อ้วนเพราะยาคุม เป็นปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ ที่ส่งผลให้ความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น ทำให้รับประทานอาหารมากขึ้น รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อการเผาผลาญและกักเก็บไขมัน ดังนั้น ก่อนรับประทานยาคุมจึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรเพื่อหาวิธีการรับมืออย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-ovulation]
อ้วนเพราะยาคุม เรื่องจริงหรือความเชื่อ
จากข้อมูลหอสมุดแพทย์แห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า สิ่งที่จะทำให้ผู้หญิงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายมีการกักเก็บของเหลว และไขมันมากเกินไป รวมไปถึงฮอร์โมนบางชนิดอย่าง โปรเจสติน (Progestins) ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่อยู่ในยาคุมก็สามารถทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก ฮอร์โมนเหล่านี้อาจมีส่วนช่วยตัวกระตุ้นเพิ่มความอยากอาหาร และกักเก็บของเหลวในร่างกาย จนเกิดผลข้างเคียงทำให้ชมีเริ่มมีน้ำมีนวล หรืออ้วนขึ้น แต่โดยส่วนใหญ่ หากในยาคุมที่มีระดับปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ไม่สูงนัก ก็อาจไม่ส่งผลให้ร่างกายมีการกักเก็บน้ำจนทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
ถึงอย่างไรก็ตามยังไม่มีการพิสูจน์ และหลักฐานที่แน่ชัดเจนมากพอ ดังนั้น ก่อนจะเริ่มรับประทานยาคุมทุกครั้ง จึงจำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาคุมแต่ละชนิด พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีรับประทานอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยแก่สุขภาพร่างกายตัวเอง
สาเหตุที่ทำ อ้วนเพราะยาคุม
นอกจากผลข้างเคียงของฮอร์โมนในยาคุมแล้ว การใช้ชีวิตประจำวันโดยการไม่ดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงไม่ควบคุมการรับประทานอาหารให้ดี ก็สามารถทำให้มีความเสี่ยงที่จะมีน้ำหนักเพิ่ม หรืออ้วนขึ้นได้เช่นกัน โดยสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้นั้น มีดังนี้
- การเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง หรือไม่มีการคำนวณแคลอรี่
- ระบบการเผาผลาญทำงานผิดปกติ
- ไม่ออกกำลังกาย
- ร่างกายขาดน้ำ หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อวัน
อ้วนเพราะยาคุม ลดยังไง
บางครั้งยาคุมที่ใช้อยู่อาจมีผลข้างเคียงที่ส่งผลทำให้อ้วนขึ้น ดังนั้น อาจจะต้องเปลี่ยนยี่ห้อของยาแทนยาคุมที่เคยรับประทานอยู่ โดยควรขอคำปรึกษากับเภสัชกรในร้านขายยา หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนั้น ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เช่น การเต้นแอโรบิค การเดิน การวิ่ง หรือเล่นกีฬาอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการจำกัดอาหารและจำกัดแคลอรี่ให้อยู่ระหว่าง 1,200-1,500 แคลอรี่
หากรู้สึกว่า การรับประทานยาคุมกำเนิดมีความยุ่งยากเกินไป อาจจะเข้ารับการปรึกษาเพิ่มเติมจากแพทย์ถึงวิธีการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ห่วงอนามัยคุมกำเนิด การใช้ถุงยางอนามัยของเพศหญิง การฉีดยาคุม การฝังยาคุม เป็นต้น ซึ่งวิธีการคุมกำเนิดในรูปแบบอื่น ๆ นั้นจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอ รวมถึงสุขภาพร่างกายของแค่ละบุคคลด้วย