จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Osteoporosis International ปี พ.ศ. 2560 ที่ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการรับประทานโยเกิร์ตมากขึ้นกับการเพิ่มขึ้นของความหนาแน่นของกระดูกและการทำงานของร่างกายในผู้สูงอายุ โดยวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกบริเวณสะโพก ต้นขา คอ กระดูกสันหลัง ค่าชีวเคมีกระดูก (Bone Biomarkers) และ การทำงานของร่างกายในผู้สูงอายุทั้งผู้ชายและผู้หญิงอายุ 60 ปี จำนวน 4,310 คน กลุ่มที่รับประทานโยเกิร์ตมากอาจมีมวลกระดูกและสมรรถภาพทางกายหรือการเคลื่อนไหวต่าง ๆ มากกว่ากลุ่มที่รับประทานโยเกิร์ตน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังอาจมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนลดลง 39% ในผู้หญิง และ 52% ในผู้ชาย
อัลมอนด์ 100 กรัม เป็นอาหารที่มีแคลเซียม 273 มิลลิกรัม และยังมีสารอาหารอื่น ๆ เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก ที่อาจช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน ช่วยป้องกันกระดูกเปราะบางแตกหักง่าย
จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients ปี พ.ศ. 2563 ที่ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของอัลมอนด์ต่อสุขภาพ พบว่า อัลมอนด์อุดมไปด้วย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และมีไขมันดีที่อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหลอดเลือดหัวใจ
นอกจากนี้ ยังมีอีกการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition Research and Practice ปี พ.ศ. 2563 โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับประทานโพแทสเซียมกับความหนาแน่นของมวลกระดูกและโรคกระดูกพรุนในผู้ใหญ่ชาวเกาหลี ที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2554 ของผู้ชาย 3,590 คน และผู้หญิง 5,142 คน รวมทั้งสิ้น 8,732 คน พบว่า การบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงอาจส่งผลดีต่อสุขภาพกระดูกและอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังไม่พบความเกี่ยวข้องระหว่างระดับของโพแทสเซียมในอาหารและความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้ชาย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักกาด ผักบุ้ง ตำลึง ผักโขม ขึ้นฉ่าย ปวยเล้ง กะเพรา เป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูง และมีวิตามินซี วิตามินเค วิตามินอี และวิตามินเอ ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง โรคโลหิตจาง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคมะเร็งบางชนิด และอาจเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจ ระบบประสาทและสมอง
จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Neurology Journal ปี พ.ศ. 2561 ที่ศึกษาเกี่ยวกับสารอาหารและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพในผักใบเขียวและภาวะสมองเสื่อม โดยให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบ 960 คน อายุ 58-99 ปี ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความถี่ในการรับประทานอาหาร พบว่า การรับประทานอาหารที่มีผักใบเขียวอย่างน้อย 1 มื้อ/วัน อาจช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของระบบประสาทและสมองในด้านความรู้ความเข้าใจ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย