ขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย หากร่างกายมีระดับโซเดียมย่อมส่งผลให้มีความดันโลหิตสูงเช่นเดียวกัน ช่วยผ่อนคลายความตึงของหลอดเลือด ลดความเสี่ยงความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคโพแทสเซียมและผลกระทบต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ตีพิมพ์ในวารสาร The BMJ ปี พ.ศ. 2556 นักวิจัยได้ศึกษาผลการทดลองและผลการศึกษาจำนวนหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคโพแพสเซียม และผลกระทบต่อความดันโลหิต ไขมันในเลือด การทำงานของไต รวมถึงโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
นักวิจัยได้ข้อสรุปว่า การบริโภคโพแทสเซียมในปริมาณมากขึ้น อาจช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงได้ โดยไม่ส่งผลเสียต่อความเข้มข้นของไขมันในเลือด ความเข้มข้นของฮอร์โมนแคทีโคลามีน (Catecholamine) และการทำงานของไต
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่า การได้รับโพแทสเซียมในปริมาณที่ร่างกายต้องการ ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม นอกจากโพแทสเซียมจะมีประโยชน์ต่อการควบคุมความดันโลหิตแล้ว โพแทสเซียมยังมีความสำคัญต่อร่างกายในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- สัมพันธ์กับการทำงานของกระแสประสาท กระแสประสาทเป็นคลื่นในระบบประสาทที่ส่งผ่านคำสั่งจากสมองให้ไปควบคุมการทำงานของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเต้นของหัวใจหรือการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทั้งนี้ กระแสประสาทเกิดจากการเคลื่อนที่ของไอออนของธาตุโพแทสเซียม ดังนั้น การที่ร่างกายมีระดับโพแทสเซียมในเลือดลดลง จึงมักส่งผลให้สมองไม่สามารถส่งกระแสประสาทได้ตามปกติ
- ลดความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน โรคกระดูกพรุนมักเกิดกับผู้ที่ร่างกายมีระดับแคลเซียมต่ำ การบริโภคโพแทสเซียมซึ่งมีคุณสมบัติลดการขับแคลเซียมทางปัสสาวะจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้
- ป้องกันโรคนิ่วในไต นิ่วในไตเกิดจากการสะสมของสารอาหารต่าง ๆ เช่น แคลเซียม ในปัสสาวะ ทั้งนี้ โพสแทสเซียมมีคุณสมบัติลดการขับแคลเซียมทางปัสสาวะจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในไตได้
ใน 1 วันควรบริโภคโพแทสเซียมเท่าไร
ใน 1 วัน ร่างกายคนเราควรบริโภคโพแทสเซียมให้เพียงพอตามเกณฑ์ในแต่ละช่วงอายุดังต่อไปนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย