ถึงแม้ โรคโมยาโมยา จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก และยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ก็สามารถส่งผลอันตรายร้ายแรงแก่ลูกน้อย ดังนั้น จึงควรเรียนรู้วิธีการสังเกตอาการ ควรถึงวิธีการรักษาอย่างเหมาะ เพื่อสุขภาพของลูกน้อย
[embed-health-tool-vaccination-tool]
รู้จักกับ โรคโมยาโมยา ที่คุณพ่อคุณแม่ศึกษาไว้
โรคโมยาโมยา (Moyamoya disease) ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลได้ว่า กลุ่มควัน สาเหตุที่เรียกเช่นนี้ เป็นเพราะผนังหลอดเลือดแดงภายในสมองหนาขึ้นจนเกิดการอุดตัน ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนที่จำเป็นไปเลี้ยงสมองลดลง แต่ก็ยังคงมีเส้นเลือดกลุ่มอื่นๆ ที่คอยสนับสนุนโดยการลำเลียงเลือดเข้าไปช่วย จนเกิดเป็นกลุ่มก้อนบริเวณรอบๆ คล้ายกลุ่มควันลอยตัว
ส่วนใหญ่โรคโมยาโมยาพบได้มากทางด้านแถบเอเชียตะวันออก และสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกับเด็ก 5-10 ขวบขึ้นไป โรคนี้จะไม่ได้แสดงอาการในทันที แต่ค่อยๆ เป็นไปอย่างช้าๆ ตามลำดับขั้นตอน ดังนี้
- ขั้นที่ 1 หลอดเลือดแดงคาโรทิด (carotid arteries) เริ่มมีการจำกัดการลำเลียงเลือด
- ขั้นที่ 2 หลอดเลือดมีผนังที่ขยายใหญ่ขึ้นจนเกิดการอุดตันขึ้น
- ขั้นที่ 3 มีแรงกดจากผนังที่หนาขึ้นจนทำให้การไหลเวียนเลือดของสมองส่วนหน้าและส่วนกลางลดลง
- ขั้นที่ 4 การอุดตันหลอดเลือดลุกลามไปยังสมองส่วนหลัง
- ขั้นที่ 5 สมองทุกส่วนเกิดการขาดเลือดและก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยง
- ขั้นที่ 6 เป็นการอุดตันของหลอดเลือดแดงคาโรคทิดทั้งภายในและภายนอกโดยสมบูรณ์
หากคุณพ่อคุณแม่ชะล่าใจ หรือประมาทแม้แต่เล็กน้อย อาจทำให้ลูกรักของคุณสูญเสียการทำงานของร่างกายอย่างถาวร ยากที่จะคืนสภาพกลับมาเป็นดังเดิม
อาการที่บ่งบอกว่าลูกน้อยของคุณควรเข้าปรึกษาแพทย์
- อาการปวดศีรษะ เป็นไข้ร่วมด้วย
- อาการชัก
- อัมพาตส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น แขน ขา ใบหน้า
- การมองเห็นผิดปกติ
- ความพิการทางสมอง
- พัฒนาการของเด็กล่าช้า
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่สัมพันธ์กับโรคโมยาโมยา ซึ่งอาจมากจากพันธุกรรมจากครอบครัวที่มีประวัติเคยเป็นโรคนี้มาก่อน หรือผู้ป่วยในกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม (Down syndrome) โรคท้าวแสนปม (Neurofibromatosis) รวมถึงภาวะโลหิตจางอีกด้วย
วิธีรักษา ลูกรักของคุณ ให้หายจากโรคโมยาโมยา
การรักษาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยตามขั้นตอน โดยอาจเริ่มเอกซ์เรย์สมองด้วยเทคโนโลยี (CT) เพื่อเผยโครงสร้างรายละเอียดของสมองให้ง่ายต่อการเลือกวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
- การบายพาสสมอง ด้วยการผ่าตัดเปิดหลอดเลือดอุดตัน (Revascularization) โดยตรง เพื่อเชื่อมต่อหลอดเลือดจากนอกสมอง เข้าสู่หลอดเลือดในสมองเพิ่มฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือดชั่วคราว จากอีกเส้นสู่อีกเส้น
- การผ่าตัดด้วยเทคนิครวมทั้งทางอ้อมและทางตรง (encephalo-duro-arterio-synangiosis ; EDAS) & (encephalo-myo-synangiosis ; EMS) โดยศัลยแพทย์จะทำการแยกกล้ามเนื้อที่มีชื่อว่า เทมโพราลิส (Temporalis) บริเวณขมับหน้าผากออก แล้วนำหลอดเลือดแดงเย็บเข้าไปในบริเวณผิวสมอง เมื่อเวลาผ่านไปเส้นเลือดใหม่จะถูกเข้าไปแทนที่ และขยายตัวนำเลือดไปหล่อเลี้ยงได้มากขึ้น