ภาวะหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ (Tachycardia) เป็นภาวะที่อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้ง/นาที ในขณะพัก ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด รับประทานคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป สูบบุหรี่ ปัญหาหัวใจ โดย หัวใจเต้นเร็ว อาจมี วิธีแก้ ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของวิธีแก้ปัญหาหัวใจเต้นเร็วก็เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจให้ช้าลง และป้องกันการกำเริบของอาการในอนาคต
[embed-health-tool-heart-rate]
สาเหตุของหัวใจเต้นเร็ว
โดยปกติอัตราการเต้นของหัวใจจะอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที ขณะพักผ่อน และหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นเมื่อทำกิจกรรมหรือเคลื่อนไหวร่างกาย แต่หากพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้ง/นาที ในขณะพักผ่อน นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นเร็ว ซึ่งภาวะนี้อาจเกิดขึ้นประมาณ 2-3 วินาที ถึง 2-3 ชั่วโมง
โดยภาวะหัวใจเต้นเร็วอาจมีสาเหตุมาจากความเครียด รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป สูบบุหรี่ ปัญหาหัวใจ (เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจ หัวใจวาย โรคหัวใจ) เลือดในหลอดเลือดหัวใจไม่เพียงพอ ปริมาณเม็ดเลือดแดงลดลง ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ การใช้ยาบางชนิด (เช่น โคเคน เมทแอมเฟตามีน)
อาการหัวใจเต้นเร็ว
ภาวะหัวใจเต้นเร็วอาจทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ตามปกติ ส่งผลให้อวัยวะและเนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งบางคนอาจไม่แสดงอาการใด ๆ จนกว่าจะเข้ารับการตรวจ อย่างไรก็ตาม ภาวะหัวใจเต้นเร็วอาจทำให้เกิดอาการ ดังนี้
- เจ็บหน้าอก
- หัวใจเต้นแรงและเร็ว หรือมีอาการใจสั่น
- วิงเวียนศีรษะ เป็นลม
- หายใจถี่
หัวใจเต้นเร็ว มี วิธีแก้ และวิธีรักษา อย่างไร
เป้าหมายของการรักษาภาวะหัวใจเต้นเร็ว คือ การลดอัตราการเต้นของหัวใจให้ช้าลง และเพื่อป้องกันอาการหัวใจเต้นเร็วในอนาคต ซึ่งคุณหมออาจแนะนำวิธีแก้และวิธีการรักษา ดังนี้
การรักษาเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจให้ช้าลง
- การทำแวเกิล มานิวเวิร์ซ (Vagal Maneuvers) เป็นวิธีการชะลออัตราการเต้นของหัวใจด้วยการกระตุ้นประสาทเวกัส (Vagus Nerve)
- ใช้ยา หากการทำแวเกิล มานิวเวิร์ซไม่ได้ผล อาจจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อฟื้นฟูจังหวะการเต้นของหัวใจ
- การกระตุกหัวใจไฟฟ้าแบบสัมพันธ์ (Cardioversion) เป็นการส่งไฟฟ้าช็อตไปที่หัวใจผ่านเซ็นเซอร์ที่วางอยู่บนหน้าอก ซึ่งจะส่งผลต่อสัญญาณไฟฟ้าหัวใจและทำให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ โดยทั่วไปมักใช้ในกรณีฉุกเฉิน
การรักษาเพื่อป้องกันอาการหัวใจเต้นเร็วในอนาคต
- ใช้ยา มักใช้รักษาคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะหัวใจเต้นเร็ว เพื่อควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจและฟื้นฟูจังหวะการเต้นของหัวใจ
- การจี้หัวใจ (Catheter Ablation) โดยใช้สายสวนสอดผ่านเส้นเลือดดำหรือเส้นเลือดแดงบริเวณขาหนีบไปยังหัวใจ โดยที่ปลายสายสวนจะให้ความร้อนหรือพลังงานเย็นเพื่อปิดกั้นสัญญาณไฟฟ้าที่ผิดปกติและฟื้นฟูจังหวะการเต้นของหัวใจ
- เครื่องกระตุ้นหัวใจ เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ผ่าตัดฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก เมื่ออุปกรณ์ตรวจพบการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ อุปกรณ์จะส่งคลื่นไฟฟ้าที่ช่วยให้หัวใจกลับสู่จังหวะที่ถูกต้อง
- การใส่เครื่องกระตุกสัญญาณไฟฟ้าหัวใจ (Implantable Cardioverter Defibrillator หรือ ICD) มักใช้ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วหรือภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดปกติ โดยการใส่เครื่องกระตุกสัญญาณไฟฟ้าหัวใจไว้บริเวณใต้ผิวหนังใกล้กับกระดูกไหปลาร้า เพื่อติดตามจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่อง หากอุปกรณ์ตรวจพบการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ อุปกรณ์จะส่งพลังงานต่ำหรือสูงเพื่อกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจ
- การผ่าตัด (Maze Procedure) เป็นการผ่าตัดเพื่อทำลายเนื้อเยื่อหัวใจบางส่วนที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นเร็ว
- การผ่าตัดหัวใจแบบเปิด เพื่อทำลายทางเดินไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดภาวะหัวใจเต้นเร็ว มักใช้วิธีนี้เมื่อการรักษาอื่น ๆ ไม่ได้ผล
การป้องกันหัวใจเต้นเร็ว
วิธีป้องกันภาวะหัวใจเต้นเร็ว คือ การดูแลสุขภาพร่างกายและหัวใจให้แข็งแรง ซึ่งอาจทำได้ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่อุดมด้วยธัญพืชไม่ขัดสี เนื้อไม่ติดมัน นมไขมันต่ำ ผักและผลไม้ นอกจากนี้ ควรจำกัดการรับประทานเกลือ โซเดียม น้ำตาล แอลกอฮอล์ ไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ เพื่อสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจที่ดี
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายความเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 30 นาที/วัน เช่น เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ วิ่ง เดินเร็ว
- รักษาระดับความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล ด้วยการดูแลตัวเองตามที่กล่าวมาข้างต้น และรับประทานยาตามที่คุณหมอกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมความดันโลหิตสูงหรือคอเลสเตอรอลสูง
- งดสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันความดันโลหิตสูงและลดความเสี่ยงในการภาวะหลอดเลือดตีบ
- จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันความดันโลหิตสูงและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
- จำกัดปริมาณคาเฟอีน ไม่เกิน 1-2 แก้ว/วัน เพื่อป้องกันการกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ
- จัดการความเครียด เช่น ฝึกกสมาธิ ออกกำลังกายมากขึ้น นอนหลับ พูดคุยกับเพื่อน ซึ่งอาจช่วยป้องกันความดันโลหิตสูงและทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี