ใยอาหารอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากใยอาหารมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลโดยรวมและคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ทั้งยังทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Chiropractic Medicine เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2560 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของใยอาหารที่มีส่วนในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด พบว่า การบริโภคใยอาหารเพิ่มขึ้นช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ใยอาหารยังช่วยลดความเข้มข้นของคอเลสเตอรอลรวมและคอลเลสเตอรอลไม่ดีในกระแสเลือด
4. อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
การรับประทานใยอาหารเพิ่มขึ้นอาจช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินที่ทำหน้าที่รักษาระดับน้ำตาลในเลือด จึงอาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Chiropractic Medicine เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของการบริโภคใยอาหารที่มีผลต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่า การบริโภคใยอาหารสูงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและไม่เพิ่มการผลิตอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยชะลอกระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้
5. อาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
ใยอาหารอาจช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทั้งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of the Academy of Nutrition and Dietetics เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของใยอาหารที่มีผลต่อสุขภาพ พบว่า การบริโภคใยอาหารอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และกรดไขมันสายสั้นที่พบในใยอาหาร เช่น กรดบิวทิริก (Butyrate) ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพของเซลล์เยื่อบุผิวลำไส้ใหญ่และทวารหนัก นอกจากนี้ เส้นใยละลายน้ำยังอาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม เนื่องจาก ใยอาหารอาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งที่เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน และลดการทำงานของเอนไซม์ที่กระตุ้นการสลายของคาร์โบไฮเดรต (β-glucuronidase) ในระบบย่อยอาหาร ส่งผลให้มีการขับเอสโตรเจนในอุจจาระเพิ่มขึ้น
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยใยอาหาร
ใยอาหารแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เส้นใยที่ละลายน้ำได้และเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ ดังนี้
- เส้นใยที่ละลายน้ำได้ มีคุณสมบัติคล้ายเจล สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด โดยข้าวโอ๊ต ถั่วลันเตา ถั่ว แอปเปิ้ล สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ส้ม แครอท ข้าวบาร์เลย์ เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใยที่ละลายน้ำได้
- เส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ เส้นใยชนิดนี้อาจช่วยส่งเสริมการทำงานและการเคลื่อนไหวของลำไส้ในการลำเลียงอาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ และช่วยป้องกันอาการท้องผูก โดยแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ เช่น แป้งโฮลวีต รำข้าวสาลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี คะน้า ถั่วเขียว มันฝรั่ง แตงกวา มะเขือเทศ ข้าวกล้อง พืชตระกูลถั่ว
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย