อาการลองโควิดในเด็ก (Long Covid) เป็นภาวะที่เด็กซึ่งหายจากโรคโควิด-19 แล้วยังมีอาการของโรคโควิด 19 อยู่หรือมีอาการใหม่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การรักษาทำได้ด้วยการรักษาตามอาการ โดยทั่วไป อาการลองโควิดจะดีขึ้นภายใน 1-5 เดือน แม้ภาวะนี้จะไม่รุนแรง แต่ก็เป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่จำเป็นต้องติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ทางที่ดีที่สุดคือ การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) หรือโรคโควิด 19 ตั้งแต่แรก ด้วยการให้เด็กฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ครบ 2 เข็ม และไปฉีดเข็มกระตุ้นตามคำแนะนำของคุณหมอ พร้อมกับรักษาสุขอนามัยให้ดี เช่น ล้างมือบ่อย ๆ สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
[embed-health-tool-vaccination-tool]
อาการลองโควิดในเด็ก เกิดจากอะไร
ในขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าอาการลองโควิดในเด็กเกิดจากสาเหตุใด แต่พบว่าอาการนี้เกิดขึ้นบ่อยกับเด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพบางประการ เช่น เด็กที่มีโรคอ้วน เด็กที่มีภาวะสุขภาพที่ทำให้ร่างกายจะอ่อนแอกว่าปกติ เช่น โรคหอบหืด โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) ทั้งนี้ เด็กที่มีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการเลยเมื่อเป็นโรคโควิด 19 ก็สามารถเกิดอาการลองโควิดได้เช่นกัน
อาการลองโควิดในเด็ก เป็นอย่างไร
อาการลองโควิดในเด็ก เป็นภาวะที่เด็กซึ่งหายจากโรคโควิด 19 คือไม่มีเชื้ออยู่ในร่างกายแล้ว ยังคงมีอาการของโรคหลงเหลืออยู่ หรือบางกรณีก็อาจเกิดอาการผิดปกติที่ไม่เคยเป็นตอนป่วยเป็นโรคโควิด 19 และมักไม่สามารถวินิจฉัยหาสาเหตุได้ ภาวะนี้มักพบในเด็กอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป โดยอาการอาจแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงของโรคโควิด 19 ดังนี้
- อ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะ
- วิงเวียนศีรษะเมื่อลุกขึ้นยืน
- เจ็บคอ
- ไอ
- มีไข้
- เจ็บหน้าอก
- ใจสั่น
- หายใจไม่สะดวก
- ไม่ได้กลิ่นหรือไม่สามารถรับรสชาติได้ตามปกติ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ปวดข้อต่อและกล้ามเนื้อ
- ซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
- ไม่มีสมาธิ
วิธีรักษา อาการลองโควิดในเด็ก
ขณะนี้ยังไม่มีวิธีรักษาอาการลองโควิดแบบเฉพาะเจาะจง การรักษาโดยทั่วไปจึงเป็นการรักษาตามอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเด็กให้ใกล้เคียงกับเด็กที่ไม่มีอาการลองโควิดมากที่สุด ในบางกรณีอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะรักษาจนหาย จึงมักส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเด็ก ทำให้เด็กไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เช่น ไม่ได้กลิ่นหรือรสชาติของอาหาร จนอาจทำให้ไม่อยากอาหารและเสี่ยงขาดสารอาหาร อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย จนไม่สามารถทำกิจกรรมในโรงเรียนได้ ซึ่งอาการเหล่านี้นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตแล้ว ยังอาจส่งผลต่อพัฒนาทางด้านสังคมของเด็กด้วย
วิธีดูแลเด็กที่มีอาการลองโควิดอย่างเหมาะสม
วิธีดูแลเมื่อเด็กมีอาการลองโควิด อาจมีดังนี้
- ให้เด็กดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 8-10 แก้ว/วัน
- ดูแลสุขอนามัยของเด็กให้ดีอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการพาเด็กไปยังสถานที่ที่คนพลุกพล่านหรือเสี่ยงได้รับเชื้อโรค
- ให้เด็กรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการพาเด็กเดินทางไกล เนื่องจากอาจทำให้เด็กเหนื่อยเกินไป
- ให้เด็กพักผ่อนอย่างเพียงพอในตอนกลางคืนไม่น้อยกว่า 7-8 ชั่วโมง
- สนับสนุนให้เด็กออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมทางกายเป็นประจำ เช่น เดินเล่นในสวนสาธารณะแถวบ้าน ทั้งนี้ ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสมรรถภาพทางกายของเด็กด้วย
- หากเด็กมีอาการเจ็บป่วยที่รักษาเบื้องต้นด้วยการรับประทานยาแก้ปวดแล้วไม่หาย ควรพาเด็กไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุเพิ่มเติมและรับการรักษาที่เหมาะสม
ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ของโรคโควิด 19 ในเด็ก
นอกจากอาการลองโควิดแล้ว ยังมีภาวะแทรกซ้อนหลังหายจากโรคโควิด 19 อีกชนิดหนึ่งที่มักเกิดในเด็ก เรียกว่า ภาวะมิสซี (Multisystem Inflammatory Syndrome in Children หรือ MIS-C) ซึ่งเป็นภาวะอักเสบทั่วร่างกายที่เกิดจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคโควิด 19 สูงเกินไป และปล่อยสารชักนำการอักเสบออกมามากจนส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น หัวใจ หลอดเลือด เกิดการอักเสบ และมีอาการเบื้องต้น เช่น มีไข้ มีผื่นคัน อ่อนเพลีย ตาแดง อาเจียน ท้องเสีย แม้ภาวะนี้จะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่หากอาการอักเสบรุนแรงอาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ยาก เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด ไตทำงานผิดปกติ หรือเกิดภาวะอื่น ๆ ที่เสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หากพบว่าเด็กที่หายจากโรคโควิด 19 มีอาการที่อาจเป็นสัญญาณของอาการลองโควิด ภาวะมิสซี หรือมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ควรพาไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม และหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอวัยวะสำคัญในร่างกาย โดยเฉพาะหัวใจและหลอดเลือด