นอกจากนั้น บทความชิ้นหนึ่ง ในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition พ.ศ. 2557 ระบุว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ (UNICEF) ได้มีข้อตกลงร่วมกันในการแนะนำให้เด็กที่มีอาการอุจจาระร่วงเฉียบพลันรับประทานแร่สังกะสีปริมาณ 20 มิลลิกรัม/วัน เป็นเวลา 10-14 วัน ขึ้นอยู่กับอายุ เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการท้องร่วงและป้องกันการเกิดซ้ำ
-
อาจช่วยรักษาบาดแผลและสมานแผลให้หายเร็วขึ้น
สังกะสี เป็นแร่ธาตุสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการซ่อมแซมบาดแผล ทั้งการซ่อมแซมเยื่อหุ้มเซลล์ การฟื้นฟูเยื่อบุผิวบริเวณรอบ ๆ แผล การสร้างเส้นเลือดใหม่ การขึ้นรูปของแผลเป็น การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี จึงอาจช่วยให้แผลสมานตัวหรือหายเร็วขึ้นได้
การศึกษาชิ้นหนึ่ง ว่าด้วยคุณสมบัติของสังกะสีต่อการฟื้นฟูของแผลผ่าตัดทางประสาทศัลยศาสตร์ เผยแพร่ในวารสาร Cureus ปี พ.ศ. 2564 โดยนักวิจัยได้ศึกษาและวิเคราะห์บทความงานวิจัยใหม่ ๆ ที่ทำการทดลองในช่วงเวลาปัจจุบันจำนวนหลายชิ้น จนได้ข้อสรุปว่า การบริโภคสังกะสีในรูปแบบอาหารเสริมนับเป็นวิธีการที่ค่อนข้างได้ผลในการรับมือกับภาวะแผลฟื้นฟูช้าหลังการผ่าตัดทางประสาทศัลยศาสตร์ที่เกิดจากการขาดสังกะสีในร่างกายของผู้เข้ารับการผ่าตัด ทั้งนี้ จึงอาจสรุปได้ว่า แร่ธาตุสังกะสีอาจมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูบาดแผลให้สมานตัวให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
นอกจากนี้ อีกหนึ่งผลการศึกษาว่าด้วยการใช้แร่สังกะสีเพื่อช่วยในการรักษาบาดแผล ทั้งเชิงทฤษฎี การทดลอง และการศึกษาในห้องปฏิบัติการ ตีพิมพ์ในวารสาร Wound Repair And Regeneration ปี พ.ศ. 2550 สรุปว่า สังกะสีอาจมีคุณสมบัติช่วยลดการติดเชื้อซ้ำซ้อนและการเน่าของบาดแผล เนื่องจากมีคุณสมบัติเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้และป้องกันเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
-
บรรเทาอาการไข้หวัด
สังกะสีมีคุณสมบัติยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไรโนไวรัส (Rhinovirus) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้หวัดนอกจากนี้ สังกะสียังอาจป้องกันไม่ให้ไรโนไวรัสอาศัยอยู่ในเยื่อเมือกภายในโพรงจมูกและลำคอ จนทำให้เกิดการติดเชื้อหรือมีอาการป่วยได้ การบริโภคสังกะสี จึงอาจช่วยป้องกันหวัดได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย