โรค 4S หรือ SSSS (Staphylococcal Scalded Skin Syndrome) คือ โรคติดเชื้อแบคทีเรียสแตฟฟิลโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcal Aureas) ที่ผิวหนังอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่พบในเด็กทารกและเด็กเล็ก แต่ก็อาจพบในผู้ใหญ่ที่มีภูมิต้านทานต่ำได้เช่นกัน อาการเริ่มต้นอาจพบว่าเด็กร้องไห้งอแง อ่อนเพลีย และมีไข้ ตามมาด้วยมีผื่นแดง จากนั้นไม่กี่วัน ผื่นแดงจะกลายเป็นตุ่มน้ำและที่หลุดลอกออกเป็นแผ่น ๆ เห็นผิวด้านล่างเป็นสีแดง อาจรุนแรงจนเกิดอาการช็อกได้ หากพบว่าเด็กมีอาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของโรค 4s ดังที่กล่าวไปข้างต้น หรือมีอาการผิดปกติทางผิวหนังอื่น ๆ ควรรีบพาไปพบคุณหมอโดยเร็ว เพราะหากทิ้งไว้ไม่รักษา อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
[embed-health-tool-vaccination-tool]
SSSS คืออะไร
โรค 4S หรือ SSSS (Staphylococcal scalded skin syndrome) คือ โรคติดเชื้อแบคทีเรียสแตฟฟิลโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcal aureas) ที่ผิวหนังอย่างรุนแรง มักพบในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี โดยเฉพาะเด็กทารก สแตฟฟิลโลคอคคัส ออเรียส เป็นเชื้อแบคทีเรียก่อโรคบนผิวหนังและเนื้อเยื่อ เมื่อแบคทีเรียชนิดนี้ปล่อยสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด จะทำให้ผิวหนังเสียหาย มีตุ่มแดง ที่กลายเป็นตุ่มน้ำ และหลุดลอกเป็นแผ่นหรือเป็นขุยขนาดใหญ่ เห็นผิวด้านล่างเป็นสีแดงคล้ายกับถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน
ปัจจัยเสี่ยงโรค 4S อาจมีดังนี้
- มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดที่แอนตีบอดียังไม่แข็งแรงพอจะต่อต้านเชื้อโรคหรือแบคทีเรียได้ และไตที่ทำหน้าที่กำจัดสารพิษยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรค 4s
- มีภาวะไตเรื้อรังหรือไตวาย ผู้ใหญ่ที่มีปัญสุขภาพไต ไตทำงานผิดปกติ ก็อาจเสี่ยงเป็นโรค SSSS ได้
สัญญาณและอาการของโรค SSSS
สัญญาณและอาการของโรค SSSS หรือ 4S อาจมีดังต่อไปนี้
- มีไข้
- ร้องไห้งอแงมากกว่าปกติ
- เกิดผื่นแดงเหมือนรอยย่นคล้ายกระดาษทิชชู่ที่ทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณรอบปาก เยื่อบุจมูก ตา
- เมื่อผ่านไปสักพักผื่นแดงจะกระจายไปทั่วร่างกาย รวมถึงแขน ขา และลำตัว ในทารกแรกเกิด มักพบรอยโรคที่ผิวหนังบริเวณใต้ผ้าอ้อมหรือสายสะดือ
- ภายใน 24-48 ชั่วโมงจะเกิดตุ่มน้ำ โดยเฉพาะบริเวณข้อพับ เช่น รักแร้ ขาหนีบ
- ตุ่มน้ำจะหลุดลอกเป็นแผ่นใหญ่ ๆ เห็นผิวชั้นล่างเป็นสีแดงหรือชมพูคล้ายโดนน้ำร้อนลวก
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มีดังนี้
- สูญเสียของเหลวในร่างกายจนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และอาจเกิดอาการช็อกได้
- ติดเชื้อรุนแรงและลุกลาม
- เกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนัง
- เสียชีวิต
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัย
คุณหมออาจวินิจฉัยโรคนี้ด้วยการสอบถามอาการ ประวัติสุขภาพของเด็ก ตรวจร่างกายโดยละเอียด และอาจมีการทดสอบบางอย่าง ดังต่อไปนี้
- การตรวจชิ้นเนื้อ คุณหมออาจส่งเนื้อเยื่อผิวหนังไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค
- ตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย คุณหมออาจตรวจหาเชื้อแบคทีเรียสแตฟฟิลโลคอคคัส ออเรียสในเลือด ปัสสาวะ จมูก คอ และผิวหนัง ในเด็กแรกเกิดอาจตรวจหาเชื้อบริเวณสายสะดือ
การรักษา
วิธีการรักษาโรค 4s อาจทำได้ดังนี้
- ให้ยาปฏิชีวนะแบบรับประทานหรือให้ยาทางหลอดเลือดดำ เพื่อลดการติดเชื้อ
- รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการบริเวณผิวหนังภายนอกและลดไข้
- ดูแลแผลให้สะอาด เช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำเกลืออย่างเบามือ
- ทายาเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
- ดูแลไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการขาดน้ำ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการขาดน้ำเนื่องจากตุ่มน้ำที่ผิวหนังแตกและมีของเหลวไหลซึมออกมา จึงอาจให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำสำหรับผู้ป่วยบางราย
- ในกรณีรุนแรง อาจต้องให้อาหารทางสายยางทางปาก
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโรค
การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโรค 4S อาจทำได้ดังนี้
- ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด จากนั้นเช็ดมือให้แห้งทุกครั้งก่อนสัมผัสตัวเด็ก
- รักษาแผล หรือผื่นที่ผิวหนังของเด็กให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม ผ้าขนหนู ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ติดเชื้อสแตฟฟิลโลคอคคัส ออเรียส
- หากเด็กมีไข้ขึ้น ผิวหนังบวมแดง ควรพาไปพบคุณหมอโดยเร็วที่สุด