ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นข้าวสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 ทำให้ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีสีม่วงเข้ม กลิ่นหอม และมีรสหวาน ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารและใยอาหารสูงที่ดีต่อสุขภาพลำไส้และระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและอาจช่วยป้องกันมะเร็งได้
[embed-health-tool-bmr]
คุณค่าทางโภชนาการของข้าวไรซ์เบอร์รี่
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ กี่แคล สำหรับข้าวไรซ์เบอร์รี่ปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 390 กิโลแคลอรี่ และประกอบด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น
- คาร์โบไฮเดรต 80 กรัม
- ไฟเบอร์ 4 กรัม
- โปรตีน 8 กรัม
- วิตามินอี 0.68 มิลลิกรัม
นอกจากนี้ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ ธาตุเหล็ก สังกะสี โซเดียม โอเมก้า 3 โฟเลต (Folate) เบต้าแคโรทีน โพลีฟีนอล (Polyphenol) แทนนิน (Tannin)
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ มีประโยชน์อย่างไร
ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของข้าวไรซ์เบอร์รี่ในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้
-
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยป้องกันโรคเมตาบอลิซึม
โรคเมตาบอลิซึม (Metabolic Syndrome) คือ ภาวะผิดปกติของระบบเผาผลาญในร่างกายที่อาจเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคอ้วน ซึ่งข้าวไรซ์เบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดโดยเฉพาะแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) อาจมีส่วนช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคเมตาบอลิซึมได้
ผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูงมีโอกาสเกิดสภาวะหัวใจล้มเหลวสูง ในการศึกษาการใช้น้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่แบบระยะสั้นและระยะยาว (8 สัปดาห์) พบว่า กลุ่มที่ได้รับน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่นั้นมีระดับ LDL (ไขมันเลว) ลดลงและ HDL (ไขมันดี) เพิ่มขึ้น พร้อมกับมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระในเลือดที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตราความเสี่ยงต่อโรคหัวใจลดลง
วิตามินอี เบต้าแคโรทีน ลูทีน เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ยังช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) และลดระดับไขมันเลว (LDL) ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงการทำงานของเมตาบอลิซึมที่ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น อาจช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคอ้วนได้ ทั้งนี้ ยังคงเป็นการทดลองในสัตว์ ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของข้าวไรซ์เบอร์รี่ในการป้องกันโรคเมตาบอลิซึม
-
อาจช่วยป้องกันมะเร็ง
ข้าวไรซ์เบอร์รี่อุดมไปด้วยสารประกอบหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน ลูทีน (Lutein) โพลีนอล (Polyphenols) แทนนิน (Tannin) คาเทชิน (Catechin) ที่อาจมีคุณสมบัติต้านการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็ง และอาจกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง จึงอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งได้
โดยมีบทความวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารออนไลน์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ศึกษาเกี่ยวกับข้าวไรซ์เบอร์รี่ อาหารเสริมและสุดยอดอาหารต้านอนุมูลอิสระของประเทศไทย พบว่า ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นข้าวที่มีสารสำคัญหลากหลาย ซึ่งพบในปริมาณที่สูงกว่าข้าวกล้องและข้าวขาว ได้แก่ เบต้าแคโรทีน (185 mg/100g) ลูทีน (224 mg/100g) โพลีฟีนอล (946 mg/g) แทนนิน (201 mg/g) แคเทชิน (439 mg/100g) และวิตามิน B1 B2 B3 B9 โดยเฉพาะโฟเลต (48 mg/100g)
การสกัดสารออกฤทธิ์จากรำข้าวไรซ์เบอร์รี่ใช้ตัวทำละลาย (dichloromethane และ methanol) ร่วมกับเทคนิค ultrasonic และ เอนไซม์ พบสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ (apigenin) ไฟโตสเตอรอล และ ไตรเทอร์พีนอยด์ ซึ่งมีรายงานว่ามีศักยภาพต้านเซลล์มะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ข้อควรระวังในการบริโภคข้าวไรซ์เบอร์รี่
ข้าวไรซ์เบอร์รี่อุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพจึงปลอดภัยที่จะรับประทานในทุกเพศทุกวัย รวมทั้งผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร อย่างไรก็ตาม ข้าวไรซ์เบอร์รี่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตประเภทแป้ง เมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้น แม้ว่าข้าวไรซ์เบอร์รี่จะมีน้ำตาลน้อยและใยอาหารสูงกว่าข้าวขาว แต่ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อสุขภาพที่ดี โดยปริมาณที่แนะนำของข้าวไรซ์เบอร์รี่ คือ ประมาณ 7-8 ทัพพี/วัน แต่อาจลดลง 2 ทัพพี หากรับประทานร่วมกับอาหารประเภทแป้งชนิดอื่น เช่น ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง พาสต้า แซนวิช