คนท้องจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จนอาจส่งผลต่อสุขภาพผิว เช่น เป็นสิว ฝ้า กระ ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย การใช้ ครีมทาหน้าสำหรับคนท้อง จึงอาจช่วยบำรุงและฟื้นฟูให้สุขภาพผิวแข็งแรง และลดปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องเลือกครีมทาหน้าสำหรับคนท้องอย่างระมัดระวัง เนื่องจากส่วนผสมบางชนิดในครีมทาหน้า หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
[embed-health-tool-pregnancy-weight-gain]
ครีมทาหน้าสําหรับคนท้อง ควรเลือกอย่างไร
ครีมทาหน้าสำหรับคนท้อง เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวดังต่อไปนี้ อาจไม่ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์
- ปัญหาผิวแห้ง อาจเลือกครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าว โกโก้บัตเตอร์ (Cocoa Butter) เปปไทด์ (Peptide) และกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว จึงอาจช่วยลดปัญหาผิวแห้งได้
- ปัญหาสิวและรอยดำ อาจเลือกครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) หรือกรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) ซึ่งอาจช่วยรักษาสิว ลดรอยดำ ปรับผิวให้กระจ่างใสและช่วยลดเลือนริ้วรอย แต่ควรใช้ในปริมาณน้อยเพื่อความปลอดภัย
- ปัญหาริ้วรอย อาจเลือกครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค วิตามินบี 3 และชาเขียว เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความสดใสให้กับผิว กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอย รวมถึง อาจช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวอีกด้วย
- ครีมกันแดด อาจเลือกครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) วิตามินซี ที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ต้านสารอนุมูลอิสระและฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ
อย่างไรก็ตาม ส่วนผสมในครีมทุกชนิดส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ หากใช้ในปริมาณน้อยก็อาจไม่ส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ ดังนั้น ก่อนใช้ครีมทาหน้าหรือเครื่องสำอางจึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมอย่างละเอียด หรือปรึกษาคุณหมอเพื่อความปลอดภัย
ครีมทาหน้าที่คนท้องควรหลีกเลี่ยง
ส่วนผสมในครีมทาหน้าที่คนท้องควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันสารอันตรายที่อาจทำร้ายผิวและอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ มีดังนี้
- เรตินอยด์ความเข้มข้นสูง เป็นสารในกลุ่มวิตามินเอที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน จึงอาจช่วยรักษาสิวและลดเลือนริ้วรอย อย่างไรก็ตาม คนท้องควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ เนื่องจากเรตินอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และอาจส่งผลให้ทารกมีภาวะพิการแต่กำเนิดได้
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ความเข้มข้นสูง มีคุณสมบัติต้านการอักเสบจึงมักใช้เป็นส่วนผสมของยารักษาสิว การใช้กรดซาลิไซลิกที่มีความเข้มข้นต่ำอาจไม่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ระบบการดูดซึมของร่างกายแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิไซลิกความเข้มข้นสูง อาจเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เช่น การคลอดก่อนกำหนด ทารกพิการแต่กำเนิด น้ำหนักตัวของทารกแรกเกิดต่ำ
- พาทาเลต (Phthalates) เป็นสารเคมีที่ออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาของระบบสืบพันธุ์ และความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกายของทารกอย่างร้ายแรง อาจทำให้ทารกมีความผิดปกติของอวัยวะเพศ เช่น อัณฑะพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทารกมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ มดลูกผิดปกติ
- ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ความเข้มข้นสูง เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ต้องสั่งจ่ายโดยคุณหมอเท่านั้น มีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวและช่วยให้ผิวขาวขึ้น จึงอาจใช้รักษาปัญหาฝ้า กระ และเกลื้อนได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าไฮโดรควิโนนเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ แตร่างกายสามารถดูดซึมสารไฮโดรควิโนนได้ในปริมาณมาก โดยเฉพาะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูง จึงควรหลีกเลี่ยงหรือควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์
- ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นสารเคมีที่ปัจจุบันอาจไม่นำมาเป็นส่วนผสมในครีมทาหน้าหรือเครื่องสำอาง เนื่องจากพบว่าเป็นสารก่อมะเร็ง อาจทำให้เกิดปัญหาแท้งลูก และอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก อย่างไรก็ตาม ยังอาจมีสารอีกหลายชนิดในครีมทาหน้าหรือเครื่องสำอาง ที่สามารถปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ออกมาได้ เช่น ไดโซลิดินิล ยูเรีย (Diazolidinyl Urea) อิมิดาโซลิดินิล ยูเรีย (Imidazolidinyl Urea) โซเดียมไฮดรอกซีเมทิลกลีซิเนต (Sodium Hydroxymethylglycinate) ควอเทอร์เนียม-15 (Quaternium-15) 5-โบรโม-5-ไนโตร-1,3-ไดออกเซน (5-Bromo-5-Nitro-1,3-Dioxane) โบรโนโพล (Bronopol)
- ออกซิเบนโซน (Oxybenzone) มักเป็นส่วนผสมในครีมกันแดด เนื่องจากเป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสียูวี และปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด แต่สารออกซิเบนโซนออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตฮอร์โมน และอาจทำให้ทารกเกิดความผิดปกติ เช่น อวัยวะเพศผิดปกติ พิการแต่กำเนิด คลอดก่อนกำหนด ความผิดปกติของระบบประสาท