อาการเหล่านี้สามารถกับภาวะอื่นได้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ โรคมะเร็งมดลูก เพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้น ผู้ป่วยที่มีอาการต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้น ควรไปพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงจะเป็นการดีที่สุด
โรคอ้วนและภาวะเมแทบอลิกซินโดรมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งมดลูก
อะไรก็ตามที่เพิ่มโอกาสในการเป็น โรคมะเร็งมดลูก จะถูกเรียกว่าปัจจัยเสี่ยง แต่การมีปัจจัยเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นมะเร็งเสมอไป และการที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่เป็นมะเร็ง ดังนั้น การพูดคุยกับคุณหมอถ้าคุณคิดว่าอาจเสี่ยงที่จะเป็น โรคมะเร็งมดลูก จึงเป็นการดีที่สุด สำหรับปัจจัยเสี่ยงของ โรคมะเร็งมดลูก มีดังต่อไปนี้
- การให้ฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียว (HRT) ซึ่งมักใช้รักษาผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยทอง
- การใช้ยาทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen) เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคมะเร็งเต้านม
- โรคอ้วน
- มีภาวะเมแทบอลิกซินโดรม
- มีโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- การสัมผัสเนื้อเยื่อของเยื่อบุโพรงมดลูกกับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น ซึ่งอาจเกิดจาก
- ไม่เคยคลอดบุตร
- มีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย
- เริ่มหมดประจำเดือนในวัยต่อมา
มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovarian Syndrome หรือ PCOS) มีประวัติครอบครัวเป็น โรคมะเร็งมดลูก ในญาติลำดับแรก เช่น แม่ พี่สาว หรือลูกสาว มีเงื่อนไขทางพันธุกรรมบางอย่าง เช่น ลินช์ซินโดรม (Lynch Syndrome) มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ สำหรับอายุที่มากขึ้น ถือเป็นปัจจัยเวี่ยงหลังของโรคมะเร็งส่วนใหญ่ ดังนั้น เมื่อคุณอายุที่มากขึ้นอาจจะเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งได้นั่นเอง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย