อาหารเป็นพิษ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในทุกกลุ่มอายุตลอดปี แต่ในช่วงที่มีอากาศร้อนมักพบได้บ่อย เพราะสภาพอากาศส่งผลให้อาหารบูดและเสียได้เร็ว อาจทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้ โรคนี้ยังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรคและสารพิษที่ได้รับ วิธีแก้อาหารเป็นพิษ จึงต้องพิจารณาให้เหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]
สาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ
โรคอาหารเป็นพิษ เป็นอาการป่วยที่เกิดจากการรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกาย ทั้งการปนเปื้อนจากสารเคมี โลหะหนัก เกิดได้จากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส สารพิษจากพืชและสัตว์ การปนเปื้อนในอาหารกระป๋อง การประกอบอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ โดยเฉพาะอาหารทะเลที่ปรุงไม่สุก อาหารที่ค้างไว้หลายชั่วโมง ซึ่งสาเหตุของการปนเปื้อนที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- ร่างกายได้รับสารพิษของแบคทีเรีย ซึ่งแบคทีเรียได้เจริญเติบโตในอาหารตั้งแต่ก่อนรับประทานเข้าไป เช่น สารพิษของเชื้อ V.parahaemolyticus, Clostridium botulinum, Staphylococcus aureus, Bacillus cereus หรือผลิตสารพิษภายในลำไส้เมื่อรับประทานเข้าไป เช่น Clostridium perfringens
- เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือ พยาธิ เช่น Escherichia coli, Salmonellosis, Shigellosis, Viral gastroenteritis และ Trichinosis
- สาหร่ายบางชนิดก็อาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ เช่น Ciguatera Fish Poisoning และ Paralytic Shellfish Poisoning
อาการของโรคอาหารเป็นพิษ
ผู้ที่ได้รับเชื้อที่ปนเปื้อน ร่างกายจะแสดงอาการภายใน 1 – 2 วัน บางกรณีแสดงอาการทันทีในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งที่ปนเปื้อน ปริมาณของเชื้อโรคหรือสารพิษที่ได้รับ โดยอาการอาหารเป็นพิษ ได้แก่
- เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
- ท้องเสีย
- ปวดท้อง
- มีอาการสูญเสียน้ำ เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ กระหายน้ำ
อาการอาหารเป็นพิษแบบไหนต้องไปพบคุณหมอ
โดยทั่วไป อาการอาหารเป็นพิษที่ไม่รุนแรงจะหายได้เองใน 1-2 วัน แต่มีสัญญาณของร่างกายที่บ่งบอกว่า อาการรุนแรงขึ้นและต้องไปปรึกษาแพทย์ เช่น
- ท้องเสียมาก ท้องเสียหลายวัน หรือมีเลือดปนในอุจจาระ
- อาเจียนบ่อย ๆ มีเลือดปนในอาเจียน
- แขนขาอ่อนแรง
- หายใจลำบาก
- ตาเริ่มมัวมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
- อาการปวดท้องอย่างรุนแรงร่วมกับมีไข้สูง
วิธีแก้อาหารเป็นพิษ ให้ดีขึ้น
หากผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษไม่มีอาการรุนแรงจนน่ากังวล สามารถดูแลตัวเองให้ดีขึ้นได้ เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- ดูแลร่างกายไม่ให้เกิดการขาดน้ำ ดื่มน้ำสะอาดโดยจิบน้ำบ่อย ๆ ให้ร่างกายชดเชยการสูญเสียน้ำจากการอาเจียนและท้องเสีย
- ทดแทนน้ำและแร่ธาตุบางชนิดที่สูญเสียไป ด้วยการจิบน้ำผสมผงเกลือแร่ ซึ่งจะมีเกลือและน้ำตาลกลูโคสเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ไม่ใช่น้ำเกลือแร่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย เพราะน้ำเกลือแร่ชนิดนี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายท้องเสียมากขึ้น
- เลือกรับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม งดอาหารเผ็ดและย่อยยาก
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ย่อยยาก ไม่รับประทานอาหารรสเผ็ด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
หากปฏิบัติตาม วิธีแก้อาหารเป็นพิษ แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง แต่ควรรีบพบคุณหมอ เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหาร เลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ สด สะอาด ไม่รับประทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบหรืออาหารค้างคืน เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอีก