หากเป็นโรค หนองในแท้ เป็นเอดส์ ได้ง่ายขึ้นหรือไม่ ? คำตอบคือ ไม่ว่าจะเป็นโรคหนองในแท้ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ (AIDS) ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หากต้องการลดความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน
[embed-health-tool-bmi]
หนองในแท้ คืออะไร
โรคหนองในแท้ หรือ โรคหนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted diseases หรือ STDs) ที่พบได้บ่อยทั้งในเพศชายและเพศหญิง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae) จากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก (ออรัลเซ็กส์) นอกจากนี้ อาจติดโรคได้จากการใช้ไวเบรเตอร์ (Vibrator) หรือเซ็กส์ทอยอื่น ๆ ร่วมกับผู้อื่นโดยที่ไม่ได้ล้างให้สะอาดทั้งก่อนหรือหลังใช้ หรือไม่ได้สวมถุงยางอนามัยเวลาที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าว
อาการของหนองในแท้
อาการของหนองในแท้ มีดังต่อไปนี้
อาการหนองในแท้ในผู้หญิง
- มีตกขาวผิดปกติ เช่น สีเหลือง สีเขียว เหลวเป็นน้ำ
- เจ็บหรือแสบร้อนบริเวณอวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
- มีเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงที่ไม่เป็นประจำเดือน
- ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
- มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์
- ปวดท้องน้อย แต่อาจพบได้ไม่บ่อย
อาการหนองในแท้ในผู้ชาย
- มีของเหลวหรือหนองไหลออกมาจากปลายองคชาต อาจเป็นสีขาว สีเหลือง หรือสีเขียว
- เจ็บหรือแสบร้อนบริเวณอวัยเพศขณะปัสสาวะ
- หนังหุ้มปลายองคชาตอักเสบหรือบวม
- ปวดบริเวณลูกอัณฑะ แต่อาจพบได้ไม่บ่อย
ผู้ป่วย หนองในแท้ เป็นเอดส์ ง่ายขึ้นหรือไม่
การเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นโรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม (Chlamydia) โรคซิฟิลิส (Syphilis) หรือโรคอื่น ๆ ก็ตาม ล้วนเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV มากกว่าปกติ เนื่องจากเซลล์เยื่อบุภายในช่องคลอด องคชาต ทวารหนัก หรือปาก มักอ่อนแอลงหลังการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และยิ่งเมื่อไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ HIV โดยไม่สวมถุงยางอนามัย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ HIV ได้ง่ายขึ้น และเมื่อติดเชื้อ HIV แล้วร่างกายไม่แสดงอาการ ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมด้วยการกินยาต้านไวรัสเป็นประจำทุกวัน อาจทำให้เข้าสู่ระยะเป็นโรคเอดส์ ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV ได้ในที่สุด
ผู้ป่วยหนองในแท้ ป้องกันการเป็นเอดส์ ได้หรือไม่
วิธีป้องกันผู้ป่วยหนองในแท้ จากการเป็นเอดส์ ให้ได้ผลดีที่สุด ควรเริ่มต้นด้วยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยตั้งแต่แรกด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และควรไปตรวจคัดกรองโรคเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีกิจกรรมทางเพศสุ่มเสี่ยง หากตรวจพบว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรไปพบคุณหมอและรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายขาดได้หากเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยจะช่วยป้องกันการลุกลามของโรคและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV ที่อาจนำไปสู่การเป็นโรคเอดส์ ทั้งยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นได้อีกด้วย
วิธีป้องกันผู้ป่วย หนองในแท้ เป็นเอดส์
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อ HIV อาจทำได้ดังนี้
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัย 1 ชิ้นจะมีอายุการใช้งานเพียง 30 นาทีและจะเสื่อมประสิทธิภาพลง จึงควรเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งเมื่อใช้จนครบเวลา และหากมีการร่วมเพศหลายช่องทาง เช่น ช่องคลอด ทวารหนัก ช่องปาก ควรป้องกันอย่างถูกต้องทุกครั้ง เช่น ใช้ถุงยางอนามัย 1 ชิ้น/ 1 ช่องทาง และใช้แผ่นอนามัยออรัลเมื่อมีออรัลเซ็กส์
- จำกัดจำนวนคนที่ร่วมเพศด้วยให้น้อยที่สุด
- ไม่ใช้เซ็กส์ทอยร่วมกับผู้อื่นและล้างทำความสะอาดก่อนและหลังใช้ทุกครั้ง
- ก่อนมีเพศสัมพันธ์กับคนใหม่ ๆ ควรสอบถามประวัติทางเพศของคู่นอนของตัวเองด้วย
- หากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาให้หายก่อน
- เข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะหากมีประวัติเสี่ยงสูง
- จำกัดหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ก่อนและระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ที่อาจทำให้สติสัมปชัญญะลดลง และส่งผลให้มีการป้องกันตนเองน้อยลง