หน้าแก่ เพราะริ้วรอยก่อนวัย ผิวหนังเหี่ยวย่น และไม่เต่งตึง อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พฤติกรรมการดูแลผิวไม่ดี ความเครียด การแสดงสีหน้าเยอะเกินไป การสูบบุหรี่ หากอยากให้ผิวกลับมากระชับและริ้วรอยดูจางลง ควรศึกษาวิธีดูแลผิวให้เหมาะสมหรือเข้าพบคุณหมอ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
[embed-health-tool-bmr]
หน้าแก่ มีริ้วรอยก่อนวัย เกิดจากอะไร
หน้าแก่ มีริ้วรอยก่อนวัย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวอาจมีความยืดหยุ่นลดลงและผลิตน้ำมันตามธรรมชาติลดลง ส่งผลให้ผิวแห้ง มีริ้วรอย ผิวหนังหย่อนคล้อย และรอยแยกบริเวณร่องแกมและหน้าผากเห็นชัดเจนมากขึ้น
- รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด อาจทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่อยู่ใต้ผิวหนังชั้นแท้ ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวหย่อนคล้อยและก่อให้เกิดริ้วรอยที่ทำให้หน้าแก่
- สูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่อาจทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้มีริ้วรอยก่อนวัย
- การแสดงสีหน้าบ่อยเกินไป เช่น การหัวเราะ การยิ้ม อาจใช้งานกล้ามเนื้อบนใบหน้ามากเกินไปทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและเกิดเป็นร่องลึก โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มและหน้าผาก ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย
วิธีดูแลผิวเพื่อป้องกันหน้าแก่
วิธีดูแลผิวเพื่อป้องกันหน้าแก่ อาจทำได้ดังนี้
การดูแลผิวด้วยเทคนิคทางการแพทย์
- ยากลุ่มเรตินอยด์ทาเฉพาะที่ เช่น เตรทติโนอิน (Tretinoin) ทาซาโรทีน (Tazarotene) อะดาพาลีน (Adapalene) ใช้เพื่อช่วยลดริ้วรอยและรอยด่างดำ ลดความหยาบกร้านของผิว และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยควรใช้เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หรือตามที่คุณหมอกำหนด อย่างไรก็ตาม ยากลุ่มนี้อาจส่งผลให้เกิดอาการคัน ผิวแดง และแสบร้อนชั่วคราว โดยเฉพาะเมื่อผิวโดนแสงแดดหลังจากทายา ดังนั้น จึงควรทาครีมกันแดด สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิว หรือควรทายาในช่วงเวลาก่อนนอนเท่านั้น
- ครีมลดเลือนริ้วรอย เช่น กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) กรดแลคติก (Lactic Acid) ใช้เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ฉีดโบท็อกซ์ เป็นการฉีดสารที่สกัดจากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) ที่มีคุณสมบัติจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมกับกล้ามเนื้อใบหน้า และช่วยยึดกล้ามเนื้อใบหน้าเอาไว้ชั่วคราว ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงและอาจช่วยลดริ้วรอยได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ก่อนการฉีดโบท็อกซ์ควรศึกษาข้อมูลของสถานบริการและคุณหมอ รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการบวม รอยแดง และอาการแพ้รุนแรง
- ฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารที่ช่วยเติมเต็มผิวที่สังเคราะห์มาจากกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) เพื่อช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยบนใบหน้าให้ดูเต่งตึง เพิ่มความอ่อนวัย และช่วยแก้ปัญหาหน้าแก่ แต่อาจมีผลข้างเคียงคืออาการบวมแดง และรอยช้ำชั่วคราวหลังฉีด
- การเลเซอร์ คือการใช้ลำแสงที่มีความเข้มข้นสูงทำลายชั้นผิวด้านนอกสุดและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยก่อนวัยเล็กน้อย
- การกรอผิว คุณหมออาจใช้อุปกรณ์กรอผิวที่มีหนามเล็ก ๆ ติดอยู่กลิ้งไปมาบนผิว ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ผิวกระชับและอาจช่วยให้ริ้วรอยตื้นขึ้น
การดูแลผิวเพื่อป้องกันหน้าแก่ด้วยตัวเอง
- ปกป้องผิวจากแสงแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ก่อนออกจากบ้าน และควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือสวมเสื้อผ้าที่มีแขนขายาว สวมหมวกปีกกว้าง และสวมแว่นกันแดด เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
- บำรุงผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ป้องกันผิวแห้งที่อาจนำไปสู่การเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่อาจทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและหน้าแก่ และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคถุงลมโป่งพอง โดยสามารถปรึกษาคุณหมอถึงวิธีการเลิกบุหรี่อย่างเหมาะสม
- จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ไวน์ โซจู เพราะอาจส่งผลให้ผิวหยาบกร้าน ก่อให้เกิดริ้วรอยที่ทำให้หน้าแก่
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิว เน้นการรับประทานผักและผลไม้ เช่น ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะเขือเทศ ผักใบเขียว ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวและอาจช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้
