ข้ออักเสบจากการติดเชื้อ (Septic Arthritis) คือการติดเชื้อในข้อต่อ เกิดขึ้นเมื่อเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปยังบริเวณข้อต่อหรือของเหลวรอบ ๆ ข้อต่อ ที่เรียกว่า น้ำไขข้อ การติดเชื้อมักเริ่มต้นที่บริเวณส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และแพร่กระจายผ่านทางเลือดไปยังเนื้อเยื่อข้อต่อ
คำจำกัดความ
ข้ออักเสบจากการติดเชื้อ (Septic Arthritis) คืออะไร
ข้ออักเสบจากการติดเชื้อ (Septic Arthritis) คือการติดเชื้อในข้อต่อ เกิดขึ้นเมื่อเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปยังบริเวณข้อต่อหรือของเหลวรอบๆ ข้อต่อ ที่เรียกว่า น้ำไขข้อ การติดเชื้อมักเริ่มต้นที่บริเวณส่วนอื่น ๆของร่างกาย และแพร่กระจายผ่านทางเลือดไปยังเนื้อเยื่อข้อต่อ
อย่างไรก็ตามข้ออักเสบจากการติดเชื้อ อาจเกิดจากการได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อต่อทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ข้อต่อโดยตรง ส่งผลให้ผู้ป่วย มีอาการปวดบวมบริเวณข้อต่อ มีไข้ รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
พบได้บ่อยเพียงใด
โรคข้ออักเสบจากการติดเชื้อพบได้บ่อยในผู้สูงอายุและเด็กทารก
อาการของข้ออักเสบจากการติดเชื้อ
อาการของโรคข้ออักเสบติดเชื้อ
อาการของโรคข้ออักเสบติดเชื้อ อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอายุและยาที่รับประทาน โดยมีลักษณะอาการ ดังต่อไปนี้
- มีอาการปวดอย่างรุนแรงเมื่อเริ่มเคลื่อนไหว
- อาการบวมของข้อต่อ
- ไข้
- หนาวสั่น
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- ความอยากอาหารลดลง
- หัวใจเต้นเร็ว
- รู้สึกหงุดหงิด
ควรไปพบหมอเมื่อใด
หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของข้ออักเสบติดเชื้อ
โรคข้ออักเสบติดเชื้อส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัส (Staphylococcus) สเตรปโตค็อคคัส (Streptococcus) โดยแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
นอกจากนี้อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากขั้นตอนการผ่าตัดหัวเข่า รวมถึงเชื้อแบคทีเรียกอื่น ๆ ที่ก็ให้เกิดโรคดังกล่าวนี้ เช่น ไวรัสตับอักเสบเอ บี และซี เชื้อพาร์โวไวรัส บี 19 เชื้อเอชไอวี (HIV) เชื้อไวรัสอะดีโน เชื้อไวรัสคอกแซกกี้ (Coxsackie virus) เชื้อไวรัสคางทูม และเชื้อราฮิสโตพลาสโมซิส เชื้อราบลาสโตไมโคซิส เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงของข้ออักเสบติดเชื้อ
- เป็นโรคมะเร็ง
- โรคเบาหวาน
- สูบบุหรี่
- มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ที่ผิดกฎหมาย
- มีบาดแผลเปิด
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
- โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythrematosus; SLE)
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยข้ออักเสบจากการติดเชื้อ
ในเบื้องต้นแพทย์จะสอบถามประวัติและตรวจดูอาการข้อต่อของผู้ป่วย หากมีอาการเข้าข่ายต่อโรคดังกล่าว แพทย์จะตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยวิธีดังนี้
- เก็บตัวอย่างน้ำไขข้อ ด้วยการสอดเข็มเข้าไปในข้อต่อเพื่อเก็บตัวอย่างน้ำไขข้อ
- เก็บตัวอย่างเลือด การเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อตรวจเม็ดเลือดขาวว่ามีเชื้อแบคทีเรียอยู่ในกระแสเลือดหรือไม่
- ทดสอบโดยภาพ การทดสอบเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์เห็นตำแหน่งความผิดปกติได้ชัดเจนขึ้น เช่น การเอกซเรย์ (X-Ray) ตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging : MRI) การตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computerized Tomography Scan : CT SCAN) เวชศาสตร์นิวเคลียร์ (Nuclear scans)
การรักษาข้ออักเสบจากการติดเชื้อ
วิธีการรักษาข้ออักเสบจากการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์อาจเริ่มต้นด้วยการจ่ายยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งจะได้ผลเร็วกว่าการจ่ายยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หลังการรักษาด้วยปฏิชีวนะครั้งแรก รวมถึงวิธีการรักษาแบบอื่น ๆ เช่น ใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ กายภาพบำบัด เป็นต้น
ในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจทำการระบายน้ำไขข้อด้วยวิธี อาร์โทรสโคปี้ (Arthroscopy) ซึ่งเป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ใช้เครื่องมือเล็ก ๆเจาะรูเข้าไปในข้อ แล้วมองภาพจากกล้องเพื่อดูดของเหลวที่ติดเชื้อออกจากข้อต่อ ทำให้แผลดูเล็ก ช่วยบรรเทาอาการปวด บวม และป้องกันความเสียหายของข้อต่อ
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรักษาข้ออักเสบจากการติดเชื้อ
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรักษาข้ออักเสบจากการติดเชื้อด้วยการรักษาสุขอนามัย หากมีอาการบาดเจ็บ หรือแผลควรหมั่นล้างทำความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ