ขณะนี้ทั่วโลกกำลังหวาดกลัวอย่างหนัก เมื่อมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ อย่าง เชื้อโคโรนา (Coronavirus) หรือเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ที่กำลังระบาดอย่างรุนแรงในประเทศจีน ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ก่อนจะเริ่มมีการระบาดไปยังประเทศอื่นๆ โดยที่ในไทยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อไปแล้วกว่า 4 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อไวรัสมากกว่า 570 ราย และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 17 ราย โดยพบทั้งที่ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนได้ประกาศยืนยันแล้วว่า เชื้อโคโรนา นั้นสามารถติดต่อได้จากคนสู่คน ทั้งยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในช่วงตรุษจีนที่จะมาถึงนี้ เนื่องจากมีคนจีนเดินทางออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดทางการจีนได้ระงับขนส่งทั้งขาเข้าและขาออกจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ซ้ำรัฐบาลยังประกาศขอความร่วมมือ ไม่ให้ประชาชนในเมืองอู่ฮั่นกว่า 11 ล้านคน ออกจากเมือง ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีเหตุฉุกเฉิน
ขณะทุกประเทศกำลังร่วมมือกัน เพื่อหาวิธีการกำจัดและรักษาโรคนี้ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 นั้น ได้มีรายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (Centers for Disease Control and Prevention ; CDC) ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าพบตัวผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายแรกของสหรัฐอเมริกา เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี ที่อาศัยอยู่ในเมืองสโนโฮมิซ เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน หลังจากที่เดินทางกลับจากการไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เมืองอู่ฮั่น ก่อนจะล้มป่วยและเข้ารับการรักษาในภายหลัง
ทาง CDC ได้ยกระดับคำเตือนเรื่องการเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เป็น ระดับที่ 2 หมายถึง ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง และขยายมาตรการในการคัดกรองผู้โดยสารในสนามบินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 5 แห่ง คือท่าอากาศยานจอห์น เอฟ. เคนเนดี ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก ท่าอากาศยานนานาชาติแอตแลนตา และท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโก โอแฮร์
สำหรับที่ไทยนั้น เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมนายแพทย์สุขุม กาญจนาพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมประชุมทางไกลพร้อมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อหาทางและวางมาตรการรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
นายอนุทินได้มีการสั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ยกระดับมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคตามมาตรฐานสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ พร้อมทั้งยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเพื่อตอบโต้สถานการณ์เป็นระดับ 3 เพิ่มระบบการคัดกรองผู้ป่วยในสนามบิน จัดให้มีทีมแพทย์และบุคลากรที่ผ่านการอบรมในการตรวจวินิจฉัยโรค พร้อมทั้งห้องปฏิบัติการที่ทราบผลได้ภายใน 24 ชั่วโมง
ในขณะเดียวกันก็ขอความร่วมมือจากประชาชน ให้ระมัดระวังเรื่องของการติดเชื้อ หากจะเดินทางไปต่างประเทศ ควรให้ความสนใจดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงสถานที่ที่อาจจะมีซากสัตว์ป่าหรือสิ่งมีชีวิต หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีผู้คนแออัด ตลอดจนถึงระมัดระวัง ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไอ จาม หรือมีน้ำมูก สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และรับประทานอาหารที่ปรุงสุกร้อนแล้วเท่านั้น
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด