มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและกักเก็บน้ำไว้ในชั้นผิว การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ จึงอาจช่วยป้องกันและรักษาอาการผิวแห้ง และลดการสูญเสียน้ำของผิวได้ ทั้งนี้ ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้ดีขึ้น
[embed-health-tool-bmi]
มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ อะไร
มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว มีจำหน่ายทั่วไปในรูปแบบครีม โลชั่น เจล เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยลดอาการผิวแห้ง แตก ระคายเคือง เหมาะสำหรับคนทั่วไปและผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง เช่น ผิวแห้ง แดง คัน ผิวขาดความยืดหยุ่น โดยทั่วไปควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หลังอาบน้ำหรือล้างหน้าแล้วเช็ดผิวขณะที่ยังหมาดอยู่ เพื่อช่วยให้มอยเจอร์ไรเซอร์สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น มอยเจอร์ไรเซอร์จะช่วยลดการสูญเสียน้ำในชั้นผิว ช่วยป้องกันและรักษาอาการผิวขาดน้ำ ฟื้นฟูผิวให้กลับมาสุขภาพดี ทั้งยังอาจช่วยปรับสมดุลของผิว ทำให้ผิวนุ่มและดูเรียบเนียบขึ้น และริ้วรอยดูลดเลือนลง
โดยปกติแล้วผิวหนังจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อแห้งเกินไป ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันสิ่งแปลกปลอม เช่น สิ่งสกปรก แบคทีเรีย สารเคมี เข้าสู่เนื้อเยื่อ หากกระบวนการกักเก็บความชุ่มชื้นที่ชั้นผิวผิดปกติ อาจทำให้เกิดปัญหาผิวหนังตามมา เช่น สิว โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) โรคผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea)
เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อ มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ
เป็นสภาพผิวที่ต้องการการบำรุงและเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวมากที่สุด ควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อหนักและมีความเข้มข้นสูง เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) ไดเมทิโคน (Dimethicone) ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวอย่างกลีเซอรีน (Glycerin) โพรพิลีนไกลคอล (Propylene glycol) ยูเรีย (Urea) หรือใช้ลาโนลิน (Lanolin) ซึ่งเป็นสารสกัดที่ได้จากขนแกะที่ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิว แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ขนสัตว์
-
ผิวแพ้ง่าย
ควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิวและช่วยลดการระคายเคือง เช่น เซราไมด์ (Ceramide) ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ผงข้าวโอ๊ต (Colloidal Oatmeal) ว่านหางจระเข้ หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน และไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหลายชนิดเกินไป เพราะอาจระคายเคืองผิวได้
-
ผิวคันและระคายเคือง
ผู้ที่มีผิวแห้งลอก คัน ระคายเคืองผิว จากโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) อาจใช้ครีมที่มีส่วนผสมช่วยลดอาการคัน เช่น ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) ความเข้มข้น 1% หรือใช้ครีมเนื้อหนักที่มีส่วนผสม เช่น กลีเซอรีน ไดเมทิโคน กรดไฮยาลูรอนหรือกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ดี
-
ผิวมันหรือเป็นสิวง่าย
ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เนื้อไม่หนักหรือไม่มันมาก อาจเลือกใช้แบบสูตรน้ำหรือที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบพื้นฐาน (Water-based) หรือครีมเนื้อเบา เนื่องจากเสี่ยงไม่อุดตันรูขุมขนน้อยกว่าและดูดซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และอาจมีส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดสิวและช่วยรักษาสิวอย่างกรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) กรดไฮยาลูโรนิก กลีเซอรีน และหลีกเลี่ยงการใช้ปิโตรเลียมเจลลี (Petroleum jelly) และน้ำมันมะพร้าวที่มีเนื้อเข้มข้น เพราะอาจอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวได้
วิธีดูแลตัวเองเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
การดูแลตัวเองเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ อาจทำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนนานเกิน 10 นาที เพราะอาจทำให้ความชุ่มชื้นในผิวระเหยออก ส่งผลให้ผิวแห้งได้
- ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าขนาดประมาณ 1 เหรียญบาท/ครั้ง ไม่จำเป็นต้องใช้เยอะจนเกินฟองหนา เพราะอาจทำให้เสี่ยงล้างออกไม่เกลี้ยง จนเสี่ยงรูขุมขนอุดตันหรือผิวระคายเคืองได้
- เลือกสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าใยไผ่
- หลังอาบน้ำควรใช้ผ้าเช็ดตัวสะอาดซับตัวให้แห้ง ไม่ถูตัวแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง และควรทามอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวในขณะที่ผิวยังหมาด ๆ อยู่ เพื่อให้เนื้อครีมซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น สำหรับผิวหน้าอาจทามอยเจอร์ไรเซอร์ในปริมาณเท่า 1 เหรียญบาท/ครั้ง ไม่ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์มากเกินไป เพราะอาจอุดตันรูขุมขนได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้ผิวแห้ง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ระบุบนฉลากว่าไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) พาราเบน
- ลดการสูญเสียน้ำของผิวโดยการใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ (Humidifier) หรือเครื่องพ่นไอน้ำช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นภายในอากาศบริเวณที่พักอาศัยด้วย โดยอาจตั้งเครื่องไว้ในห้องนอน โต๊ะทำงาน หรือบริเวณที่ทำกิจวัตรประจำวันบ่อย ๆ