backup og meta

น้ำผึ้ง ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

น้ำผึ้ง ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

น้ำผึ้ง เป็นของเหลวสีเหลืองใส ลักษณะข้นเหนียวและมีรสหวาน ซึ่งผึ้งผลิตจากน้ำหวานของดอกไม้ หรือน้ำหวานที่แมลงบางชนิดหลั่งออกมา โดยทั่วไป กลิ่น รสชาติ และความเข้มอ่อนของสีเหลืองของน้ำผึ้งมักแตกต่างกันไปตามชนิดดอกไม้ที่ผึ้งไปเอาน้ำหวานมา ทั้งนี้ การบริโภคน้ำผึ้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น อาจช่วยบรรเทาอาการไอ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดไขมันในเลือด ป้องกันโรคอ้วน

[embed-health-tool-bmi]

คุณค่าทางโภชนาการของ น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 304 กิโลแคลอรี่ รวมถึงสารอาหารต่าง ๆ ดังนี้

  • คาร์โบไฮเดรต 82.4 กรัม
  • โปรตีน 0.3 กรัม
  • โพแทสเซียม 52 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม 6 มิลลิกรัม
  • โซเดียม 4 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 2 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 0.5 มิลลิกรัม
  • ฟลูออรีน 7 ไมโครกรัม

นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ซีลีเนียม (Selenium) ทองแดง สังกะสี กับวิตามินอื่น ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 โฟเลต (Folate)

ประโยชน์ของน้ำผึ้งต่อสุขภาพ

น้ำผึ้งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัติของน้ำผึ้งในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้

อาจช่วยบรรเทาอาการไอ

การบริโภคน้ำผึ้งอาจช่วยบรรเทาอาการไอได้ เพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและจุลินทรีย์ต่าง ๆ ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาแก้ไออย่างเดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan)

นักวิจัยได้ศึกษาผลการศึกษาจำนวน 14 ชิ้น ซึ่งเผยแพร่ทางวารสารหรือฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ

พบข้อสรุปว่า การบริโภคน้ำผึ้ง อาจมีประสิทธิภาพบรรเทาอาการไอ รวมถึงอาการป่วยอื่น ๆ จากการติดเชื้อในทางเดินหายใจ ที่อาจได้ผลดีกว่าการดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ปฏิบัติกันทั่วไป

นอกจากนี้ น้ำผึ้งอาจมีฤทธิ์ชะลอการดื้อยาของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ด้วย

อาจช่วยป้องกันกลุ่มอาการเมแทบอลิก

กลุ่มอาการเมแทบอลิก (Metabolic Syndrome) หมายถึงอาการป่วยต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด ทั้งนี้ การบริโภคน้ำผึ้ง อาจช่วยป้องกันกลุ่มอาการนี้ได้ เนื่องจากน้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านโรคอ้วน โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง และภาวะความดันโลหิตสูง

ระบุว่ามีผลการศึกษาในห้องปฏิบัติการและในมนุษย์จำนวนมาก ที่รายงานว่าน้ำผึ้งมีคุณสมบัติป้องกันกลุ่มอาการเมแทบอลิกในผู้บริโภค โดยคุณสมบัติของน้ำผึ้งที่อาจช่วยบรรเทาอาการของกลุ่มอาการเมแทบอลิก อย่างรอบเอวขนาดใหญ่ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ภาวะความดันโลหิตสูง และภาวะไตรกลีเซอไรด์สูง มีดังต่อไปนี้

  • ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มสูงขึ้นทันทีหลังจากบริโภค เนื่องจากมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ
  • ป้องกันโรคอ้วน หรือภาวะน้ำหนักตัวมากเกินไป
  • กระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
  • กระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น และป้องกันตับอ่อนทำงานหนักเกินไป
  • ป้องกันเยื่อบุผนังหลอดเลือดทำงานผิดปกติ

อาจช่วยเยียวยาบาดแผลและรอยไหม้

น้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านแบคทีเรีย และต้านการอักเสบ ดังนั้น การทาน้ำผึ้งบริเวณที่เป็นแผล จึงอาจช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูบาดแผลได้

ระบุว่า น้ำผึ้งที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ (Medical-grade Honey) อาจช่วยฟื้นฟูบาดแผลได้ เนื่องจากมีประสิทธิภาพต้านจุลชีพ และยังไม่พบจุลชีพใดที่ต้านทานฤทธิ์ของน้ำผึ้งได้

นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังปลอดภัย และมีราคาประหยัด โดยเฉพาะเมื่อใช้รักษาบาดแผลหลาย ๆ รูปแบบ

อาจดีต่อสุขภาพหัวใจ

นักวิจัยได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของน้ำผึ้ง จากผลการศึกษาจำนวน 25 ชิ้น และพบข้อสรุปว่า น้ำผึ้งอาจมีศักยภาพต้านโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • ลดความดันโลหิต
  • ฟื้นอัตราการเต้นของหัวใจ
  • ลดการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ
  • กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน
  • ลดการตายของเซลล์อย่างเป็นระบบ (Apoptosis)

ข้อควรระวังในการบริโภคน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมาย แต่มีข้อควรระวังในการบริโภค ดังนี้

  • น้ำผึ้งไม่เหมาะกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 เดือน เพราะเด็กช่วงวัยดังกล่าวมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่ำ และในน้ำผึ้งมีสปอร์ของแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดโรคโบทูลิซึม (Botulism) ได้
  • น้ำผึ้งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้ได้ แม้จะพบได้น้อยมาก
  • น้ำผึ้งมีน้ำตาลฟรุกโตสในปริมาณค่อนข้างสูง หากบริโภคมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อระดับไขมันในเลือด และการหลั่งอินซูลินได้ ทั้งนี้ ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้มีไขมันในเลือดสูง ควรบริโภคน้ำผึ้งอย่างระมัดระวัง
  • หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร สามารถบริโภคน้ำผึ้งได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคในปริมาณมาก และควรบริโภคผักและผลไม้ให้หลากหลายเพื่อบำรุงร่างกายและเพื่อให้ร่างกายและทารกในครรภ์ได้รับปริมาณสารอาหารครบถ้วน

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32817011/. Accessed 27 Feb 2023

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6115915/. Accessed 27 Feb 2023

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8496555/. Accessed 27 Feb 2023

https://www.heart.org/en/news/2020/11/05/is-honey-healthy-how-to-make-sure-you-dont-get-stung. Accessed 27 Feb 2023

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7277934/.Accessed 27 Feb 2023

เวอร์ชันปัจจุบัน

27/02/2023

เขียนโดย Duangkamon Junnet

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

น้ำผึ้งผสมมะนาว สมุนไพรพื้นบ้าน ที่ช่วยบรรเทา อาการไอ ได้

ทารกกินน้ำผึ้ง เป็นอันตรายอย่างไร


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย Duangkamon Junnet · แก้ไขล่าสุด 27/02/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา