นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition and Metabolism พ.ศ. 2562 ศึกษาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารตามสี พบว่า การอักเสบเรื้อรังมีความสัมพันธ์ต่อการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันที่บกพร่องและผิดปกติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด ความผิดปกติทางระบบประสาท และภาวะอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อชีวิต ผักและผลไม้สีแดง เช่น แตงโม แอปเปิ้ล เซอร์รี่ แครนเบอร์รี่ มักมีสารพฤกษเคมี เช่น ไลโคปีน แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ไฟเซติน (Fisetin) ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันโดยลดการติดเชื้อ
อาจลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
การรับประทานแอปเปิ้ลอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของฟลาโวนอยด์ในแอปเปิ้ลอาจปกป้องเซลล์จากความเสียหายในตับอ่อน ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ในการหลั่งอินซูลินเพื่อตอบสนองต่อน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้น จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Medical Research and Health Sciences พ.ศ. 2562 ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแอปเปิ้ลไซเดอร์และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ภาวะไขมันในเลือดสูง และการควบคุมน้ำหนักตัวในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่า กรดอะซิติก (Acetic Acid) ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในแอปเปิ้ลไซเดอร์มีส่วนช่วยในการลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือด และต้านโรคอ้วนในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food & Function พ.ศ. 2560 ศึกษาเกี่ยวกับการรับประทานแอปเปิ้ลและลูกแพร์และความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่า การรับประทานแอปเปิ้ลและลูกแพร์มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ประมาณ 18% และการรับประทานแอปเปิ้ลและลูกแพร์เพิ่มขึ้น 1 ครั้ง/สัปดาห์ อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณ 3%
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย