แอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นน้ำส้มสายชูที่ได้จากการนำน้ำแอปเปิ้ลหรือผลแอปเปิ้ลสดมาหมักรวมกับยีสต์ สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้หลากหลาย มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เนื่องจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีกรดอยู่มากจึงไม่ควรดื่มโดยตรง เพราะอาจทำลายสารชั้นเคลือบฟัน นำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพช่องปาก
[embed-health-tool-bmr]
แอปเปิ้ลไซเดอร์ คืออะไร
แอปเปิ้ลไซเดอร์ คือน้ำสมสายชูที่ได้จากกระบวนการหมักจากผลแอปเปิ้ลกับยีสต์ ก่อให้เกิดกรดอะซิติก (Acetic Acid) หรือกรดน้ำส้มที่มีรสชาติเปรี้ยวและมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย สามารถนำมาปรุงอาหารหรือรับประทานควบคู่กับสลัด เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับกรดมากเกินไปควรรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์เพียง 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน และไม่ควรนำมาดื่มโดยตรง นอกจากนี้ แอปเปิ้ลไซเดอร์ยังมีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ที่ช่วยเสริมสร้างประโยชน์ให้แก่ร่างกาย ดังนี้
- โปรตีน เป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยเพิ่มพลังงานและช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทั่วทั้งร่างกาย อีกทั้งยังช่วยสร้างแอนติบอดีเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ ป้องกันอาการเจ็บป่วย และสร้างเซลล์ใหม่ให้แข็งแรง โดยแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ถ้วย อาจมีโปรตีนในปริมาณ 0.3 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต หากรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอย่างพอดี อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากการย่อยอาหารเป็นน้ำตาลหรือกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดที่เป็นเชื้อเพลิงให้ร่างกายทำกิจกรรมในแต่ละวันได้คล่องตัว สำหรับแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ถ้วย อาจมีคาร์โบไฮเดรต 28 กรัม
- ไฟเบอร์ เป็นใยอาหารที่พบได้มากในผลไม้ เพื่อช่วยบรรเทาอาหารท้องผูก รักษาน้ำหนัก ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด ในแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ถ้วยอาจทำให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์ 0.5 กรัม
- วิตามินซี เป็นหนึ่งในสารอาหารที่เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกายจากสารอนุมูลอิสระที่อาจนำไปสู่โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบ โรคหลอดเลือด อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างของคอลลาเจน ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กเพื่อบำรุงกระดูก
- วิตามินเอ เป็นสารอาหารที่ช่วยในด้านการมองเห็น ช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เช่น จอประสาทตาเสื่อม และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ปกป้องเซลล์ในร่างกายจากอนุมูลอิสระที่สร้างความเสียหายนำไปสู่โรคมะเร็ง โรคหัวใจ
- โพแทสเซียม อาจมีส่วนช่วยควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ไตและอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ให้ทำงานเป็นไปตามปกติ
- แคลเซียม มีส่วนช่วยบำรุงกระดูก หัวใจ กล้ามเนื้อ เส้นประสาทให้แข็งแรง ควบคุมการทำงานให้เป็นไปตามปกติ
- เหล็ก เป็นแร่ธาตุอาหารที่ช่วยนำส่งออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทั่วทั้งร่างกาย ป้องกันภาวะโลหิตจาง
ประโยชน์ของแอปเปิ้ลไซเดอร์
ประโยชน์จากการรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีดังนี้
-
ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
แอปเปิ้ลไซเดอร์อาจช่วยชะลอหรือหยุดกระบวนการออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ที่อาจนำไปสู่การก่อตัวของคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดง และเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
-
ป้องกันปัญหาในระบบย่อยอาหาร
ถึงแม้แอปเปิ้ลไซเดอร์จะมีปริมาณไฟเบอร์เพียง 0.5 กรัม/1 ถ้วยตวง แต่ก็อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ลำไส้แปรปรวน เสริมสร้างกระบวนการย่อยอาหารให้ดีขึ้น
-
ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งบางชนิด
สารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในแอปเปิ้ลไซเดอร์อาจช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ลดโอกาสเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ทำลายเซลล์ และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม
-
ลดน้ำหนัก
จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นพบว่า กรดอะซิติก (Acetic Acid) ที่เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำส้มสายชูอาจช่วยยับยั้งการสะสมของไขมันในร่างกาย โดยทดสอบในคนญี่ปุ่นที่เป็นโรคอ้วน 3 กลุ่ม คัดคนที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกันบริโภคเครื่องดื่ม 500 มิลลิลิตร โดยกลุ่มแรกดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำส้มสายชู 15 มิลลิลิตร กลุ่มที่ 2 ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำส้มสายชู 30 มิลลิลิตร กลุ่มที่ 3 ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำส้มสายชู 0 มิลลิกรัมและยาหลอก ผลปรากฏว่าระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ค่าดัชนีมวลกาย น้ำหนักตัว รอบเอว และปริมาณไขมันของผู้ที่ดื่มน้ำส้มสายชูต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก
-
ลดระดับน้ำตาลในเลือด
แอปเปิ้ลไซเดอร์มีโพลีฟีนอล (Polyphenols) ที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ ต่อสู้กับอนุมูลอิสระ อาจช่วยลดความเสี่ยงการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทำให้ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน และป้องกันภาวะไขมันในเลือดผิดปกติได้
ข้อควรระวังการรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์
เนื่องจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูงอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพในช่องปากทำลายสารเคลือบฟัน เจ็บคอ ปวดท้อง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ยากขึ้น และอาจลดประสิทธิภาพของยากับยาบางชนิดที่ใช้ร่วมอยู่ เช่น ยาขับปัสสาวะ ยารักษาโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หากมีความกังวลใจอาจเข้าตรวจสุขภาพจากคุณหมอว่าร่างกายเหมาะสมกับการรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์หรือไม่
นอกจากนี้ การรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์อาจทำให้ร่างกายได้รับแบคทีเรียซาลโมเนลล่า (Salmonella) อีโคไล (E. coli) ที่เป็นอันตราย หากแอปเปิ้ลไซเดอร์ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ ดังนั้น จึงควรตรวจสอบฉลากข้างผลิตภัณฑ์ว่ามีเครื่องหมายยืนยันว่าผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อแล้วหรือไม่ และอ่านคำแนะนำการรับประทาน การเก็บรักษาเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกซื้อ