คำจำกัดความ
โรค ตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา คืออะไร
โรคตับแข็ง (Cirrhosis) คือ ระยะสุดท้ายของการเกิดแผล (พังผืด) ที่ตับ ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคและอาการต่างๆ ของตับ เช่น โรคตับอักเสบ (hepatitis) และโรคพิษสุราเรื้อรัง (chronic alcoholism) ตับมีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง รวมไปถึงการล้างพิษที่อันตรายในร่างกาย ทำความสะอาดเลือด และสร้างสารอาหารที่สำคัญ
โรคตับแข็งอาจเกิดได้จากการตอบสนองต่ออาการบาดเจ็บที่ตับ ทุกๆ ครั้งที่เกิดอาการบาดเจ็บ ตับของคุณพยายามจะซ่อมตัวของมันเอง ทำให้เกิดเนื้อเยื่อแผลเป็น และยิ่งอาการของโรคตับแข็งยิ่งมีมากเท่าใด แผลเป็นก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นทำให้ตับยากที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคตับแข็งมักจะเป็นคนที่ดื่มหนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด แม้แอลกอฮอล์จะเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคตับแข็ง แต่ผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดโรคตับแข็งได้ แผลเป็นบริเวณตับที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากแอลกอฮอล์จะเรียกว่า โรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา (Nonalcoholic Cirrhosis)
โรค ตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา พบได้บ่อยได้แค่ไหน
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดปรึกษาแพทย์
อาการ
อาการของโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุราเป็นอย่างไร
โรคตับแข็งนั้นมักจะไม่มีสัญญาณหรืออาการใดๆ จนกระทั่งตับได้รับความเสียหายแล้ว อาการที่อาจจะเกิดขึ้นมีดังนี้
- มีอาการเหนื่อยล้า
- มีเลือดออกง่าย
- มีรอยช้ำง่าย
- มีอาการคันที่ผิว
- สีผิวหรือดวงตาเป็นสีเหลือง หรืออาการของโรคดีซ่าน (jaundice)
- ท้องมาน มีน้ำในช่องท้อง (ascites)
- ไม่อยากอาหาร
- คลื่นไส้
- มีอาการบวมที่ขา
- น้ำหนักลด
- มีอาการมึนงง เซื่องซึม และพูดไม่ชัด เป็นอาการทางสมองเนื่องจากโรคตับ (hepatic encephalopathy)
- มองเห็นเส้นเลือดบนผิวหนังได้ชัดเจน
- มีรอยปื้นแดงที่บริเวณฝ่ามือ
- มีอาการตีบของอัณฑะในผู้ชาย
- หน้าอกมีการขยายใหญ่ขึ้นในผู้ชาย
อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาหมอของคุณ
ควรไปพบหมอเมื่อไร
ถ้าคุณมีอาการใดๆ ที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษากับคุณหมอ เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดจึงควรพูดคุยกับหมอเพื่อหาแนวทางในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของโรค ตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา
หน้าที่อย่างหนึ่งของตับก็คือ การกำจัดเชื้อโรคออกจากกระแสเลือด แต่ก็มีบางครั้งที่เชื้อโรคอาจจะแข็งแกร่งขึ้น อาการติดเชื้อเรื้อรังที่มาจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี มักจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุราในประเทศสหรัฐอเมริกา ในกรณีส่วนใหญ่ ใช้เวลานานกว่าที่การติดเชื้อจะกลายเป็นแผลเป็น อย่างไรก็ตาม มีแค่ 20 % ของผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีเท่านั้น ที่จะพัฒนาไปเป็นโรคตับแข็ง
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แบบเรื้อรัง ก็สามารถนำไปสู่อาการตับแข็งได้ นี่อาจจะเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดโรคตับแข็งของคนทั่วโลก แต่ไม่ใช่ที่สหรัฐฯ เนื่องจากมีการให้วัคซีนต้านโรคไวรัสตับอักเสบบี แก่เด็กๆ ส่วนไวรัสตับอักเสบเอ นั้นมักไม่ค่อยเป็นอยู่นานจนก่อให้เกิดโรคตับแข็งได้
ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Nonalcoholic steatohepatitis – NASH) หรืออาการที่ตับสะสมไขมันส่วนเกินแล้วเกิดการอักเสบ ก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่นำไปสู่การเกิดโรคตับแข็ง สาเหตุของการเกิดภาวะไขมันพอกตับยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่การมีน้ำหนักเกิน เบาหวาน การขาดโปรตีนและพลังงาน โรคหัวใจ และการใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคได้
สาเหตุการเกิดโรคตับแข็งในบางคน อาจจะมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมากเกินไป โดยการผลิตแอนติบอดีออกมาโจมตีเซลล์ของตับ เพราะเข้าใจว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ทำให้ตับเกิดความเสียหายและอักเสบ อาการนี้เรียกว่า โรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตับ (autoimmune hepatitis)
กรณีอื่นของของโรคตับแข็งที่หาได้ยาก มีทั้งท่อน้ำดีอุดตันหรืออักเสบ ปฏิกิริยาแพ้รุนแรงต่อยาหรืออาหารเสริม เช่น เมโธเทรกเซท (methotrexate) หรือ วิตามินเอ อาการหัวใจล้มเหลวบ่อยๆ และโรคติดต่อทางพันธุกรรมต่างๆ เช่น โรคซิสติก ไฟโบรซิส (cystic fibrosis) โรคถุงลมโป่งพองจากการขาด อัลฟ่า-1 (alpha-1-antitrypsin deficiency) ภาวะเหล็กเกิน (hemochromatosis) และโรควิลสัน (Wilson’s disease)
10 เปอร์เซ็นของกรณีที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่สามารถหาสาเหตุของการเกิดโรคตับแข็งได้เลย หมอจึงเรียกกรณีเหล่านี้ว่า “คริปโตเจนนิค เซอร์โรสิส (cryptogenic cirrhosis)’ หรือโรคตับแข็งที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน อย่างไรก็ตาม นักวิจัยสันนิษฐานว่า โรคเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรามีอยู่มากมาย เช่น
- โรคไวรัสตับอักเสบบี (Chronic hepatitis B)
- โรคไวรัสตับอักเสบซี (Chronic hepatitis C)
- การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากจนเกินไป
- เป็นโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์ (non-alcoholic steatohepatitis)
- เป็นโรคตับอักเสบแบบต่างๆ เช่น โรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตับ (autoimmune hepatitis) โรคตับแข็งทางเดินน้ำดี (primary biliary cirrhosis) หรือท่อน้ำดีอักเสบแข็งปฐมภูมิ (primary sclerosing cholangitis)
- เป็นโรควิลสัน (Wilson disease) มีภาวะเหล็กเกิน (hemochromatosis) และโรคหา
ยากอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตับ
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา
คนที่มีอาการตับแข็งในระยะแรกมักจะไม่แสดงอาการ จึงมักจะตรวจได้จากการตรวจเลือดหรือตรวจร่างกาย คุณหมอจากแนะนำให้ให้คุณทำการตรวจมากกว่าหนึ่งอย่าง เพื่อหาปัญหาที่เกิดขึ้นที่ตับ
การตรวจสอบในแล็บ:
- การทำงานของตับ: ตรวจเลือดเพื่อดูค่าบิลิรูบิน (bilirubin) ส่วนเกิน ซึ่งเกิดจากการแตกตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง เช่นเดียวกับการตรวจหาว่าเอนไซม์ใดที่อาจทำให้ตับเสียหาย
- การทำงานของไต: ตรวจเลือดเพื่อดูค่าครีเอตินีน (creatinine) เนื่องจากการทำงานของไตอาจลดลงในช่วงระยะหลังๆ ของโรคตับแข็ง (โรคตับแข็งระยะล้มเหลว)
- ตรวจเลือดเพื่อหาโรคไวรัสตับอักเสบบี แลโรคไวรัสตับอักเสบซี
- ตรวจไอเอ็นอาร์ (INR test) เพื่อดูการแข็งตัวของเลือด
คุณหมออาจจะทำการตรวจด้วยวิธีถ่ายภาพแบบอื่น เพื่อวินิจฉัยโรคตับแข็งเพิ่มเติม อย่างเช่น
- ตรวจวัดความยืดหยุ่นของตับ ด้วย MRE (Magnetic resonance elastography) หรือการสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก หรือเทคนิค transient elastography (FibroScan) การตรวจด้วยวิธีถ่ายภาพที่ไม่ล่วงล้ำเข้าสู่ร่างกายเหล่านี้สามารถระบุอาการแข็งหรือเกร็งของตับได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเจาะตรวจชิ้นเนื้อเยื่อตับ
- การตรวจด้วยวิธีถ่ายภาพแบบอื่น เช่น เอ็มอาร์ไอ (MRI) ซีที สแกน (CT) และการอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) เพื่อถ่ายภาพของตับ
- การตรวจชิ้นส่วนเนื้อเยื่อ (biopsy) นั้นไม่จำเป็นต่อการวินิฉัยโรคตับแข็ง แต่หมออาจจำเป็นต้องทำ เพื่อให้ทราบแน่ชัดถึงระดับความรุนแรง ขอบเขต และสาเหตุของการเกิดโรคตับแข็ง
หากคุณป่วยเป็นโรคตับแข็ง คุณหมอมักจะแนะนำวิธีการตรวจวินิจฉัยแบบทั่วไป เพื่อสังเกตดูสัญญาณการพัฒนาของโรค โดยเฉพาะสัญญาณการเกิดโรคหลอดเลือดในหลอดอาหารโป่งพอง (esophageal varices) และโรคมะเร็งตับ
วิธีรักษาโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา
วิธีการรักษาตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการและขอบเขตความเสียหายของตับ เป้าหมายคือการลดการลุกลามของการเกิดแผลเป็นที่เนื้อเยื่อ และป้องกันหรือดูแลอาการและภาวะแทรกซ้อนของโรคตับ คุณอาจจะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หากคุณมีอาการรุนแรง
วิธีการรักษาโรคตับแข็งที่ต้นเหตุ
ในระยะแรกของโรคตับแข็งอาจสามารถลดระดับความเสียหายของตับที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยการรักษาที่ต้นเหตุดังต่อไปนี้
- ลดน้ำหนัก ผู้ที่เป็นโรคตับแข็งที่มาจากภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์อาจจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นถ้าหากเขาลดน้ำหนักและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และจำเป็นต้องบริโภคโปรตีนให้เพียงพอในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักเพื่อจัดการกับโรคตับแข็งนี้ด้วย
- ใช้ยาเพื่อควบคุมโรคไวรัสตับอักเสบ ยานั้นอาจสามารถลดความเสียหายของตับ ที่เกิดขึ้นจากโรคไวรัสตับอักเสบบี และโรคไวรัสตับอักเสบซี ด้วยการรักษาเฉพาะได้
- ใช้ยารักษาสาเหตุและอาการอื่นๆ ของโรคตับแข็ง โดยที่ยาอาจจะไปลดอาการของโรคตับแข็งบางชนิดได้ เช่น คนที่มีโรคตับแข็งทางเดินน้ำดี (primary biliary cirrhosis) แล้วตรวจเจอตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งการใช้ยารักษานี้ก็อาจจะช่วยชะลออาการของโรคตับแข็งได้
- การใช้ยาเพื่อรักษาอาการเฉพาะบางอย่าง เช่น อาการคัน อาการเหนื่อยล้า และอาการปวด อาจมีการให้อาหารเสริมเพื่อตอบโต้กับภาวะขาดสารอาหารที่เกิดขึ้นเพราะโรคตับแข็ง และป้องกันโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
วิธีการรักษาอาการแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง
หมอจะรักษาอาการของโรคแทรกซ้อนต่างๆ ดังนี้
- ของเหลวส่วนเกินในร่างกาย การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำและยาเพื่อป้องกันการสะสมของน้ำในร่างกาย อาจช่วยควบคุมอาการท้องมานและบวม หากมีการสะสมของเหลวในร่างกายขั้นรุนแรง อาจต้องจำเป็นใช้วิธีบางอย่างเพื่อถ่ายน้ำออก หรือแทรกแซงเพื่อลดความดัน เช่น การใช้ท่อเล็กๆ ทำการขยายหลอดเลือดดำที่ตับผ่านทางหลอดเลือดดำที่ต้นคอ (TIPS) เพื่อลดความดันเลือด และชะลอความเร็วในการสะสมของของเหลว
- ความผิดปกติของหลอดเลือดพอร์ทัลในตับ (Portal hypertension) ยารักษาความดันเลือดบางชนิดอาจเพิ่มความดันในหลอดเลือดที่ส่งไปยังตับ และป้องการอาการเลือดไหลรุนแรงได้ โดยที่คุณหมอจะส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้น เพื่อดูหาหลอดเลือดขนาดใหญ่ที่มีเลือดออก ในหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร หากคุณมีอาการหลอดเลือดโป่ง อาจต้องรับยาเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก หากคุณไม่สามารถทนรับยา หรือมีอาการของหลอดเลือดโป่งที่มีเลือดออก คุณอาจต้องทำการรัดหนังยาง (band ligation) เพื่อหยุดหรือลดความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก ในกรณีรุนแรง อาจต้องทำการขยายหลอดเลือดดำที่ตับ ผ่านทางหลอดเลือดดำที่ต้นคอ เพื่อลดความดันเลือด และป้องกันไม่ให้เลือดมากกว่าเดิม
- คุณอาจได้รับยาปฏิชีวนะหรือยาอื่นๆ เพื่อรักษาอาการติดเชื้อ และรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และตับอักเสบ
- ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งตับที่เพิ่มขึ้น คุณหมออาจจะแนะนำให้ทำการตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ทุกๆ 6 เดือนเพื่อหาสัญญาณการเกิดมะเร็งตับ
- โรคสมองจากโรคตับ (Hepatic encephalopathy) คุณอาจได้รับใบสั่งยา เพื่อช่วยป้องกันการสะสมของสารพิษในเลือด เนื่องจากการทำงานที่บกพร่องของตับ
การปลูกถ่ายตับ
ในกรณีรุนแรงของโรคตับแข็ง ซึ่งตับไม่สามารถทำงานได้อีกแล้ว อาจจำเป็นต้องมีการปลูกถ่ายตับ โดยปกติแล้วจะพิจารณาตัวเลือกนี้ ก็ต่อเมื่อมีอาการดีซ่าน (jaundice) ท้องมาน (ascites) หลอดเลือดในหลอดอาหารโป่งพอง (bleeding varices) โรคสมองจากโรคตับ (Hepatic Encephalopathy) ไตวาย (kidney dysfunction) หรือโรคมะเร็งตับ (liver cancer) แล้วจึงปลูกถ่ายตับที่แข็งแรงมาจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตไปแล้ว โรคตับแข็งเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการปลูกถ่ายตับ
ผู้ที่จะบริจาคตับต้องผ่านการตรวจร่างกายว่า สุขภาพดีพอที่จะทำให้การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการเยียวยาตนเองที่ช่วยรับมือโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา
ไลฟ์สไตล์และการเยียวยาด้วยตนเองต่อไปนี้ อาจจะช่วยคุณรักษาโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุราได้
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าสาเหตุของการเกิดโรคตับแข็งของคุณจะมาจากพิษสุราเรื้อรัง หรือเชื้อโรคอื่นๆ ก็ตาม ควรที่จะหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายที่ตับมากไปกว่าเดิมได้
- รับประทานอาการที่มีโซเดียมต่ำ เนื่องจากเกลือส่วนเกินสามารถทำให้เกิดการสะสมน้ำ และทำให้ท้องและขามีอาการบวมมากขึ้น ควรใช้สมุนไพรเพื่อปรุงอาหารโซเดียมต่ำ แทนการใช้เกลือ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โรคตับแข็งทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร และการสูญเสียกล้ามเนื้อ วิธีการรับมือที่ดีที่สุดคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งผักและผลไม้ต่างๆ และโปรตีน คำแนะนำที่อาจจะเก่าแต่ยังใช้การได้ดีก็คือ เลือกรับประทานโปรตีนไร้ไขมัน เช่น ถั่วเม็ดแห้ง สัตว์ปีก และปลา พยายามหลีกเลี่ยงอาหารดิบ
- พยายามหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เนื่องจากโรคตับแข็งทำให้การรักษาอาการติดเชื้อเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น คุณสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยการล้างมือบ่อยๆ และรับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ และโรคไวรัสตับอักเสบบี ไข้หวัดใหญ่ และโรคปอดบวม
- ใช้ยาที่ซื้อได้เองจากร้านอย่างระมัดระวัง เนื่องจากโรคตับแข็งจะทำให้ตับจัดการกับยาได้ยากยิ่งขึ้น จึงควรปรึกษากับแพทย์เสมอก่อนการใช้ยาใดๆ หลีกเลี่ยงยาประเภทแอสไพรินและไอบูโพรเฟน (ยี่ห้อ Advil ยี่ห้อ Motrin IB หรืออื่นๆ) หากคุณมีอาการบาดเจ็บที่ตับ คุณหมอมักจะแนะนำให้คุณใช้ยาที่มีอะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) ในปริมาณต่ำ เช่น ไทลินอลหรือ อื่นๆ
หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจให้ดีขึ้นถึงทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmr]