backup og meta

อาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิต และการดูแลตัวเอง

อาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิต และการดูแลตัวเอง

อาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เป็นระยะที่อันตรายที่สุด และอาจมีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เกิดขึ้นในระหว่างที่เป็นหวาน เช่น ไตวายเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ การติดเชื้อรุนแรง หากปล่อยไว้เป็นเวลานานโดยไม่รักษาหรือควบคุมอาการเบาหวานให้ดีขึ้น ก็อาจส่งผลให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว จนนำไปสู่อาการโคม่าและถึงแก่ชีวิตได้

[embed-health-tool-bmr]

ระยะของเบาหวาน

ระยะของเบาหวาน แบ่งออกตามประเภทของโรคเบาหวาน ดังนี้

โรคเบาหวานชนิดที่ 1

  • ระยะที่ 1 เป็นระยะที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเข้าโจมตีเซลล์ในตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน อาจไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ และยังคงมีระดับน้ำตาลในเลือดปกติ
  • ระยะที่ 2 เป็นระยะที่ร่างกายเริ่มมีอินซูลินไม่เพียงพอต่อการจัดการกับน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่อาจไม่มีอาการอื่น ๆ แสดงให้เห็น
  • ระยะที่ 3 เป็นระยะที่อาจมีอาการปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำมาก ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น ตาพร่ามัว อ่อนเพลีย เมื่อยล้าอย่างรุนแรง และน้ำหนักลดลงกะทันหัน

โรคเบาหวานชนิดที่ 2

  • ระยะที่ 1 เป็นระยะที่ร่างกายไม่สามารถนำอินซูลินมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเรียกอีกอย่างว่า ภาวะดื้ออินซูลิน แต่ยังคงมีระดับน้ำตาลในเลือดปกติ
  • ระยะที่ 2 เป็นระยะเข้าสู่ภาวะก่อนเบาหวาน โดยอาจมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ประมาณ 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เมื่อตรวจน้ำตาลหลังอดอาหาร และ 140-199 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เมื่อตรวจน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานสารละลายกลูโคส แต่ยังไม่เป็นโรคเบาหวาน
  • ระยะที่ 3 เป็นระยะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ โดยจะมีค่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือสูงกว่า เมื่อตรวจหลังอดอาหาร และ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป เมื่อตรวจหลังจากดื่มสารละลายกลูโคสและการตรวจแบบสุ่ม ที่เพิ่มความเสี่ยงนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนหากไม่รีบรักษา
  • ระยะที่ 4 เป็นระยะที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจ หัวใจล้มเหลว เส้นประสาทบางส่วนถูกทำลาย ส่งผลให้มือและเท้าชา

เบาหวานระยะสุดท้าย

หากปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 500-1,000 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป เป็นเวลานาน อาจนำไปสู่อาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เช่น ไตวายเรื้อรัง หัวใจเต้นผิดปกติ หลอดเลือดหัวใจเสียหาย บางคนอาจมีอาการชักและหมดสติ หรือเสียชีวิต

อาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิต 

อาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิต อาจสังเกตได้ดังนี้

  • รู้สึกกระหายน้ำและปัสสาวะบ่อยขึ้น

อาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิต อาจมีอาการกระหายน้ำและปัสสาวะบ่อยขึ้นกว่าเบาหวานในระยะแรก ซึ่งเกิดจากน้ำตาลส่วนเกินสะสมอยู่ในเลือดมากเกินไป ทำให้ไตทำงานมากขึ้นเพื่อขับน้ำตาลส่วนเกินออกผ่านทางปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขาดน้ำและกระหายน้ำมาก

  • เหนื่อยล้า

อาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมาก เป็นหนึ่งในอาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิตเนื่องจากร่างกายขาดพลังงานเพราะไม่สามารถดึงน้ำตาลในเลือดมาใช้เป็นพลังงานได้เพียงพอ อีกทั้งยังอาจมีอาการขาดน้ำ จึงส่งผลให้มีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่มีแรง

  • น้ำหนักลดลง

อาการเบาหวานระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิตอาจทำให้ร่างกายขาดพลังงานเนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดเป็นพลังงานได้ ร่างกายจึงเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้มาเป็นพลังงานแทน ส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลง

  • มองเห็นภาพซ้อน

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น อาจเกิดการดึงของเหลวออกจากเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงน้ำในเนื้อเยื่อของดวงตา ส่งผลให้การโฟกัสของดวงตาแย่ลงและมองเห็นภาพซ้อน หรือสายตาพร่ามัว หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษาอาจทำให้หลอดเลือดรอบดวงตาเสียหาย นำไปสู่ภาวะต้อกระจก ต้อหิน และอาจสูญเสียการมองเห็นได้

  • มือเท้าชา

เส้นประสาทอาจถูกทำลายเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจสังเกตได้จากอาการมือเท้าชา รู้สึกเสียว ปวดแสบปวดร้อนที่แขนและขา หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจทำให้เป็นอัมพาตได้

  • แผลหายช้าและติดเชื้อบ่อย

ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดไม่ดี จึงอาจส่งผลให้แผลในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานหายช้า นอกจากนี้ ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและช่องคลอด หรือเจ็บป่วยได้ง่าย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

  • ไตวาย

เนื่องจากไตมีหน้าที่สำคัญในการกรองของเสียออกจากเลือด หากไตได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมากอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ โดยอาจสังเกตได้จากแขนและขาบวมน้ำ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย อาเจียน หายใจหอบ เหนื่อยล้า หัวใจเต้นผิดปกติ และอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการฟอกไต หรือปลูกถ่ายไต

การดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับอาการเบาหวานระยะสุดท้าย

การดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับอาการเบาหวานระยะสุดท้าย มีดังนี้

  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอและเข้ารับการตรวจสุขภาพตามที่คุณหมอกำหนดทุกครั้ง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด เช่น การรับประทานยารักษาเบาหวาน ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ฉีดอินซูลิน
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน เพราะอาจเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้อาการเบาหวานระยะสุดท้ายแย่ลง
  • ออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วัน/สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นการหลั่งอินซูลินมาช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และอาจช่วยบรรเทาภาวะดื้ออินซูลินได้
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และหยุดสูบบุหรี่

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Diabetes symptoms: When diabetes symptoms are a concern. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes/in-depth/diabetes-symptoms/art-20044248.Accessed August 09, 2022.

Diabetes. https://www.nhs.uk/conditions/diabetes/.Accessed August 09, 2022.

Diabetes. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes/symptoms-causes/syc-20371444.Accessed August 09, 2022.

Diabetes. https://medlineplus.gov/diabetes.html.Accessed August 09, 2022. 

What is Diabetes? https://www.cdc.gov/diabetes/basics/diabetes.html.Accessed August 09, 2022.

How Does Diabetes Affect Your Body? https://www.webmd.com/diabetes/risks-complications-uncontrolled-diabetes.Accessed August 09, 2022. 

เวอร์ชันปัจจุบัน

30/11/2022

เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ภาวะ แทรกซ้อน เบาหวาน มีอะไรบ้าง และวิธีป้องกัน

มือบวม เบาหวาน สาเหตุและการรักษา


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 30/11/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา