ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถที่จะสังเคราะห์แคลเซียมหรือวิตามินดีได้เอง จึงจำเป็นต้องได้รับสารอาหารดังกล่าวผ่านการรับประทานอาหารในแต่ละวัน หรือเสริมด้วยอาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดี เพื่อให้แน่ใจได้ว่าตนเองได้รับสารอาหารที่ดีต่อกระดูกอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่มองว่าการรับประทาน แคลเซียม ในรูปแบบของอาหารเสริมนั้นอาจจะดีกว่าการรับประทานอาหารทั่วๆ ไป เพราะมั่นใจได้ว่าอาหารเสริมที่กินเข้าไปนั้น ให้แคลเซียมอย่างเต็มที่
แต่…ในความเป็นจริงแล้ว แคลเซียมจากอาหารที่เรารับประทานกันทุกวันนั้นมากเพียงพอต่อความจำเป็นของร่างกายแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มแคลเซียมด้วยอาหารเสริม และอีกหนึ่งข้อสำคัญของแคลเซียมก็ไม่ได้อยู่ที่การเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีแคลเซียมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้กล้ามเนื้อและกระดูกถูกใช้งาน เป็นการกระตุ้นให้กระดูกแข็งแรงได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น สำหรับผู้สูงอายุแล้ว การรับประทานอาหารที่ให้ แคลเซียม ถือว่าเพียงพอแล้ว การรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมที่นอกเหนือไปจากมื้ออาหารทั่วไป ไม่ได้มีความจำเป็นมากขนาดนั้น ข้อสำคัญคือ ให้ผู้สูงอายุในบ้านได้หมั่นออกกำลังกาย เดิน หรือวิ่งเบาๆ เป็นประจำ เพื่อที่กล้ามเนื้อและกระดูกจะได้ถูกใช้งานอยู่เสมอ เป็นการเสริมให้กระดูกแข็งแรงควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมนั่นเอง
ปริมาณแคลเซียมที่แต่ละช่วงวัยควรได้รับ
แม้การรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมจะไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นมากถึงขนาดนั้น แต่ข้อควรจำคือ ร่างกายจำเป็นที่จะต้องได้รับ แคลเซียม อย่างสม่ำเสมอ และเพียงต่อการใช้งานของร่างกาย เพราะถ้าหากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ นอกจากจะมีผลให้กระดูกและกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงแล้ว ยังอาจเสี่ยงที่จะมีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia) อีกด้วย และเพราะเหตุนี้ แต่ละช่วงวัยจึงมีระดับปริมาณของ แคลเซียม ที่ร่างกายควรได้รับแตกต่างกันไป ดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย