backup og meta

ฉี่แล้วแสบ เกิดจากอะไร สัญญาณของโรคอะไร

ฉี่แล้วแสบ เกิดจากอะไร สัญญาณของโรคอะไร
ฉี่แล้วแสบ เกิดจากอะไร อาการปัสสาวะแล้วแสบ เป็นอาการที่พบได้บ่อยในเพศหญิง แต่ก็สามารถพบได้ในเพศชายที่มีอายุมากขึ้นเช่นกัน ลักษณะอาการจะแสบหรือเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ อาจรู้สึกฉี่แล้วแสบตอนก่อนหรือหลังปัสสาวะ บางกรณีอาจเกิดความรู้สึกคันร่วมด้วย อาการฉี่แล้วแสบอาจเป็นสัญญาณของโรคต่าง ๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น หากสังเกตพบอาการฉี่แล้วแสบควรเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาในทันที 

[embed-health-tool-bmi]

ฉี่แล้วแสบ เกิดจากอะไร

1. สาเหตุจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยในวัยทำงานจากการกลั้นปัสสาวะ พบมากในเพศหญิงวัย 30-40 ปี โดยเฉพาะผู้ที่แต่งงานแล้ว อาจเกิดการอักเสบในช่องคลอดได้บ่อย เกิดตกขาวมากกว่าปกติ เชื้อแบคทีเรียจะเข้ากระเพาะปัสสาวะง่ายเพราะหลอดปัสสาวะผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชาย ซึ่งแพทย์จะตรวจปัสสาวะ พบการติดเชื้อหรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจปนอยู่ในน้ำปัสสาวะ เช่น เชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะเชื้ออีโคไล เลือด หรือเม็ดเลือดขาว 

อาการสำคัญของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีดังนี้

  • ปวดฉี่บ่อย อาจมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน
  • ลุกมาฉี่บ่อยมากในเวลากลางคืน
  • ฉี่บ่อย แต่ฉี่ออกมาครั้งละน้อย ๆ 
  • ฉี่ได้ไม่สุด หรือเมื่อฉี่สุดแล้ว อาจเจ็บเสียวบริเวณปลายหลอดปัสสาวะ
  • ฉี่แล้วแสบขัด 
  • เจ็บเสียวบริเวณปลายหลอดปัสสาวะหรือบริเวณท้องน้อย 
  • บางรายมีเลือดปนกับปัสสาวะ

วิธีป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

  • ดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำอย่างน้อย 6 – 8 แก้วต่อวัน
  • ขับถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่รู้สึกปวด ไม่กลั้นปัสสาวะนานเกิน 6 ชั่วโมง
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อลดการติดเชื้อโรค

2. สาเหตุจากโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ความเป็นกรดในปัสสาวะและภูมิคุ้มกันลดลง อีกทั้งมีแหล่งสะสมเชื้อโรคเพิ่มในร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปัสสาวะเล็ด ในเพศชายเมื่ออายุมากขึ้น สารคัดหลั่งจากต่อมลูกหมากมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อลดลง ส่วนผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนจะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน เชื้อแลคโตบาซิลลัสบริเวณช่องคลอดน้อยลง ทำให้ค่าความเป็นกรดด่างในช่องคลอดสูงขึ้น เชื้อโรคจึงเติบโตได้ดี 

อาการสำคัญของโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เช่น

  • ร่างกายติดเชื้อส่วนล่างของระบบทางเดินปัสสาวะจะมีผลต่อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ 
  • ฉี่แล้วแสบขัด 
  • ฉี่บ่อยขึ้น น้ำปัสสาวะสีขุ่น
  • หากติดเชื้อที่กรวยไตจะมีไข้ ปวดหลังร่วมด้วย 

วิธีป้องกันโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

  • ดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำอย่างน้อย 6 – 8 แก้วต่อวัน ปัสสาวะจะเจือจางและล้างเชื้อโรคออกจากกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้แบคทีเรียลดลง 
  • ดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาด 
  • สวมเสื้อผ้า กางเกงที่โปร่งสบายเพื่อป้องกันการอับชื้น 
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ ชา และน้ำอัดลม 
  • ไม่กลั้นปัสสาวะนาน ๆ 
  • ดูแลสุขอนามัย 
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเพื่อป้องกันท้องผูกเพราะมีผลต่อการทำงานของลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ

3. สาเหตุจากโรคฮันนีมูน 

โรคฮันนีมูน เกิดเฉพาะในเพศหญิง จากการอักเสบบริเวณท่อปัสสาวะ ช่องคลอด หรือกระเพาะปัสสาวะ หลังจากมีเพศสัมพันธ์ อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อโรคบริเวณช่องคลอด ฝีเย็บ และทวารหนัก ที่ลุกลามไปยังท่อปัสสาวะจนถึงกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ หรือเจ็บที่บริเวณปากช่องคลอด และหากมีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังมีเพศสัมพันธ์จะเรียกชื่อโรคว่า โรคฮันนีมูน ซิสไตติส (Honeymoon Cystitis) 

อาการสำคัญของโรคฮันนีมูน 

  • ฉี่แล้วแสบที่บริเวณปลายท่อปัสสาวะ หรือบริเวณปากช่องคลอด
  • ปัสสาวะขัด ปัสสาวะไม่สุด หรือกลั้นปัสสาวะไม่ได้ 
  • หากมีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย ก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อย

วิธีป้องกันโรคฮันนีมูน 

  • ดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำอย่างน้อย 6 – 8 แก้วต่อวัน   
  • หลังมีเพศสัมพันธ์ควรปัสสาวะและทำความสะอาด
  • ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน

4. สาเหตุจากโรคหนองใน

หนองในเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ผู้ป่วยจะมีอาการของโรคชัดเจนและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา หากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ภาวะมีบุตรยากทั้งหญิงและชาย ปวดท้องน้อยเรื้อรัง และการตั้งครรภ์นอกโพรงมดลูก 

อาการของโรคหนองใน 

  • ตกขาวผิดปกติ ปริมาณมากขึ้น มีสีเหลืองหรือเขียว 
  • ฉี่แล้วแสบ
  • เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน
  • มีอาการปวดท้องน้อย
  • อาการเพิ่มเติมในผู้ชาย เช่น มูกใสออกจากท่อปัสสาวะโดยไม่ใช่น้ำปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ มีอาการปวดอัณฑะ อาจมีการอักเสบที่หนังหุ้มปลายองคชาต 

วิธีป้องกันโรคหนองใน

  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • งดการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยโรคหนองใน
  • ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/cystitis 

https://pr.moph.go.th/print.php?url=pr/print/2/02/118239/ 

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=9 

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=801 

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=895

เวอร์ชันปัจจุบัน

21/07/2023

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ฉี่เป็นฟอง อันตรายหรือไม่ มีสาเหตุมาจากอะไร

คันช่องคลอด ฉี่บ่อย เกิดจากอะไร ป้องกันได้อย่างไร


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 21/07/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา