ในยุคปัจจุบันคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ ยุคใหม่ หลายครอบครัวให้ลูกดูการ์ตูนหรือรายการเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ แต่แม้อุปกรณ์เหล่านี้จะมีประโยชน์ แต่หาก เด็กใช้เวลาอยู่หน้าจอ มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็กได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรจำกัดเวลาในการใช้งานให้เหมาะสม อย่าให้ลูกใช้เวลาอยู่หน้าจอมากจนเกินไป
[embed-health-tool-vaccination-tool]
เด็กใช้เวลาอยู่หน้าจอ มากเกินไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
สุขภาพร่างกาย เมื่อ เด็กใช้เวลาอยู่หน้าจอ
การใช้เวลาอยู่หน้าจอสามารถทำให้ดวงตามีปัญหาได้ เช่น มีอาการแสบตา คันตา ตาล้า หรือหากเด็กใช้เวลาอยู่หน้าจอติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป ก็อาจทำให้มีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ตาพร่า มองเห็นภาพซ้อน หรือปวดคอได้
แสงสีฟ้ากับสายตาเด็ก
ในความยาวคลื่นและพลังงาน แสงสีฟ้า (Blue light) ถือว่าใกล้เคียงกับแสงยูวี ซึ่งทำให้เป็นที่น่ากังวลว่าจะเกิดความเสียหายจากการเจอแสงสีฟ้าสะสมเป็นเวลานาน เนื่องจากดวงตาของเด็ก ๆ มักจะมีความสามารถในการมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ เพราะเลนส์ธรรมชาติของดวงตามีขนาดเล็กและชัดเจน
แสงสีฟ้าอาจส่งไปยังเรติน่าของดวงตาของเด็ก ๆ ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ จึงสามารถทำให้ดวงตาเกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ แสงสีฟ้ายังสามารถรบกวนการนอนหลับ และนาฬิกาชีวภาพ (Circadian rhythm) หากเด็ก ๆ ใช้เวลาอยู่หน้าจอใกล้เกินไปในช่วงเวลาก่อนเข้านอน
สมองด้านความรู้ความเข้าใจ
งานวิจัยที่ศึกษาในเด็กอายุ 8-11 ปี จำนวน 4,500 คน เมื่อเดือนกันยายนปี 2016 ถึงเดือนกันยายนปี 2017 ซึ่งทีมวิจัยได้ให้เด็ก ๆ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ 3 ข้อของ Canadian guidelines ที่เผยแพร่ในปี 2016 ได้แก่ จำกัดการใช้เวลาหน้าจอ นอนหลับให้เพียงพอ และออกกำลังกาย ผลการศึกษาพบว่าเด็ก 37% สามารถทำตามคำแนะนำได้ นั่นคือ ใช้เวลาอยู่หน้าจอน้อยกว่าวันละ 2 ชั่วโมง และเด็ก ๆ 18% สามารถออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น นอกจากนี้ โดยเฉลี่ยแล้วเด็กจะใช้เวลา 3.6 ชั่วโมงต่อวันในการอยู่หน้าจอ
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังพบว่า เด็กที่สามารถทำตามคำแนะนำได้ มีความรู้ความเข้าใจ (Cognition) ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กกลุ่มที่ไม่ได้ทำตามคำแนะนำ โดยคำแนะนำดังกล่าว ได้แก่
- ใช้เวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมงในการใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต
- นอนหลับ 9-11 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน
ทีมวิจัยมีข้อสมมติฐานว่า การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป อาจส่งผลต่อความสามารถในการจดจ่อของเด็ก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขาต้องสลับการใช้งานไปมา ระหว่างแอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์ หรือสลับหน้าจอในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ การนอนหลับและการออกกำลังกายยังมีส่วนเกี่ยวข้องกัน เนื่องจากการนอนหลับมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสมอง และยังมีงานวิจัยที่ชี้ว่า การออกกำลังกายเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง และเพิ่มออกซิเจนให้เนื้อเยื่อสมอง รวมถึงเพิ่มการเชื่อมต่อของเครือข่ายในสมอง ซึ่งการใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปอาจส่งผลทางอ้อม คือทำให้เด็ก ๆ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ และออกกำลังกายน้อยเกินไปเนื่องจากใช้เวลาอยู่หน้าจอทั้งวัน
คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง
ในระยะสั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นกับดวงตา เช่น ตาพร่า ปวดตา จะดีขึ้นหากให้เด็กพักจากการดูหน้าจอต่าง ๆ แต่หากลูกมีปัญหาสายตา ควรปรึกษาคุณหมอ
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจใช้กฎ 20-20-20 กล่าวคือ เมื่อลูกอยู่หน้าจอครบ 20 นาที ควรพักสายตา 20 วินาที และมองไปที่อื่นที่ไกลออกไป 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) โดยผู้ปกครองต้องไม่ลืมสังเกตปัจจัยเหล่านี้ด้วย
- ลูกใช้เวลาอยู่หน้าจอบ่อยแค่ไหน
- ลูกใช้เวลาอยู่หน้าจอนานเท่าไหร่
- ลูกดูอะไร
สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า เด็กอายุ 2-5 ปีควรจำกัดเวลาในการอยู่หน้าจออยู่ที่ 1 ชั่วโมง/วัน และควรดูสื่อที่มีคุณภาพ และนอกจากการดูสื่อต่าง ๆ แล้ว การเล่นเกมเสริมการเรียนรู้ในแท็บเล็ต หรือทำกิจกรรมกับหน้าจอโทรศัพท์ ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง/วัน ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีไม่ควรใช้เวลาอยู่หน้าจอโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ถ้าลูกอยู่ในวัยเรียน ไม่ควรให้ลูกใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป โดยควรใช้เวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมง/วัน