กรดไหลย้อน นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายท้องแล้ว ยังทำให้คุณมีอาการแสบร้อนกลางอก เจ็บคอ เสียงแหบ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น และอื่น ๆ ได้อีกมาก อาการของ โรคกรดไหลย้อน เหล่านี้มักรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และบางอาการ อย่างกลิ่นปาก ก็สามารถทำให้เราหมดความมั่นใจได้ด้วย หากใครไม่อยากเป็นโรคกรดไหลย้อน หรือไม่อยากทำให้อาการที่เป็นอยู่แย่ลง ก็สามารถทำได้ด้วยการป้องกันหรือหลีกเลี่ยง ปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน ที่ Hello คุณหมอ นำมาฝากกันในบทความนี้
ปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน
การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้มากมาย รวมถึงโรคกรดไหลย้อนด้วย ยิ่งหากใครเป็นกรดไหลย้อนอยู่แล้ว ก็ยิ่งควรงดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร และกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ทั้งยังลดปฏิกิริยาตอบสนองในลำคอและลดการหลั่งน้ำลาย เมื่อกระบวนการเหล่านี้ทำงานผิดปกติ จึงทำให้กรดในกระเพาะอาหารเสียสมดุล และส่งผลเสียต่อสุขภาพมากขึ้น
การกินอาหารมากเกินไป หรือกินมื้อดึก
อาหารมื้อใหญ่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนที่พบได้บ่อยที่สุด เพราะเมื่อคุณกินอาหารมากเกินไป ร่างกายก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการย่อยอาหารนานขึ้น ยิ่งหากคุณกินอาหารมื้อใหญ่ในช่วงเย็น ช่วงก่อนนอน หรือชอบกินมื้อดึก พอคุณล้มตัวนอนทั้งที่กระเพาะอาหารยังย่อยอาหารไม่เสร็จ กรดในกระเพาะอาหารจึงไหลย้อนขึ้นมายังหลอดอาหารได้
คุณไม่ควรกินอะไรก่อนเข้านอน 3-4 ชั่วโมง และควรออกไปเดินเล่นหลังกินอาหารสัก 30 นาที หรือขยับร่างกายด้วยการล้างจาน กวาดบ้าน เป็นต้น เพื่อช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายจริงจัง เพราะจะยิ่งส่งผลเสียต่อกระบวนการย่อยอาหาร
การใช้ยาบางชนิด
ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองและกระตุ้นการเกิดกรดไหลย้อนได้ นอกจากนี้ ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ก็สามารถกระตุ้นการหลั่งกรดไหลกระเพาะอาหารได้เช่นกัน ฉะนั้น หากคุณกินยาตัวใดแล้วมีอาการกรดไหลย้อน หรืออยากหลีกเลี่ยงอาการดังกล่าว ก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์เปลี่ยนยา หรือจ่ายยาที่เหมาะสมให้
อาหารบางชนิด
อาหารดังต่อไปนี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด กรดไหลย้อน ได้เช่นกัน
- เครื่องเทศ เช่น พริกไทย กระเทียม หอมหัวใหญ่
- ผลไม้สกุลซิตรัส หรือผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม เกรปฟรุต มะนาว เลมอน
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม
- อาหารไขมันสูง เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด อย่างเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย
- อาหารรสจัด หรืออาหารเผ็ด
- อาหารที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนผสม
- เปปเปอร์มินต์
- ช็อกโกแลต
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ฉะนั้น หากคุณไม่อยากเป็น กรดไหลย้อน หรืออยากบรรเทาอาการกรดไหลย้อนที่เป็นอยู่ ก็ควรงดหรือลดอาหารที่กล่าวมาข้างต้น
การออกกำลังกาย
ท่าออกกำลังกายบางท่า เช่น ท่าครันช์ (Crunches) อาจเพิ่มแรงกดให้กับผนังช่องท้อง และทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับเข้าไปในหลอดอาหารได้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้คุณงดออกกำลังกายในท่าครันช์ หรือออกกำลังกายในรูปแบบดังต่อไปนี้หลังกินอาหารเสร็จทันที จะได้ลดความเสี่ยงในการเกิดกรดไหลย้อน
- ท่ายืนด้วยศีรษะ (Headstand)
- ท่ายกขา (Leg Lift)
- วิ่งจ็อกกิ้ง
- เต้นแอโรบิค
พฤติกรรมบางอย่าง
พฤติกรรมหรือกิจกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างดังต่อไปนี้ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนได้เช่นกัน
- การสวมใส่เสื้อผ้าที่คับ หรือรัดแน่นเกินไป
- การนอนตะแคงขวา เพราะท่านอนท่านี้ทำให้กระเพาะอาหารอยู่สูงกว่าหลอดอาหาร กรดจึงไหลย้อนกลับสู่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น
จะรู้ได้อย่างไรว่า อะไรกระตุ้นอาการ กรดไหลย้อน ของคุณ
หากคุณอยากรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นให้คุณเกิดกรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น หนึ่งในวิธีตรวจสอบปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ เลยก็คือ การสังเกตอาการที่เกิดขึ้นหลังจากคุณทำกิจกรรมหรือกินอาหารบางอย่าง และจดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นเอาไว้ในสมุดโน้ตหรือโทรศัพท์มือถือ
คุณอาจจดบันทึกรายการอาหารที่กินในแต่ละวัน โดยแบ่งเป็นมื้อ ๆ รวมถึงจดกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำระหว่างวัน และหากคุณใช้ยาอะไรอยู่ ก็ควรจดบันทึกไว้ด้วย และที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่าลืมจดอาการที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเอาไว้ให้ชัดเจน หากระบุช่วงเวลาในการทำกิจกรรมหรือเวลาที่เกิดอาการได้ด้วย ก็จะยิ่งช่วยได้มาก
เมื่อรู้แล้วว่า สิ่งกระตุ้นกรดไหลย้อนของคุณคืออะไร คุณจะได้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นหรือสิ่งอื่นที่คล้ายคลึงกันได้ นอกจากนี้ บันทึกที่คุณทำไว้ยังอาจเป็นประโยชน์สำหรับแพทย์ ในการวินิจฉัยและหาวิธีรักษา กรดไหลย้อน ที่เหมาะสมสำหรับคุณที่สุดด้วย
[embed-health-tool-bmr]