backup og meta

ไขข้อข้องใจ คนเป็นโรคไต ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ ปลอดภัยจริงเหรอ

ไขข้อข้องใจ คนเป็นโรคไต ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ ปลอดภัยจริงเหรอ

โรคไตกับยาคลายกล้ามเนื้อ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก เนื่องจากยาคลายกล้ามเนื้อเป็นหนึ่งในยาที่คนเป็นโรคไตมักจะต้องใช้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคไตที่ต้องทำการฟอกไต (hemodialysis) ยาคลายกล้ามเนื้อสามารถช่วยให้ผู้ป่วยที่ทำการฟอกไตไม่ต้องทรมานกับอาการปวดกล้ามเนื้อที่มาพร้อมกับการฟอกไตได้ แต่ในขณะเดียวกัน ยานี้ก็อาจนำมาซึ่งอันตรายอื่นๆ ได้เช่นกัน

โรคไตกับยาคลายกล้ามเนื้อ มีอะไรบ้างที่ควรระวัง

สาเหตุส่วนใหญ่ที่แพทย์สั่งยาคลายกล้ามเนื้อให้ผู้ป่วยที่รับการฟอกไตใช้ เนื่องมาจากอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก นอกจากนี้ยังอาจจะมีสาเหตุมาจากการปวดคอ ปวดหลัง และเป็นตะคริว แต่ก็มีผู้ป่วยบางรายที่เลือกใช้ยาคลายกล้ามเนื้อทั้งๆที่แพทย์ไม่ได้สั่งให้ใช้ยานั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายาคลายกล้ามเนื้อนั้นอาจจะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดที่มาพร้อมกับการฟอกไตเหล่านี้ได้ แต่ยาคลายกล้ามเนื้อนั้นก็ไม่มีได้ปลอดภัยไปเสียทีเดียว

มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรคไตที่ที่ทำการฟอกไตและใช้ยาคลายกล้ามเนื้อนั้น จะมีความเสี่ยงในการเกิดการเปลี่ยนแปลงของสติสัมปชัญญะเพิ่มขึ้นกว่า 68% ความเสี่ยงในการหกล้มเพิ่มขึ้นกว่า 29% และความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหักเพิ่มขึ้นอีกกว่า 30%

จากข้อมูลในปี 2011 พบว่า ผู้ป่วยโรคไตที่ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ แสดงให้เห็นถึงอาการความผิดปกติทางสติสัมปชัญญะ หกล้ม กระดูกหัก และเสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่าผู้ป่วยโรคไตที่ไม่ได้ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่า 1 ใน 25 คนของผู้ป่วยโรคไตถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจาก มีอาการสับสนอย่างรุนแรง และมีอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน หลังจากใช้ยาคลายกล้ามเนื้อที่เรียกว่า ยาแบคโคลเฟน (baclofen) เพียงไม่กี่วัน

จากรายงานของ ICES Western, Western University และ and Lawson Health Research Institute ได้ทำการเก็บข้อมูล โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคไตกว่า 16,000 คนที่เริ่มต้นใช้ยาแบคโคลเฟนตั้งแต่ปี 2007 ไปจนถึง 2018 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ใช้ยาแบคโคลเฟนในขนาดสูง และผู้ที่ใช้ยาแบคโคลเฟนในขนาดต่ำ แล้วนำผลมาเปรียบเทียบกับผู้ป่วยโรคไตกว่า 300,000 คนที่ไม่ได้ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อใดๆ

ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคไตที่ได้รับจ่ายยาแบคโคลเฟนในขนาดสูง มีโอกาสมากกว่าที่จะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการเวียนศีรษะและสับสนอย่างรุนแรง นับเป็นจำนวนสูงมากหากเทียบกับกลุ่มของผู้ป่วยโรคไตที่ไม่ได้ใช้ยาแบคโคลเฟนและต้องรับการรักษาเนื่องจากอาการสับสนและเวียนศีรษะซึ่งมีเพียง 1 ใน 500 คนเท่านั้น

ยาแบคโคลเฟนนั้นแม้ว่าโดยปกติแล้วจะไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่ก็สามารถทำให้ผู้ป่วยมีอาการสับสนได้อย่างรุนแรง แม้แต่ผู้ป่วยที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดี ก็สามารถมีอาการสับสนได้ หลังจากที่เริ่มต้นใช้ยาแบคโคลเฟนนี้

ไต มีส่วนสำคัญในการกำจัดยาที่ค้างอยู่ในร่างกายออกไป ผู้ป่วยโรคไตจึงมักจะต้องเจอกับปัญหาการตกค้างของยา โดยเฉพาะยาคลายกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดผลข้างเคียงของยาอย่างรุนแรงมากกว่าปกติ แม้แต่ยาคลายกล้ามเนื้อที่ถูกกำจัดด้วยตับอย่าง cyclobenzaprine ก็ยังส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้เช่นกัน

ถ้าอย่างนั้น คนเป็นโรคไต ควรจัดการกับอาการปวดได้อย่างไร

การจัดการกับอาการปวดของผู้ป่วยโรคไตที่รับการฟอกไตนั้น โดยปกติแล้วจะเลือกใช้เป็นยาแก้ปวดประเภทที่ไม่ใช่โอปิออยด์ (opioid) ได้แก่ ยาพาราเซตามอลหรือยาอะเซตามิโนเฟน และยาในกลุ่ม NSAIDs อื่นๆ เช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) เป็นยาทางเลือกในการรักษาอาการปวดโดยที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงสำหรับผู้ป่วยโรคไต

นอกจากนี้ยังมียาแก้ปวดโอปิออยด์บางชนิดที่ผู้ป่วยโรคไตอาจจะสามารถใช้ได้ เช่น ยาเฟนทานิล (Fentanyl) ยาไฮโดรโคโดน (hydrocodone) และยาไฮโดรมอร์โฟน (hydromorphone) เป็นยาแก้ปวดโอปิออยด์ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีไตบกพร่องและผู้ป่วยที่ทำการฟอกไต

อาการปวดนั้นเป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ต้องรับการฟอกไต การรักษาอาการปวดเหล่านี้จะต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและแตกต่างกันตามความต้องการของแต่ละราย เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะจำเป็นต้องใช้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาอื่นๆเสมอไป

ในปัจจุบันนั้นยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อชนิดอื่นมากเพียงพอ ที่จะสามารถเปรียบเทียบถึงความแตกต่างของการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อแต่ละประเภทในผู้ป่วยโรคไตได้ ดังนั้นผู้ป่วยทุกรายจะต้องได้รับคำปรึกษาแพทย์และการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Muscle relaxant use common among patients on hemodialysis and is associated with falls. https://www.healio.com/nephrology/chronic-kidney-disease/news/online/%7B4df385bb-52b9-4834-a282-ac01033afb68%7D/muscle-relaxant-use-common-among-patients-on-hemodialysis-and-is-associated-with-falls.
Accessed 25 November 2019

Muscle Relaxant Use Among Hemodialysis Patients: Prevalence, Clinical Indications, and Adverse Outcomes.
https://www.ajkd.org/article/S0272-6386(18)31125-9/fulltext
Accessed 25 November 2019

Hemodialysis Patient Muscle Relaxant Use Tied to Falls, Fracture
https://www.renalandurologynews.com/home/conference-highlights/kidney-week-annual-meeting/kidney-week-2018/hemodialysis-patient-muscle-relaxant-use-tied-to-falls-fracture/
Accessed 25 November 2019

Common muscle relaxant causes severe confusion in patients with kidney disease
https://www.eurekalert.org/pub_releases/2019-11/uowo-cmr110619.php
Accessed 25 November 2019

เวอร์ชันปัจจุบัน

11/05/2020

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: Nattavara Pasathan


บทความที่เกี่ยวข้อง

ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังบริโภคคาเฟอีน ได้หรือไม่?

เบาหวานลงไต ความสัมพันธ์ระหว่างไตและโรคเบาหวานที่ควรรู้


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา