backup og meta

ถึงเวลา หยุดความกังวล ก่อนจะส่งผลต่อสุขภาพ

ความกังวล เป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ ความกังวลเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแบบเป็นครั้งคราวและเรื้อรัง ความกังวล เป็นสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ร้อนใจ แต่ละคนก็จะมีเรื่องให้ต้องกังวลแตกต่างกันออกไป บางคนกังวลเรื่องงาน บางคนกังวลเรื่องเงิน บางคนก็กังวลเรื่องการใช้ชีวิต ความกังวลเป็นสิ่งที่เราคิด จินตนาการไปก่อนล่วงหน้า บางครั้งความกังวลก็ส่งผลต่อสุขภาพของเรา วันนี้ Hello คุณหมอ มีบทความน่าสนใจ เกี่ยวกับความกังวลส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรและจะ หยุดความกังวล ได้อย่างไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลยค่ะ

ถึงเวลา หยุดความกังวล ก่อนจะส่งผลต่อสุขภาพ

เมื่อไรที่ต้อง หยุดความกังวล

ความกังวลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่ทุกคนจะต้องเจอไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ปัญหาครอบครัว การสัมภาษณ์งาน อยู่ที่ว่าจะกังวลมากหรือน้อยเท่านั้นเอง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีจัดการกับความกังวลของเรา

ความกังวลถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องประสบ แต่อยู่ที่ว่าเรานั้นสามารถควบคุมมันได้หรือไม่ หากไม่สามารถควบคุมความกังวลของตนเองได้ ไม่สามารถลบความกังวลต่าง ๆ ออกจากสมองได้ จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง นั่นหมายความว่า คุณกังวลมากไปจนต้องหยุดมันให้ได้แล้ว

ความกังวลอย่างต่อเนื่อง จนไม่สามารถจัดการกับความคิดของตัวเองได้ คิดอะไรในแง่ลบไปหมด จินตนาการถึงแต่สิ่งที่เลวร้าย จนส่งผลต่ออารมณ์และสุขภาพร่างกายของตัวเองจนแย่ลง ความกังวลเหล่านี้จะเป็นพลังลบ ๆ ทำให้คุณรู้สึกกระสับกระส่าย หวาดกลัว จนอาจทำให้นอนไม่หลับ ปวดหัว ปวดท้อง กล้ามเนื้อเกิดความตึงตัว ไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งคุณอาจจะแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการใช้สารเสพติด แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นวิธีแก้ที่ผิด แถมยังทำให้ร่างกายของคุณแย่ลงอีกด้วย หากคุณยังไม่สามารถจัดการกับความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นได้มันอาจพัฒนาจนกลายไปเป็น โรควิตกกังวลทั่วไป (GAD) ได้

ความกังวลส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

ความกังวลและความเครียดทางอารมณ์นั้นสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้มากมาย ซึ่งความกังวลและความเครียดจะส่งผลต่อระบบประสาททำให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมา ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) ในเลือด นอกจากนี้ฮอร์โมนคอร์ติซอลยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอีก เช่น

  • กลืนอาหารลำบาก
  • เวียนหัว
  • ปากแห้ง
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ปวดหัว
  • เมื่อยล้า
  • ไม่มีสมาธิ
  • เหงื่อออก
  • ตัวสั่น

หากยังคงมีความวิตกกังวลต่อเนื่อง จนเป็นความวิตกกังวลเรื้อรัง อาจทำให้เกิดปัญหาทางกายภาพที่รุนแรงขึ้น เช่น

หากความกังวลที่เกิดขึ้นเหล่านี้ยังไม่ได้รับการรักษา อาจพัฒนากลายไปเป็น ภาวะซึมเศร้า ระบบต่าง ๆ ของร่างกายนั้นมีความเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น ดังนั้นความวิตกกังวลที่มากเกินไปนั้นอาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยทางร่างกายได้

วิธี หยุดความกังวล ที่เกิดขึ้น

ทำสมาธิ

การฝึกสมาธิหรือการทำสมาธิ เป็นวิธีการที่ทำให้คุณอยู่กับปัจจุบัน ไม่ทำให้คิดฟุ้งซ่าน Kevon Owen นักจิตอายุรเวททางคลินิกกล่าวว่าวิธีการทำสมาธินั้น เป็นวิธีการที่ช่วยนำคุณออกมาจากความคิดของตนเอง ไม่หลงไปกับความคิด จินตนาการที่เกิด โดยการทำสมาธินั้นมีหลายแบบ อาจจะเป็นการหาสถานที่สงบ ๆ หลับตา หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ หายใจออก ขณะที่หายใจเข้า-ออก ก็คอยสังเกตความคิดของตนเองไม่ให้วอกแวกไปที่อื่น

ฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก

การฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก นั้นเป็นการเพิ่มระดับออกซิเจนให้กับสมอง และมีส่วนช่วยในการลดผลกระทบของความวิตกกังวลได้ การฝึกลมหายใจเข้า-ออกนั้นช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจลง ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย จิตใจสงบลง และคลายความกังวล

หาเพื่อนคุย

การได้พูดคุย ระบายปัญหาของตนเองเป็นเหมือนกับการจัดการกับความวิตกกังวล โดยอาจจะคุยกับคนที่มีความเข้าใจคุณ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจที่ได้พูดออกไป และสบายใจที่ยังมีคนรับฟังปัญหาของคุณ

บันทึกความกังวล

การบันทึกความกังวล เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณได้คิดวิเคราะห์ และประมวลผลความรู้สึกของตัวเอง โดยการเริ่มบันทึกความกังวลของตน อาจจะบันทึกก่อนเข้านอน เป็นเหมือนการทิ้งความกังวลไว้บนกระดาษ เมื่อกลับมาอ่านคุณอาจจะเรียนรู้เกี่ยวกับความกังวลที่เกิดขึ้นได้ในมุมมองใหม่ ๆ

ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายนี่ถือเป็นยาวิเศษที่สามารถรักษาได้เกือบทุกโรคจริงๆ การออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกดี นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารที่มีความสมดุล มีส่วนช่วยในการจัดการกับความเครียดและความกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จะเห็นได้ว่าความวิตกกังวลเป็นภาวะทั่วไปที่เราทุกคนต้องเผชิญหน้ากัน แต่หากคุณไม่สามารถจัดการความวิตกกังวลได้  ก็จะส่งผลให้เกิดความเครียด และส่งผลร้ายต่อร่างกายต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น วิธีแก้ความวิตกกังวลที่ได้ยกตัวอย่างมานอกจากจะแก้ไขความวิตกกังวลไม่ให้เรื้อรัง ลุกลามไปจนควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ ก็จะส่งผลดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเรา

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Source

How to Stop Worrying

https://www.helpguide.org/articles/anxiety/how-to-stop-worrying.htm

9 Steps to End Chronic Worrying

https://www.webmd.com/balance/features/9-steps-to-end-chronic-worrying#1

How Worrying Affects the Body

https://www.webmd.com/balance/guide/how-worrying-affects-your-body#1

7 Tips for Worrying Less

https://www.healthline.com/health/worrying

 

เวอร์ชันปัจจุบัน

31/07/2020

เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: Nattrakamol Chotevichean


บทความที่เกี่ยวข้อง

วิตกกังวล มากไป ไม่ใช่แค่ทำให้เครียด แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย

สมุนไพร คลายเครียด ลดความวิตกกังวล มีอะไรบ้างนะ


ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้อง โดย ทีม Hello คุณหมอ · เขียน โดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไข 31/07/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา