หากคุณถ่ายเซลฟีแล้วสังเกตพบว่า ทำไมทุกครั้งถ่ายรูปตนเองออกมา องศาของใบหน้ากลับดูแปลกไป อาจจะยิ้มไม่สวยเหมือนดั่งที่คาดเอาไว้ นอกจากปัจจัยที่เกี่ยวกับมุมกล้องแล้ว อาจเป็นที่มาของอาการแรกเริ่มของ โรคปากเบี้ยวครึ่งซีก ก็เป็นได้ ดังนั้นบทความของ Hello วันนี้ จึงขอนำความรู้เบื้องต้นของโรคดังกล่าว มาฝากกันค่ะ เพื่อให้ทุกคนได้เริ่มเช็กตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนเกิดอาการรุนแรงขึ้นในอนาคต
โรคปากเบี้ยวครึ่งซีก คืออะไร
โรคปากเบี้ยวครึ่งซีก หรือโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s Palsy) เป็นหนึ่งในอาการอัมพาตชั่วคราวของกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทใต้ใบหน้าที่เกิดการอักเสบ ซึ่งมักจะเป็นเพียงแค่ด้านใดด้านหนึ่ง จึงทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้ บางครั้งอาจทำให้คุณประสบกับปัญหาในการพูดคุย การยิ้ม และต่อมรับรสเกิดความบกพร่อง
อีกทั้งยังอาจมาจากปัจจัยอื่น ๆ ที่กระทบต่อทางสุขภาพ จนนำไปสู่การอัมพาตของใบหน้า เช่น ไวรัสงูสวัด เชื้อเอชไอวี ไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus) โรคไลม์ (Lyme Disease) ไวรัสจาก โรคมือเท้าปากเปื่อย (Coxsackievirus) เป็นต้น
โดยส่วนใหญ่โรคปากเบี้ยวครึ่งซีกสามารถหายไปเองได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หรืออาจมีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับการรักดูแลรักษา อีกทั้งโรคนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่อายุ 16-60 ปี ขึ้นไป ถึงอย่างไรโรคดังกล่าวยังถูกจัดเป็นโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็ไม่ควรที่จะประมาทได้
มาเช็กอาการของ โรคปากเบี้ยวครึ่งซีก กันเถอะ
เมื่อเส้นประสาทในใบหน้าคุณเกิดการบกพร่อง อาจทำให้ทำให้คุณรู้สึกปวดในช่องหูเล็กน้อย หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินล่วงหน้า1-2 วัน จากนั้น จะค่อย ๆ เริ่ม พัฒนาเป็นอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ดวงตามีอาการคันระคายเคือง และรู้สึกแห้ง หรืออาจมีน้ำตามากกว่าปกติ
- เปลือกตามีปัญหาข้างใดข้างหนึ่ง เช่น กระพริบยาก
- รับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มลำบาก
- ต่อมรับรสไม่ทำงาน
- น้ำลายไหลออกจากปากข้างใดข้างหนึ่ง
- ปวดศีรษะ
- กล้ามเนื้อของใบหน้ามีอาการกระตุก
ถึงแม้ผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการในระดับเบา แต่เพื่อความปลอดภัย คุณควรรีบเข้ารับการรักษา โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพราะโรคปากเบี้ยวครึ่งซีก อาจเชื่อมโยงไปยังโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่อาจตามมา เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หรือเนื้องอกในสมอง เป็นต้น
วิธีรักษาใบหน้า ให้กลับมาปกติดังเดิม
ในกรณีส่วนใหญ่อาการของโรคปากเบี้ยวครึ่งซีกจะสามารถหายไปได้เอง หากไม่ได้เป็นการถูกคุกคามโดยไวรัสงูสวัด หรือไวรัสอื่น ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงที่จำเป็นต้องเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาวิธีบรรเทาอาการข้างเคียงลง และรับประทานยารักษากล้ามเนื้อใต้ใบหน้าของคุณให้แข็งแรงขึ้น เพื่อให้ใบหน้านั้นกลับมาเป็นปกติดังเดิม ดังนี้
- กายภาพบำบัดใบหน้า
แพทย์อาจจำเป็นให้คุณบริหารใบหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อให้มีความกระชับ และแข็งแรงขึ้น
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
การได้รับยาในกลุ่มนี้อาจช่วยลดการอักเสบของเส้นประสาทใต้ใบหน้าที่เกิดการบกพร่องได้ ซึ่งระยะการใช้ และปริมาณการใช้ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนกำหนด และเป็นคนให้เพียงเท่านั้น เนื่องจากต้องให้ตามความเหมาะสมของอาการแต่ละบุคคล
- สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตา
หากผู้ป่วยที่มีอาการตาแห้ง หรือตาแฉะจากน้ำตาไหลปริมาณมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในาการของโรคปากเบี้ยวครึ่งซีก คุณอาจจำเป็นต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตา หรือปิดตาไว้ เพื่อป้องกันเชื้อโรค ฝุ่นละออง เนื่องจากคุณอาจยังไม่สามารถกระพริบตาได้เหมือนดั่งปกติ อีกทั้งยังอาจจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตารักษาอาการเบื้องต้นร่วม
[embed-health-tool-bmi]