Multivitamin and mineral หรือ วิตามินรวมและแร่ธาตุ เป็นอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมวิตามินรวมแต่ละยี่ห้ออาจมีคุณสมบัติ ประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงอาจมีปริมาณวิตามิน แร่ธาตุ และส่วนผสมอื่น ๆ ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการผลิตว่าต้องการให้วิตามินรวมชนิดนั้นเน้นประโยชน์ในด้านใด ดังนั้น จึงควรอ่านฉลากที่ระบุข้างผลิตภัณฑ์หรือสอบถามคุณหมอก่อนรับประทานเสมอ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากอาหารเสริมอย่างเหมาะสม เนื่องจากหลักการของการให้อาหารเสริม คือ ถ้าร่างกายไม่ได้ขาดสารอาหารนั้น ๆ การได้รับอาหารเสริมก็มักไม่ได้ให้ประโยชน์เพิ่มเติม
Multivitamin and mineral คืออะไร
Multivitamin and mineral คือ อาหารเสริมที่ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดรวมกัน หรืออาจมีส่วนผสมของสารอารหารอื่น ๆ ด้วย เช่น กรดอะมิโน กรดไขมัน โคเอนไซม์คิว 10 (Coenzyme Q10) โปรไบโอติก (Probiotics) กลูโคซามีน (Glucosamine) มีจำหน่ายในหลายรูปแบบทั้งแบบแคปซูล แบบผง และแบบน้ำ โดยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินรวมและแร่ธาตุไม่สามารถทดแทนการรับประทานอาหารในแต่ละวันได้ จึงควรรับประทานอาหารที่หลากหลายให้ครบ 5 หมู่ก่อนเสมอ หลังจากนั้นหากร่างกายเสี่ยงเกิดภาวะขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ จึงค่อยพิจารณาการรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริม โดยควรปรึกษาคุณหมอก่อนเสมอ
ประโยชน์ของ Multivitamin and mineral ต่อสุขภาพ
อาจดีต่อการทำงานของสมอง
การรับประทานอาหารเสริม Multivitamin อาจมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง และอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประสาทในด้านความทรงจำได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ใน Journal of Alzheimer’s Disease เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการรับประทานวิตามินรวมต่อประสิทธิภาพการรับรู้จากงานวิจัยหลาย ๆ ฉบับ พบว่า พบว่า ผู้ที่รับประทานวิตามินรวมเป็นประจำมีความจำระยะสั้นดีขึ้น (ความจำระยะสั้นคือประมาณ 3-5 นาที) อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผลยืนยันประสิทธิภาพในการช่วยการทำงานของสมองในด้านอื่น ๆ และยังต้องการการศึกษาอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไป
อาจดีต่อสุขภาพดวงตา
งานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2550 ศึกษาเกี่ยวกับอาหารเสริมวิตามินรวมและโรคจอตาเสื่อม พบว่า การใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินรวมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน และสังกะสี รวมถึง อาหารที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะลูทีน (Lutein) ซีแซนทีน (Zeaxanthin) และกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยลดความเสี่ยง ปกป้อง และชะลอความเสื่อมของจอประสาทตาได้ แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
อาจช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
งานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 ศึกษาเกี่ยวกับอาหารเสริมวิตามินรวมและแร่ธาตุต่อการทำงานของภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี โดยให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหารเสริมวิตามินรวมและแร่ธาตุทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ จากนั้นตรวจวัดแร่ธาตุและวิตามินในเลือด ตรวจความเข้มข้นของภูมิคุ้มกัน ตรวจการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น การฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และตรวจสถานะสุขภาพโดยรวม จากการศึกษาพบว่า การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันไม่ได้แตกต่างกันมากนัก (โดยผู้วิจัยให้เหตุผลว่าอาจเกิดจากปัญหาทางเทคนิค) แต่พบว่าผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินรวมและแร่ธาตุมีระยะเวลาการเจ็บป่วยน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก ผู้วิจัยจึงสรุปผลว่า ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงในการขาดวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น การรับประทานอาหารเสริมวิตามินรวมและแร่ธาตุอาจช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ในผู้ที่มีความเสี่ยงในการขาดสารอาหารดังกล่าว แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
ข้อควรระวังในการบริโภค
การรับประทานอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุอาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่มากเกินไปในแต่ละวัน ก่อนรับประทานจึงควรปรึกษาคุณหมอก่อนเสมอ
นอกจากนี้ อาจมีข้อควรระวังในการรับประทานอาหารเสริม เช่น
- ผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยมีประวัติสูบบุหรี่ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมที่มีเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอจำนวนมาก เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมวิตามินเอในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะพิการแต่กำเนิด
- การรับประทานอาหารเสริมแร่ธาตุบางชนิด เช่น เหล็ก ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องผูก อาเจียน และเป็นลมได้
- ผู้ที่รับประทานยารักษาโรค ควรปรึกษาคุณหมอก่อนรับประทานอาหารเสริมวิตามินรวม เนื่องจากวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดในอาหารเสริมอาจขัดขวางการออกฤทธิ์และการดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกาย
[embed-health-tool-bmr]