backup og meta

แกงเขียวหวานไก่ เมนูอร่อยที่มาพร้อมประโยชน์

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 28/06/2022

    แกงเขียวหวานไก่ เมนูอร่อยที่มาพร้อมประโยชน์

    แกงเขียวหวาน เป็นเมนูอาหารไทยยอดนิยมที่มีสีเขียวสวยเนื่องจากพริกเขียว มีรสชาติกลมกล่อม รับประทานง่าย อีกทั้งยังประกอบไปด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มะเขือพวง มะเขือเปราะ พริกแกงเขียวหวาน ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ซึ่งล้วนแต่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันอาหารไม่ย่อย ช่วยลดระดับความดันโลหิต และอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากอาจมีคอเลสเตอรอลสูง ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

    ประโยชน์สุขภาพจาก แกงเขียวหวาน

    ประโยชน์ของแกงเขียวหวานได้มาจากวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มีอยู่ในแกงเขียวหวาน ตัวอย่างเช่น

    • มะเขือพวง

    มะเขือพวงอาจช่วยป้องกันมะเร็งปอดได้ นอกจากนี้ มะเขือพวงยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด การกินมะเขือพวงเป็นประจำทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานลดลง รวมถึงช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง ท้องเสีย ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็งได้ด้วย

    • มะเขือเปราะ

    มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลาย เช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม เหล็ก โปรตีน วิตามินเอ วิตามินซี กินแล้วช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนัง ช่วยควบคุมความดันโลหิต ช่วยให้อินซูลินทำงานได้อย่างเป็นปกติ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้ รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน จึงทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้นด้วย

    อย่างไรก็ตาม มะเขือพวงและมะเขือเปราะ จัดเป็นผักที่พบสารพิษตกค้างสูง ฉะนั้น ก่อนนำมาประกอบอาหารควรล้างให้สะอาด โดยแช่น้ำเปล่า หรือน้ำผสมผสมน้ำส้มสายชู ด่างทับทิม เบกกิ้งโซดา ประมาณ 15 นาที จึงค่อยล้างโดยให้น้ำไหลผ่านจนสะอาด เพื่อป้องการยาฆ่าแมลงที่อาจจะติดอยู่

    การเลือกซื้อวัตถุดิบอื่น ๆ

    วัตถุดิบอื่น ๆ เช่น เนื้อไก่ ก็ต้องเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หากอยากลดไขมัน ควรเลือกใช้เนื้อส่วนอก น้ำกะทิ หากซื้อแบบกะทิกล่องควรดูวันหมดอายุให้ดี หรือถ้าซื้อแบบน้ำกะทิคั้นสดในตลาด ก็ต้องเลือกร้านที่สะอาด และคั้นจากมะพร้าวสด ๆ

    ข้อแนะนำเพิ่มเติมคือ ควรให้เลือกซื้อน้ำกะทิที่คั้นใหม่สด ๆ อย่าซื้อแบบที่คั้นไว้นานแล้ว เพราะกะทิอาจบูดได้ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน และเก็บในตู้เย็น เพราะกะทิก็เป็นส่วนผสมหลัก ที่ทำให้ตัวของรสชาติแกงมีความอร่อย

    สูตรแกงเขียวหวานไก่

    ส่วนผสมพริกแกงเขียวหวาน

    • พริกขี้หนูสวนสีเขียว        15 กรัม
    • พริกชี้ฟ้าสีเขียว เอาเมล็ดออกหั่นหยาบ     20 กรัม
    • เกลือป่น                  5 กรัม
    • ข่าหั่นละเอียด         5 กรัม
    • ตะไคร้ซอย             15 กรัม
    • ผิวมะกรูดหั่นละเอียด      3 กรัม
    • รากผักชีหั่นละเอียด        5 กรัม
    • ผักชีทั้งต้นหั่นฝอย          5 กรัม
    • หอมแดงซอยหยาบ        20 กรัม
    • กระเทียมซอยหยาบ        30 กรัม
    • พริกไทยเม็ด       2 กรัม
    • ลูกผักชีคั่วป่น      5 กรัม
    • ยี่หร่าคั่วป่น        3 กรัม
    • กะปิ      5 กรัม

    วิธีทำพริก แกงเขียวหวาน

    1. โขลกพริกขี้หนู พริกชี้ฟ้ากับเกลือป่นให้ละเอียด
    2. ใส่ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด รากผักชี ผักชี หอมแดง กระเทียม พริกไทย ตามลำดับ โขลกจนละเอียด
    3. ใส่ลูกผักชี ยี่หร่า กะปิ โขลกจนเข้ากัน

    ส่วนผสมอื่น

    • เนื้อไก่               500 กรัม
    • หัวกะทิ              600 กรัม
    • หางกะทิ            720 กรัม
    • มะเขือพวง         100 กรัม
    • มะเขือเปราะ      300 กรัม
    • ใบมะกรูด           3 กรัม
    • ใบโหระพา         40 กรัม
    • พริกชี้ฟ้าสีเขียว สีแดง สีเหลือง     60 กรัม
    • น้ำปลา              30 กรัม
    • น้ำตาลปี๊บ         10 กรัม
    • น้ำมันพืช           30 กรัม

    วิธีทำ แกงเขียวหวานไก่

    1. หั่นเนื้อไก่ชิ้นพอคำ เด็ดขั้วมะเขือพวง ฉีกใบมะกรูดเป็นชิ้น เด็ดใบโหระพา พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ
    2. เคี่ยวเนื้อไก่กับหางกะทิจนสุกนุ่ม ยกลง
    3. ผัดน้ำพริกแกงเขียวหวานกับน้ำมันพืช ใช้ไฟอ่อน พอหอมค่อย ๆ เติมหัวกะทิ 480 กรัม ผัดให้น้ำพริกหอมและแตกมัน
    4. ตักเนื้อไก่ที่เคี่ยวไว้ลงผัดในน้ำพริก ใส่ใบมะกรูด ผัดให้เข้ากัน
    5. ตักใส่หม้อหางกะทิ ตั้งไฟจนเดือด ใส่มะเขือพวง มะเขือเปราะ ใช้ทัพพีกดมะเขือพวงให้จมน้ำแกง สีของมะเขือจะไม่คล้ำ
    6. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พอเดือด ใส่พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา ใส่หัวกะทิที่เหลือ 120 กรัม ยกลง
    7. ตักใส่ชาม จัดเสิร์ฟ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 28/06/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา