เมื่อคุณรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ บริเวณข้อศอก แต่ดันไม่รู้ว่าเกิดมาจากสาเหตุใด ซึ่งในบางครั้งอาจเป็นแค่เพียงอาการปวดเมื่อธรรมดา หรืออาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงอย่างง ภาวะเอ็นข้อศอกด้านนอกเสื่อม ก็เป็นได้ บทความของ Hello คุณหมอ วันนี้จึงนำสัญญาณเบื้องต้นมาให้ทุกคนได้ทราบ เพื่อเป็นการเช็กตนเอง เพื่อการรักษาอย่างเท่าท่วงที
ทำความรู้จักกับภาวะเอ็นข้อศอกด้านนอกเสื่อม
ภาวะเอ็นข้อศอกด้านนอกเสื่อม (Tennis elbow) คือ อาการอักเสบของเอ็นข้อศอกคุณ โดยเอ็นนี้มีการเชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ กระดูกด้านนอกของข้อศอก ดังนั้นจึงทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดในขณะที่กำลังทำกิจวัตรประจำวัน และอาจยังลุกลามไปทั่วทั้งแขน จนถึงข้อมือได้อีกด้วย ซึ่งมีสาเหตุหลัก ๆ มาจาก
- การออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาอย่างหนัก
- ยกของที่มีน้ำหนักเกินกำลังกล้ามเนื้อแขนของคุณจะรับไหว
- งานอดิเรก หรือการดำเนินชีวิตประจำวันของคุณที่เกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวของแขน เช่น การทำสวน การเลื่อยไม้ บิดผ้า บิดประตู เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจมีสาเหตุไม่แน่ชัดซึ่งมาจากด้านอื่น ๆ ร่วม หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ โปรดสำรวจอาการเบื้องต้นจากบทความด้านล่าง หรืออาจเข้าปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
สัญญาณอาการเบื้องต้นของ ภาวะเอ็นข้อศอกด้านนอกเสื่อม
สัญญาณเตือนแรกเริ่มอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระดับต่ำ จนถึงระดับรุนแรงบริเวณเอ็นข้อศอกของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณมีอาการเจ็บขึ้นมากะทันหัน เมื่อมีการยกวัตถุบางอย่าง ขณะที่บิดแขนขึ้น หรือแม้กระทั่งตอนที่คุณกำลังทำการยกแขน หรือยืดแขนจนสุด
อาการเจ็บขึ้นมากะทันหันดังกล่าว นับได้ว่าเป็นอาการที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอาจเกิดผลกระทบหลายอย่างในชีวิตประจำวันของคุณในระยะยาวได้ โดยอาการของ ภาวะเอ็นข้อศอกด้านเสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่ได้รับความเสี่ยงมากที่สุดจะอยู่ในช่วงอายุ 30-50 ปีขึ้นไป
วิธีรักษาภาวะเอ็นข้อศอกด้านนอกเสื่อมโดยแพทย์
ก่อนขั้นตอนแรกของการรักษา แพทย์อาจทำการวินิจฉัยโดยการเอ็กซเรย์ (X-rays) บริเวณทั่วทั้งข้อศอก แขน และข้อมือของคุณ เพื่อทำการตรวจสอบ และวิเคราะห์ขั้นตอนการรักษาในลำดับถัดไป ซึ่งมีตัวเลือกดังต่อไปนี้
- การนวดด้วยน้ำแข็ง และใช้เทคนิคกระตุ้นกล้ามเนื้อร่วม
- กายภาพบำบัดตามเหตุผลที่ผู้ป่วยนั้นประสบมา
- ใช้ยาต้านเอกเสบเพื่อบรรเทาอาการปวดบวม
- ฉีดสเตียรอยด์ในผู้ที่มีอาการเจ็บปวดรุนแรง และมีการเคลื่อนไหวยาก
สำหรับผู้ป่วยที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มการรักษาที่ค่อนข้างยาก หรือรุนแรง แพทย์อาจทำการผ่าตัด กำจัดส่วนหนึ่งของเอ็นที่ทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดออก เพื่อป้องกันไม่ให้อาการนี้ลุกลามไปสร้างความเสียหายแก่บริเวณอื่น
หลังการผ่าตัด หรือการที่ข้อศอกของคุณมีอาการดีขึ้นแล้ว โปรดระมัดระวังเรื่องของการใช้งานให้มากกว่าเดิม โดยหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนัก ๆ หรือยกของหนักสักระยะหนึ่ง เพราะเป็นการช่วยส่งเสริมให้กล้ามเนื้อ และเอ็นข้อศอกของคุณได้รับการเชื่อมต่อแบบเต็มประสิทธิภาพ