ข้าวฟ่างมีแคลเซียมสูงซึ่งมีคุณสมบัติเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก รวมถึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนเนื่องจากการขาดแคลนแคลเซียม โดยเฉพาะข้าวฟ่างสามง่าม (Finger Millet) ที่มีแคลเซียมสูงกว่าธัญพืชอื่น ๆ ราว 5-30 เท่า การบริโภคข้าวฟ่างจึงอาจช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกได้
งานวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย และการบริโภคอาหารเสริมที่มีข้าวฟ่างสามง่ามเป็นส่วนผสมหลัก ต่อความหนาแน่นของมวลกระดูกของผู้หญิงวัยทอง เผยแพร่ในวารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine ปี พ.ศ. 2564 นักวิจัยได้แบ่งเพศหญิงซึ่งอยู่ในช่วงวัยทองและมีความหนาแน่นของมวลกระดูกอยู่ในระดับต่ำจำนวน 150 รายออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกให้ออกกำลังกาย 5 วัน/สัปดาห์ ส่วนอีกกลุ่มให้บริโภคอาหารเสริมที่มีข้าวฟ่างสามง่ามเป็นส่วนประกอบหลัก 3 วัน/สัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือนเท่ากัน
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาทดลอง นักวิจัยได้ตรวจระดับแคลเซียมและเอนไซม์อัลคาไลน์ ฟอสฟาเตส (Alkaline Phosphatase) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความหนาแน่นของกระดูก ในร่างกายของกลุ่มทดลองทั้ง 2 กลุ่ม พบว่าผู้หญิงวัยทองทั้ง 2 กลุ่มมีความหนาแน่นของมวลกระดูกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า การบริโภคข้าวฟ่าง ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกในผู้หญิงวัยทองได้ เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย
ข้อควรระวังในการบริโภค ข้าวฟ่าง
ข้าวฟ่างมีสารต้านสารอาหาร (Antinutrients) หรือสารที่ออกฤทธิ์ขัดขวางหรือรบกวนการดูดซึมสารอาหารบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย เช่น กรดไฟทิก (Phytic Acid) ซึ่งจะออกฤทธิ์รบกวนการดูดซึมธาตุอาหารโพแทสเซียม แคลเซียม เหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียม จึงควรรับประทานอย่างระมัดระวัง และไม่มากเกินไป
ทั้งนี้ ปริมาณข้าวฟ่างที่เหมาะสมสำหรับบริโภคต่อวันอยู่ที่ประมาณ 90-100 กรัม
นอกจากนั้น ข้าวฟ่างมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งยับยั้งการทำงานของต่อมไทรอยด์ และอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคคอพอกได้
ดังนั้น ก่อนบริโภคข้าวฟ่าง ควรแช่ข้าวฟ่างในน้ำสะอาดข้ามคืน เพื่อลดปริมาณสารเคมีในข้าวฟ่างซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย