อาการแสบร้อนช่องคลอด อาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพบางประการที่ควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยทั่วไป วิธีรักษาอาการแสบช่องคลอด จะแตกต่างกันไปตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ หากสังเกตว่าตัวเองมีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาเภสัชกรหรือพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
[embed-health-tool-bmi]
อาการแสบช่องคลอด เกิดจากสาเหตุใดบ้าง
อาการแสบช่องคลอด อาจเกิดจากหลายสาเหตุต่อไปนี้
-
ภาวะวัลโวดีเนีย (Vulvodynia)
เป็นภาวะปวดบริเวณช่องคลอดเรื้อรังที่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้อย่างแน่ชัด แต่อาจเกิดจากปัจจัยกระตุ้นที่เกี่ยวกับการสัมผัส เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การใส่ผ้าอนามัยแบบสอด ทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือรู้สึกเจ็บบริเวณช่องคลอด บางครั้งอาจปวดลามไปทั่วอวัยวะเพศและทวารหนัก
-
อาการระคายเคืองช่องคลอด
อาการระคายเคืองช่องคลอดจากการใช้สิ่งของที่ทำให้ช่องคลอดระคายเคืองเช่น ถุงยางอนามัย ผ้าอนามัยแบบแผ่น ผ้าอนามัยแบบสอด น้ำยาซักผ้า สเปรย์กำจัดขน ครีม สบู่ กระดาษชำระที่มีน้ำหอม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอด รวมถึงการสวนล้างช่องคลอด อาจทำให้ช่องคลอดและบริเวณโดยรอบระคายเคือง และมีอาการแสบช่องคลอดได้
-
โรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis)
เกิดจากภายในช่องคลอดมีแบคทีเรียชนิดไม่ดีอย่างแบคทีเรียแอนแอโรบส์ (Anaerobes) มากเกินไป ส่งผลให้แบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล และทำให้มีอาการแสบ คัน ระคายเคืองช่องคลอด ร่วมกับมีตกขาวเป็นสีเทา สีเขียว หรือสีขาวจขุ่น ที่อาจส่งกลิ่นเหม็นคาว
-
โรคเชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis)
มักเกิดจากเชื้อแคนดิดา แอลบิแคนส์ (Candida albicans) อาจทำให้เกิดอาการช่องคลอดและปากช่องคลอดแสบร้อนหรือบวมแดง มีตกขาวเป็นก้อนแป้งที่ไม่มีกลิ่น แต่จะรู้สึกคัน ระคายเคือง และอาจรู้สึกแสบหรือปวดขณะมีเพศสัมพันธ์หรือถ่ายปัสสาวะ
- โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Disease หรือ STD)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่อไปนี้ อาจทำให้เกิดอาการแสบช่องคลอด
- โรคหนองในเทียม (Chlamydia) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย (Chlamydia trachomatis) อาจทำให้เจ็บหรือแสบร้อนขณะถ่ายปัสสาวะ
- โรคหนองใน (Gonorrhea) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae) อาจทำให้คันปากช่องคลอด เจ็บหรือแสบขณะถ่ายปัสสาวะ
- โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว และอาจทำให้มีอาการแสบร้อนช่องคลอด
- โรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) ทำให้มีอาการคัน ระคายเคือง แสบร้อนช่องคลอด
-
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection หรือ UTI)
เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลต่ออวัยวะหลายส่วนในระบบทางเดินปัสสาวะ แต่ชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้มีอาการปวดหรือแสบร้อนเวลาปัสสาวะ ถ่ายปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมีเลือดปน
เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงจะทำให้ผนังช่องคลอดบางและแห้งลง และอาจทำให้มีช่องคลอดระคายเคือง คัน และอาการแสบช่องคลอดเนื่องจากมีของเหลวหล่อเลี้ยงน้อยลง โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้มีอาการอื่น ๆ เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน มีความต้องการทางเพศลดลง อารมณ์แปรปรวน ปวดศีรษะ
วิธีรักษาอาการแสบช่องคลอด
วิธีรักษาอาการแสบช่องคลอด สามารถทำได้ตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ดังนี้
- อาการแสบช่องคลอดจากภาวะวัลโวดีเนีย อาจรักษาด้วยการทาเจลหล่อลื่นก่อนการมีเพศสัมพันธ์ รับประทานยาตามที่คุณหมอสั่งให้ กายภาพบำบัด การบำบัดทางจิตวิทยาและการรับคำปรึกษา การผ่าตัด เป็นต้น
- อาการแสบช่องคลอดจากการระคายเคือง อาจรักษาและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำด้วยการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และงดการสวนล้างช่องคลอด สำหรับผู้ที่มีอาการจากการใช้ถุงยางอนามัยแนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเลือกชนิดถุงยางอนามัยที่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ง่าย
- อาการแสบช่องคลอดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย บางครั้งโรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียอาจหายไปได้เอง แต่ผู้ที่เป็นโรคนี้ควรไปพบคุณหมอและรับการรักษาด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันจนหมดตามปริมาณและระยะเวลาที่คุณหมอสั่ง เพื่อควบคุมปริมาณแบคทีเรียและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
- อาการแสบช่องคลอดจากการติดเชื้อรา อาจรักษาได้ด้วยการใช้ยาต้านเชื้อราในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ครีม ขี้ผึ้ง ยาเหน็บ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
- อาการแสบช่องคลอดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ยาต้านปรสิต (Antiparasitic drugs) หรือยาอื่น ๆ ตามโรคที่เป็นสาเหตุ ทั้งนี้ ควรรักษาให้หายโดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้นานอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระยะยาว เช่น ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic inflammatory disease หรือ PID) ภาวะมีบุตรยาก
- อาการแสบช่องคลอดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อาจรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยผู้ป่วยควรใช้ยาติดต่อกันให้หมดตามที่คุณหมอสั่งแม้ว่าอาการจะหายไปแล้วก็ตาม เพื่อกำจัดเชื้อให้หมดไป ป้องกันเชื้อดื้อยาและการกลับมาเป็นอีกในภายหลัง
- อาการแสบช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือน อาจรักษาได้ด้วยการใช้เอสโตรเจนชนิดเม็ดหรือครีมเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณช่องคลอด และการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บริเวณอวัยวะเพศภายนอก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และอาจช่วยลดอาการแสบช่องคลอดได้
วิธีป้องกันอาการแสบช่องคลอด
การดูแลช่องคลอดและอวัยวะเพศด้วยวิธีเหล่านี้ อาจช่วยป้องกันอาการแสบช่องคลอดได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม เช่น ผ้าอนามัย กระดาษชำระ สเปรย์ระงับกลิ่นช่องคลอด
- งดสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำให้ช่องคลอดระคายเคืองและแบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล จนติดเชื้อได้ง่าย
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำเปล่า และทำความสะอาดบริเวณภายนอกด้วยสบู่ที่ไม่มีน้ำหอม
- สวมกางเกงชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี และควรเปลี่ยนกางเกงในใหม่ทุกวัน
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หากอวัยวะเพศแห้ง ควรทาเจลหล่อลื่นก่อนมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดการเสียดสีและการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการแสบช่องคลอดจะดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการแกะเกาบริเวณที่มีอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบ