดดเป็นภาวะที่อันตรายที่สุดที่เกิดขึ้นจากอากาศร้อน โรคลมแดดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อระบบควบคุมอุณหภูมิของร่างกายหยุดทำงาน ทำให้ร่างกายไม่สามารถลดอุณหภูมิลงได้ จนระบบและอวัยวะภายในร่างกายเกิดความผิดปกติ โรคลมแดดนี้สามารถสร้างความเสียหายต่อสมองและอวัยวะภายใน หรือทำให้เสียชีวิตได้หากไม่สามารถลดอุณหภูมิของร่างกายได้อย่างทันท่วงที อาการของโรคลมแดดอาจมีดังต่อไปนี้ ปวดหัว คลื่นไส้ กระหายน้ำอย่างรุนแรง ง่วงนอน ผิวแห้ง แตก […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน