น้ำหมึก คือ สารเคมีที่พบได้ทั่วไป เช่น ในปากกาเน้นข้อความ ในปากกาหมึกซึม รวมไปถึงน้ำหมึกที่ใช้ในการสัก อย่างไรก็ตาม น้ำหมึกก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะสุขภาพบางประการได้เช่นกัน
อาการที่เกิดขึ้นจากน้ำหมึก
การได้รับน้ำหมึกปากกาเข้าสู่ร่างกายผ่านทางช่องปากด้วยการกินน้ำหมึกเข้าไปอาจไม่น่ากังวลนัก เพราะข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ปากกาหัวบอล ปลายปากกา และปากกาหมึกซึม มีน้ำหมึกน้อยมากจนไม่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดพิษหากดูดจากปากกา น้ำหมึก บางชนิดอาจทำให้เจ็บในปาก และน้ำหมึกจำนวนมากที่กลืนเข้าไปจากขวดอาจทำให้ระคายเคือง แต่ยังไม่มีรายงานว่าเป็นพิษร้ายแรง หากคุณกลืนน้ำหมึกเข้าไป ทางองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ดื่มน้ำ และระบุว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก
น้ำหมึกจากปากกา ปากกาเน้นข้อความ และปากกาอื่น ๆ ถือว่ามีพิษน้อยที่สุด และมีพิษในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีพิษ อาการที่เกิดขึ้นจากการดูดน้ำหมึกปากกาเข้าปากโดยไม่ตั้งใจ มักจะเกิดขึ้นที่ผิวหนัง ทำให้ลิ้นเป็นคราบ และอาจทำให้ปวดท้องเบา ๆ (Mild Stomach Upset) ส่วนน้ำหมึกในตลับเครื่องพิมพ์ และแผ่นประทับจะมีปริมาณน้ำหมึกมากกว่าน้ำหมึกจากปากกา ซึ่งถ้าได้รับน้ำหมึกจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งจาก 2 สิ่งนี้ ควรไปพบคุณหมอทันที
ผลกระทบของน้ำหมึกที่ส่งผลต่อผิวหนัง
น้ำหมึก เป็นพิษไม่ได้เกิดจากการใช้น้ำหมึกวาดภาพลงบนผิวหนัง น้ำหมึกอาจเปื้อนผิวหนังชั่วคราว แต่จะไม่เป็นพิษต่อผิวหนัง
ผลกระทบของน้ำหมึกที่ส่งผลต่อตา
การระคายเคืองตาจาก น้ำหมึก มักเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากกว่าการระคายเคืองที่ผิวหนัง หากรู้สึกว่ามีน้ำหมึกกระเด็นเข้าตา ให้รีบล้างตาที่ระคายเคืองด้วยน้ำเย็น จนกว่าอาการเคืองตาจะหายไป เมื่อน้ำหมึกกระเด็นเข้าตา อาจทำให้ตาขาวเปื้อนน้ำหมึกชั่วคราว แต่น้ำหมึกในตาจะไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนถาวร หรือในระยะยาว แต่ถ้าล้างตาแล้วยังคงมีอาการระคายเคืองอยู่ หรือมีอาการตราพร่ามัว ควรต้องไปพบคุณหมอโดยเร็วที่สุด
น้ำหมึกกับรอยสัก
จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในปี 2015 พบว่า 29 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกัน มีรอยสักอย่างน้อย 1 ลาย และในจำนวนนั้นมี 69 เปอร์เซ็นต์ที่มีรอยสัก 2 ลายขึ้นไป จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration หรือ FDA) ระบุว่า สิ่งที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้น้ำหมึกที่ใช้ในการสัก คือ การปฏิบัติที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อุปกรณ์ที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ น้ำหมึกที่ใช้ในการสักหรือสีย้อมที่อาจจะมีการปนเปื้อนจากเชื้อราหรือแบคทีเรีย ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้น้ำหมึก และการติดเชื้อได้
องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาพิจารณาว่า น้ำหมึกที่ใช้ในการสัก ถือเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่มีเม็ดสี แต่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มสี ใช้สำหรับฉีดเข้าผิวหนัง เพื่อจุดประสงค์ทางเครื่องสำอางที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
อาการแพ้น้ำหมึก และการติดเชื้อ
หลังเข้ารับการสัก อาจสังเกตเห็นผื่นในบริเวณที่มีรอยสัก ซึ่งนี่อาจเป็นอาการแพ้น้ำหมึก หรือการติดเชื้อ จากข้อมูลของ Mayo Clinic พบว่า เม็ดสีที่ก่อให้เกิดอาการแพ้น้ำหมึกทางผิวหนัง ได้แก่
- สีแดง
- สีเหลือง
- สีเขียว
- สีน้ำเงิน
สำหรับการติดเชื้อที่มีการลุกลาม อาจมีอาการต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น
- ไข้สูง
- เหงื่อออก
- หนาวสั่น
- กระวนกระวาย
การรักษาอาการ รอยสักติดเชื้อ มักจะใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ก็อาจจะต้องมีการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รวมถึงอาจจะต้องมาการผ่าตัดร่วมด้วย
ควรทำอย่างไรหากมี อาการแพ้น้ำหมึก ที่ใช้ในสัก
เมื่อไปสักมาแล้วมีอาการแพ้น้ำหมึกที่ใช้ในการสัก ขั้นตอนแรกที่ควรทำ คือ เข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาโรคกับคุณหมอ การวินิจฉัยสามารถระบุได้ว่า อาการแพ้น้ำหมึกเกิดจากปฏิกิริยาที่เกิดจากน้ำหมึก หรือปัจจัยอื่น ๆ เช่น การใช้งานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ส่วนขั้นตอนต่อไป คือ การพูดคุยกับช่างสักด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ
- คุณหมออาจต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับน้ำหมึกที่ใช้ในการสัก เช่น ยี่ห้อ และเลขที่ครั้งที่ผลิต (Batch Number)
- ช่างสักอาจต้องการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการแพ้น้ำหมึกที่ใช้ในการสัก เพื่อจะได้ไม่นำมาใช้อีก
สรุปได้ว่า น้ำหมึกจากปากกาและปากกาเน้นข้อความถือว่ามีพิษน้อยที่สุด และเป็นไปได้ยากที่จะสัมผัสกับน้ำหมึกในปริมาณมาก ดังนั้น ความเป็นไปได้ที่จะได้รับพิษจากน้ำหมึกจากการกินหมึกจากปากกา หมึกปากกาโดนผิวหนังหรือเข้าตา จึงมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ความเป็นไปได้ที่จะได้รับพิษจากน้ำหมึกที่ใช้ในการสัก อาการแพ้น้ำหมึกที่ใช้ในการสัก มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักปฏิบัติด้านความปลอดภัยและความสะอาดของช่างสักและร้านค้ามากกว่าตัวน้ำหมึกเอง
[embed-health-tool-heart-rate]